เส้นทางวันนี้
- มื้อเช้าที่ Le Pain Quotidien
- เดินเล่นที่ถนน Arbat
- มื้อเที่ยงที่ White Rabbit
- นั่งรถ Hop-on Hop-off
- ตกเรือ Radisson Cruise รอบเย็น
- เลยต้องไปรอบค่ำแทน
- ก่อนหน้านั้นก็ไปเดินเล่นที่ห้างแถวๆ นั้นที่ชื่อ Evropeyskiy
แผนที่เส้นทาง
https://goo.gl/maps/UR7iCTKA2ERevZzZ7
วันนี้เกือบตื่นสายแน่ะ
นาฬิกาปลุกตอน 8 โมง แต่นอนเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็ 8.30 เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปกินข้าวเช้าตอน 9 โมง
เช็กอุณหภูมิก่อนออกสักหน่อย โอ้! อุณหภูมิลดฮวบฮาบ
พอออกไปข้างนอก ก็รู้สึกว่าเย็นขึ้นจริงๆ แถมยังไม่มีแดดด้วย สดชื่นดีเหมือนกัน หลังจากเจออากาศร้อนมาหลายวัน
วันนี้เราไปกินมื้อเช้าที่ Le Pain Quotidien เป็นร้านคาเฟ่ที่อยู่หัวมุมถนน New Arbat
เป็นคาเฟ่ที่เรามาส่องๆ เมื่อวานนั่นแหละ เดินมาจากโรงแรมประมาณ 500 เมตร
พอเห็นหน้าร้าน ชักหวั่นๆ ว่าร้านเปิดรึเปล่า เพราะไม่มีใครนั่งข้างนอกเลย ต่างกับเมื่อวานที่คนนั่งกันเต็ม
เดินเข้าไปใกล้ๆ ร้านถึงค่อยเห็นว่า อ๋อ คนเข้าไปอยู่ข้างในกันหมด คงต้องการหลบหนาว
เปิดประตูร้านเข้ามา บรรยากาศร้านอันแสนโฮมมี่ก็โจมตีเราทันที
ได้โต๊ะแล้วก็ดูเมนู เราดูแค่ฝั่งที่เป็นอาหารเช้าละกัน
มีพวกครัวซองค์ แล้วก็เมนูอาหารเช้าอื่นๆ
รู้แหละว่าร้านนี้เน้นขายขนมปังและเบเกอรี่ แต่เราก็สั่ง porridge มากินอีกจนได้ ก็มันชอบอะ
เราสั่ง Porridge แบบมีเมล็ดเจีย โกจิเบอร์รี่ อัลมอนด์ แยมเบอร์รี่ และนมปกติ
Porridge ที่นี่อร่อยที่สุดตั้งแต่มารัสเซียแล้ว เพราะมันไม่หวาน มีความนมๆ ต้มได้เข้มข้น ท็อปปิ้งที่ใส่มาก็อร่อย
พ่อเราสั่งครัวซองค์แฮมชีส ก็ดูน่ากินไม่แพ้กัน
กาแฟสั่งเป็นเอสเพรสโซ่กับแฟลตไวท์ ตัวแฟลตไวท์แอบมีความนมๆ ไม่ได้เข้มข้นมาก หรืออาจจะเป็นเพราะเราเพิ่งกินเอสเพรสโซ่นะ
กินเสร็จก็เรียกคิดตังค์ ราคาแพงกว่าร้าน PAUL เมื่อวานที่กินนิดนึง
เดินกลับโรงแรมท่ามกลางอากาศเย็นๆ แล้วกะว่าจะออกมาเดินเล่นอีกทีบนถนน Arbat ตอน 10.30
แต่สุดท้ายก็ออกเลตนิดนึง เป็น 10.45 แทน
10.45: Arbat Street
ถนน Arbat เป็นถนนคนเดินที่ยาวประมาณ 1.7 กิโลเมตร
เดินไปสักพักก็จะรู้สึกว่า คนมันน้อยๆ แฮะ สองข้างทางก็ไม่ค่อยมีร้านรวง ส่วนใหญ่จะขายพวกของฝากไม่ก็ร้านอาหาร ไม่ได้มีร้านแบรนด์เนมเท่าไร
เดินมาสักพักนึง เริ่มเห็นคนแล้ว! เอ หรือว่าโรงแรมเรามันติดกับถนนฝั่งที่เป็นปลายถนน เลยไม่ค่อยมีคน
พอเดินเข้ามากลางๆ ถนน คนก็เริ่มเยอะขึ้น
แต่โดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเป็นถนนคนเดิมที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ไม่มีอะไรให้ช้อป คนก็เดินไม่เยอะ
เราเดินไปสุดถนนแล้วก็เดินกลับ ขากลับแอบไปส่องเส้นทางเพื่อไปร้าน White Rabbit ร้านที่จองไว้ตอน 12.30
เพราะจำได้ว่า ร้านมันอยู่ตรงข้ามถนนฝั่งโรงแรมเรา ใกล้แค่เอื้อม
…ติดตรงที่ว่า หาทางข้ามถนนไปอีกฝั่งไม่ได้
ชีวิตฟังดูเศร้าขึ้นมาทันที
เลยลองเปิด google maps ดู ก็ได้คำตอบว่าให้ไปข้ามฝั่งตรงกระทรวงเวทมนตร์…หมายถึงกระทรวงต่างประเทศ ที่ตึกดูล้ำๆ นั่นละ
พอเดินไปถึง ค่อยเห็นว่ามีอุโมงค์ลอดใต้ถนน โอเครอดละ เจอวิธีข้ามฝั่งแล้ว
ขากลับโรงแรมเราแอบแวะสถานที่ที่คาดว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ใกล้โรงแรม ที่คาดว่าเป็นเพราะเห็นตัวเลข 24 ซึ่งขอเดาว่าเปิด 24 ชั่วโมง
พอเข้าไป โอเค ไม่ใช่แบบที่เราคิด มันเป็นร้านเล็กๆ ที่ขายของแค่ไม่กี่อย่าง มีแค่พวกของสด ยา กาแฟ ดูแล้วงงๆ ว่าพวกแกมารวมตัวกันได้ไง
กลับมาถึงโรงแรมตอน 12.00 ก็เตรียมตัวเล็กน้อย ก่อนจะออกไป White Rabbit โดยใช้เส้นทางที่เพิ่งค้นพบเมื่อกี้
พอเดินข้ามฝั่งมา ก็ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงตึก Smolenskaya Square เดินเข้ามาในตัวตึกจะเจอกับโซนขายเครื่องสำอาง
อ่านรีวิว ก็ได้ความว่าต้องเดินไปสุดโซน เพื่อไปยังโซน Tower ซึ่งตรงนั้นจะมีลิฟต์ให้ขึ้น
แต่พอเราเดินไปสุด ก็ไม่เจออะไร เจอแต่เคาน์เตอร์ Information ที่ช่วยอะไรไม่ได้ เลยเดินงงๆ กลับมาพร้อมกับเปิด google maps ไปด้วย เลยสันนิษฐานว่า อาจจะอยู่ฝั่งอื่นรึเปล่า
ลองเดินมั่วๆ ดู ก็มาเจอจุดนึงที่มีป้าย White Rabbit เขียนอยู่ ว่าแล้วก็ตรงไปเลย
โอเคเริ่มเห็นทางละ จากตรงนี้ไม่ยากเท่าไร พอเจอลิฟต์ก็กดไปที่ชั้น 5
พอมาถึงชั้น 5 เราต้องต่อลิฟต์อีกอันนึง ต้องเป็นอันที่มีป้ายบอกว่าไปร้าน White Rabbit นะ ตอนแรกเราเกือบเข้าลิฟต์ผิดอันละ
พอมาถึง ก็กดไปที่ชั้น 16
ออกมาปุ๊บ ก็เจอกับภาพวาดกระต่ายต้อนรับเราทันที บ่งชี้ว่ามาถูกทางแล้ว
12.30: White Rabbit
เลี้ยวซ้ายไปก็จะเจอทางเข้าร้าน เจอกับเคาน์เตอร์ต้อนรับก่อนเลย เราก็บอกว่าได้จองไว้แล้ว สักพักพนักงานลุคเชิดๆ ก็เดินนำเราไปที่ชั้น 2 ของร้าน เป็นชั้นที่เค้าชอบมาถ่ายรูปกันนั่นแหละ
ร้านอาหารมีความโปร่ง หลังคาเป็นแบบหน้าต่างมองออกไปเห็นข้างนอก เห็นวิวแบบ 360 องศา
แต่เราก็ดูวิวอยู่แค่โซนที่ใกล้ๆ ที่นั่งเราแหละ ไม่กล้าลุกไปโซนอื่นๆ กลัวไปรบกวนลูกค้าคนอื่น
เมนูค่อนข้างหลากหลายเลย โชคดีที่ทำการบ้านล่วงหน้ามาแล้ว ว่ามีเมนูไหนน่าสั่งบ้าง
ของเราปักหมุดไว้เลยว่าเป็นสลัด Fried shrimp, courgettes, cucumber and avocado (1,320 รูเบิล) เพราะเห็นรีวิวตรงกันว่าอร่อยถึง 2 เจ้า แต่ยังไม่เคยเห็นภาพเต็มๆ ก็เลยเดาว่าอาจจะมาแบบกระจุ๋มกระจิ๋ม
เมื่อสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรอก็ลุกไปถ่ายรูปร้านเล่น การตกแต่งของร้านมีความอลิซอินวันเดอร์แลนด์อยู่ในรายละเอียด
ไม่นานนักก็มีออเดิร์ฟฟรีมาเสิร์ฟ เป็นเรดิชกับครีมเปรี้ยว
ถ้าใครชอบกินผักก็น่าจะโอเค เพราะแรดิชดิบๆ มันก็โคตรจะผักเลย แต่ได้ครีมเปรี้ยวมาช่วยก็อร่อยดี
รออีกแป๊บนึงอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ สลัดของเรามาแล้ว หน้าตาดีกว่าที่คิดมากๆ ไซส์ก็ค่อนข้างโอเคเลย
พอลองกินแล้ว ก็อร่อยอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ ละ กุ้งนี่กรอบมาก เหมือนย่างมามากกว่าทอด แต่ทอดของฝรั่งก็อาจจะหมายถึงการแนบกระทะเบาๆ ก็ได้
ทางด้านน้ำสลัดก็ออกเค็มๆ หวานๆ กลมกล่อมดี ผักโดยรวมก็หลากหลาย เป็นสลัดอีกจานที่อร่อย
ต่อมาคือจานกลาง อย่าง Octopus BBQ with tomatoes and potatoes (1,650 รูเบิล) เป็นหนวดปลาหมึกยักษ์ จานนี้ดีงามมาก เนื้อปลาหมึกนี่นุ่มและกรอบอย่างกับเนื้อกุ้งแน่ะ ไม่มีความเหนียวใดๆ เลย นุ่มลิ้นมาก
จานกลางต่อมาคือ Crab cake, mango and avocado (1,790 รูเบิล) จานนี้ก็เด็ด เป็นเนื้อปูอัดกันเป็นก้อน กลิ่นหอมมากๆ รสชาติก็นุ่มละมุนสุดๆ กินคู่กับมะม่วงและอโวคาโด อร่อยจริงๆ
Side dishes ก็สั่งนะ อันแรกคือ Mashed potatoes and truffle (490 รูเบิล) เป็นอีกครั้งที่ต้องอุทาน ขนาดมันบดยังทำอร่อยเลย เนื้อเนียนมาก
อีกจานคือ Grilled avocado, pumpkin and chimichurri sauce (670 รูเบิล) จานนี้เราแอบกลัวๆ ไอ้กลมๆ สีส้มๆ นั่น จิ้มดูแล้วมันเหลวๆ เลยไม่กล้ากิน พอคนอื่นกินก็บอกว่ามันคือไข่!! โอยเกือบไปแล้ว เราไม่กินไข่ไง จานนี้เลยตักแค่อโวคาโดกิน
จานเดี่ยวอื่นๆ ที่คนอื่นสั่งก็มีจานปลาและเนื้อ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย
ฟากเนื้อนั้น เค้าสั่งกันแบบ medium rare ความพรีเมียมอยู่ตรงที่ตอนพนักงานมาเสิร์ฟ เค้าจะขอให้เราลองหั่นเนื้อดูด้วย ว่าตรงตามที่ขอไว้ไหม งานละเอียดมาก
สรุปคือตรง เลยถามพนักงานต่อว่าถ้าไม่ตรงล่ะ พนักงานจะทำยังไง??
พนักงานก็บอกว่า “เราก็จะปรุงจานใหม่ให้คุณเลย!” ทุ่มเทมากจริงๆ กราบ
ของคาวเสร็จ ก็ถึงเวลาของหวาน สั่งไป 2 อย่าง
ความเซอร์ไพรส์คือระหว่างรอของหวาน พนักงานก็นำขนมจานนึงมาเสิร์ฟ เป็นสตรอเบอร์รี่และลูกกลมๆ สีชมพู
พนักงานบอกว่า แถมฟรีจากเชฟ!
โอย จะใจดีไปไหน เคลิ้มแล้วนะ
พนักงานบอกว่าลูกกลมๆ นั่นเปราะบางมาก ให้อมไว้ในปากเฉยๆ นะ เดี๋ยวมันจะแตกเอง
ลองทำตาม ปรากฏว่าใช่ มันแตกเองจริงๆ แตกง่ายมาก ข้างในเป็นน้ำรสชาติเหมือนแยมเบอร์รี่ แต่ไม่เข้มข้นเท่าแยม แบบว่าอร่อยเลย
ระหว่างรอขนมหวานที่สั่ง ก็หยิบสตรอเบอร์รี่กินไปพลางๆ
ของหวานมาเสิร์ฟพร้อมกันทีเดียว 2 จานเลย
อันแรกคือ Wild strawberry and sour cream ice-cream (1,170 รูเบิล) อันนี้มีความเรียบง่าย เค้าปาดไอติมรองพื้นไว้ แล้วทับด้วยสตรอเบอร์รี่จิ๋วอีกที เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยดี เบาท้องดีด้วย
อันที่สองคือ Sweet cherry “medovik” and sour cream ice-cream (530 รูเบิล) จานนี้เสิร์ฟมาพร้อมเค้กน้ำผึ้งชิ้นเล็กๆ ตัวขนมเป็นแป้งกรอบๆ ซ้อนทับกับไอศกรีม โรยด้วยเชอร์รี่ ก็อร่อยดีนะ รสชาติมีความคล้ายอันแรก เปรี้ยวๆ หวานๆ
แต่โดยรวมแล้ว ของหวานที่นี่ ไม่ได้เว่อร์วังอลังการขนาดนั้น ค่อนข้างเรียบง่าย
อันที่จริง ขนมหวานของรัสเซีย เราว่าเค้าไม่ค่อยเล่นใหญ่เท่าไร เหมือนกินแค่พอล้างปาก บางทีก็เสิร์ฟแค่ผลไม้งี้
ทางฝั่งกาแฟ เอสเพรสโซ่เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลต ที่รสชาติไม่ขมมาก ออกนมๆ
บิลของที่นี่ ใส่มาในกระบอกตุ๊กตาแม่ลูกดก น่ารักมาก


สรุปแล้ว เป็นอีกมื้อที่เต็มอิ่มและประทับใจ ใช้เวลากินไปทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง
ก่อนออกไปก็แวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย ห้องน้ำที่นี่มีกิมมิกตรงที่เหนือชักโครกมีรูปกระต่ายด้วย ขนาดห้องน้ำเค้ายังตามไปแต่ง แถมยังมีเพลงโอเปร่าเปิดให้อีกแน่ะ
เดินกลับโรงแรมมาทางเดิมเพื่อเตรียมตัวออกไปนั่งรถ Hop on Hop off ที่จองไว้สำหรับวันนี้และพรุ่งนี้ กะว่าจะไปขึ้นสายแดงตรงแถวๆ จตุรัสแดง
เรามาลงเมโทรที่สถานี Ploschad Revoyuttsi เช่นเดิม เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับรถแดงที่ตามหา จอดอยู่ใกล้ๆ วิหาร St.Basil
15.30: Hop-on Hop-off
มาทันเวลาพอดี โชคดีไป ว่าแล้วก็เดินไปที่รถ เอาตั๋วให้เค้าดู เค้าบอกว่าเดี๋ยวจะเอาตั๋วจริงมาให้ที่เก้าอี้อีกที ให้เราขึ้นไปนั่งก่อนได้เลย
เราก็ขึ้นมานั่งชั้นบนสุด ตรงที่ไม่มีหน้าต่างคั่น อากาศตอนนั้นก็จะร้อนๆ หน่อย เดี๋ยวแดดส่องซ้ายทีขวาที เราก็ขยับหลบแดดไปเรื่อย โชคดีว่าด้านหลังที่เลือกนั่งนั้นไม่มีคน
สักพักพนักงานก็เอาตั๋วมาให้ เป็นตั๋วที่ใช้ได้ 2 วันตามที่เราจ่ายตังค์มา
ระหว่างรถแล่น เราก็เปิดดูแผนที่ของรถไป ฟัง audioguide ของเขาไปด้วย มีภาษาอังกฤษด้วยนะ ของเราอยู่ที่ช่อง 2
รถออกแล่นไปเรื่อยๆ เราก็เก็บภาพตามไปด้วย ได้สวยมั่งไม่สวยมั่ง
แต่ที่ขัดใจสุดคือ รถติดมากกกกก
จึงตระหนักได้ว่า การขึ้นรถแดงนี่เป็นความคิดที่ผิดสำหรับเมืองนี้ เพราะแค่ถนนตรงจตุรัสแดงก็ใช้เวลาหลายนาทีแล้ว
ความกังวลเริ่มมาเยือน เพราะเราซื้อตั๋วขึ้นล่องเรือตอน 5 โมง แต่ตอนนั้นคือไม่มีทีท่าว่าเราจะสามารถนั่งรถแดงได้จนจบครบรอบ เลยตัดสินใจว่า งั้นเดี๋ยวลงตรงจุดที่มีเมโทรละกัน
นั่งมาสักพัก ก็ไปลงตรง Bolshoi Theatre
ขอเก็บภาพนิดนึง ก่อนไปรีบเร่งต่อ
ดูเวลาแล้ว กระชั้นชิดมากๆ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก เลยเรียก Yandex มา ปักหมุกให้ไปส่งที่โรงแรม Radisson อันเป็นจุดที่เรือออก
ตอนแท็กซี่มา ก็ชุลมุนต่ออีกเพราะยืนคนละฝั่งกับแท็กซี่ ต้องวิ่งข้ามถนนกันหน้าล่ก
ขึ้นรถมาได้ นึกว่าจะรอดแล้ว…. คิดผิดซะละ
เหมือนเราลืมไปเนอะ ว่าการจราจรของมอสโคว…โดยเฉพาะแถวๆ จตุรัสแดง มันวิบัติมาก!!
แท็กซี่ที่เราขึ้นนั้น กว่าจะออกมาจากโซนจตุรัสแดงได้ ก็ปาไปเกือบ 20 นาที ดูท่าทีแล้วขึ้นเรือไม่ทันแน่ๆ ฟีลตอนนั้นคือเฟลมาก เฟลทั้งรถแดง เฟลทั้งเรือ
เลยคิดกันว่า งั้นเดี๋ยวไปที่โรงแรม แล้วขอต่อรองเป็นรอบต่อไป รอบ 3 ทุ่มละกัน
พอหลุดออกมาจากโซนจตุรัสแดงได้เท่านั้นแหละ โอ้โห รถวิ่งฉิวอย่างกับเมืองนี้ไม่มีรถติด แป๊บๆ ถึงโรงแรมแล้ว
และเราก็เพิ่งรู้ว่า นอกจากเราซึ่งเป็นผู้โดยสารจะสามารถให้เรตติ้งคนขับได้แล้ว คนขับยังสามารถให้เรตติ้งผู้โดยสารได้เช่นกัน
ที่รู้เรื่องนี้เพราะน้องเราเหลือบไปเห็นคนขับกด 5 ดาวให้เราพอดี เออ เซอร์ไพรส์แฮะ ขนาดเราขึ้นรถสายเค้ายังให้ หรือเค้าจะสงสาร (?) ที่เห็นเราวิ่งหน้าตั้งกันมา
พอถึงจุดหมาย ก็เดินเลาะเลียบเคียงหน้าโรงแรม ช่างเป็นโรงแรมที่หรูอลังการอะไรเช่นนี้
เดินตรงมาเรื่อยๆ มุ่งไปทางแม่น้ำ ก็จะเจอกับตึกทำการของเรือสำราญ
เข้าไปในตึก สอบถามเจ้าหน้าที่เรื่องรอบเรือที่เราขึ้นไม่ทัน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คุยง่ายกว่าที่คิดมาก เพียงแค่บอกว่าขึ้นไม่ทัน เธอก็เสนอมาว่างั้นรอบต่อไปก็ได้ เริ่มขึ้นเรือตอน 20.30 นะ ส่วนเรือออก 21.00
มีการกำชับด้วยว่าเริ่มขึ้นเรือ 20.30 นะ ห้ามลืม!! ไม่มีโอกาสรอบสองแล้วนะ
โอเค พอเลื่อนรอบเรือได้ ก็สบายใจละ มีเวลาเพิ่มขึ้นอีกโข ทำอะไรดีๆๆ
คิดกันว่างั้นกลับไปเดินเล่นแถวๆ จตุรัสแดง หรือไม่ก็กลับโรงแรมละกัน เดี๋ยวค่อยออกมาอีกที
เราก็เลยมุ่งหน้าไปยังสถานี Kievskaya ซึ่งอยู่ใกล้โรงแรมมากที่สุด แต่ใกล้ที่สุดนั้น ก็ยังต้องเดินไปประมาณ 10 กว่านาที ลัดเลาะผ่านสวนซึ่งอยู่อีกฝั่งถนนไป
สวนนี้ดูร่มรื่น ดูเป็นสวนสำหรับชุมชนแถบนี้ ซึ่งเป็นตึกแถวซะเยอะ ตรงนี้ดูเป็นโซนถิ่นที่อยู่
เดินทะลุออกมาสวน ก็เจอกับห้างฯ ขนาดใหญ่ คาดว่าเมโทรคงอยู่แถวๆ นั้น
แต่พอเห็นห้างแล้ว ก็เปลี่ยนใจ งั้นเราเดินเล่นรออยู่ในห้างกันเถอะ! จะได้ใกล้กับเรือ ไม่ต้องไปๆ กลับๆ รถไฟ
ว่าแล้วก็เดินเข้าห้างซะเลย
17.35: Evropeyskiy
ห้างนี้มีความคึกคักอยู่นะ มีหลายชั้นด้วย การตกแต่งก็ค่อนข้างเล่นใหญ่
เราก็สำรวจไปทีละชั้นๆ อย่างคนมีเวลาเยอะมาก
เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ที เช่น ร้าน Natura Siberica เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของรัสเซีย ราคาไม่แพงมาก แม่เราซื้อกลับไปเป็นของฝากอยู่บ้าง
โซนบูธของกินก็มี ส่วนใหญ่เป็นขนม เดินดูเพลินๆ ได้
แต่ละจุดเค้าจะมีตกแต่งธรรมชาติไว้ด้วย เดี๋ยวเอาต้นไม้ดอกไม้มาวางบ้าง เดี๋ยวเอารูปปั้นสัตว์ที่ขยับได้มาวางบ้าง
โรงหนังก็มีนะ อยู่ชั้นบน ดูหรูอยู่
มีชั้นสำหรับเด็กๆ ด้วย เป็นร้านขายของเล่น ไม่ก็เสื้อผ้าข้าวของสำหรับเด็กๆ
ข้างบนก็จะเป็นโซนร้านอาหาร มี Marketplace ซึ่งเป็น food court ที่ใหญ่มาก มีหลายร้านให้เลือก
เรายังไม่ค่อยหิวเท่าไร เลยสั่งไปกันแค่น้ำแครนเบอร์รี่จาก Tepemok ที่กินวันก่อนแล้วติดใจ
แต่ไม่นานนัก คนอื่นๆ ก็เริ่มสั่ง KFC มากินกัน
พอใกล้ๆ 2 ทุ่ม เราก็ออกจากห้าง เดินทะลุผ่านสวน กลับทางเดิม เพื่อตรงไปยังท่าเรือ
ทำเวลาได้ดี ถึงตรงนั้นประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ เลยเดินเล่นถ่ายรูปสวนใกล้ๆ ไป
พอใกล้เวลาก็เดินไปต่อคิวเรือ ซึ่งเปิดให้ขึ้นเรือได้ตอน 20.30 เป๊ะๆ
20.30: Radisson Cruise
ขึ้นไปบนเรือ ก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะได้เลย บนเรือจะตกแต่งเหมือนร้านอาหาร ด้านข้างและด้านบนเรือจะเป็นหน้าต่างที่มองออกไปเห็นข้างนอกได้
ตอนนั้นแดดเริ่มหุบแล้ว รู้สึกโชคดีเบาๆ ที่พลาดรอบ 5 โมงไป ไม่งั้นร้อนแน่ๆ
พอนั่งเรียบร้อยแล้ว บริกรก็เอาเมนูมาให้ดู เมนูเค้าเยอะมากๆ เนื่องจากทุกคนยังไม่หิว (เพราะเพิ่งกินกันไป) ก็เลยสั่งแค่เครื่องดื่ม
เราสั่ง Raf Coffee เพราะเห็นว่าเป็นกาแฟของรัสเซีย เลยอยากลองชิมดู
หน้าตาเหมือนลาเต้เลย
พอดื่มไปอึกนึง
…โคตรหวาน!!
รสชาติเหมือนวานิลลาลาเต้ ที่ใส่น้ำเชื่อมเยอะไป
สรุปแล้ว ไม่เวิร์กอะ กลับไปสั่งเมนูปกติดีกว่าถ้างั้น
เครื่องดื่มของคนอื่นๆ ก็มาเสิร์ฟพร้อมกัน ทุกแก้วคือรสชาติเบา…
…เบาหวาน!!
ทั้งโกโก้ ทั้งชาผลไม้ หวานปรี๊ดสุดๆ ทำเอากาแฟเราหวานน้อยไปเลย ที่รสชาติดีสุดดูเหมือนจะเป็นน้ำเบอร์รี่ ที่มีความเปรี้ยวมาช่วยกลบ
พอ จบกับเครื่องดื่มเพียงเท่านี้ เรามาชมวิวกันดีกว่า
ตอนแรกเราไม่แน่ใจว่าชั้นดาดฟ้าเรือนั้นขึ้นไปได้ไหม เพราะไม่เห็นใครขึ้นไป เลยลองไปส่องๆ ดูก็เห็นว่าทางขึ้นก็เปิดนี่นา งั้นขึ้นไปดู ถ่ายรูปออกมาได้ชัดขึ้นหน่อย ไม่ต้องถ่ายทะลุผ่านหน้าต่างละ
แต่ลมเย็นมากๆ
อยู่ได้แป๊บนึงก็ลงมาหาความอุ่นเช่นเดิม แต่ก็มีออกไปตรงปลายเรือบ้างตอนที่เห็นแลนด์มาร์กสำคัญๆ
ปลายเรือก็ open air เหมือนดาดฟ้า วิวสวยแต่หนาวมาก
ในที่สุดทริปนี้ก็มีความหนาวเข้ามาผสมแล้ว ดีใจจัง
เรือผ่านจุดสำคัญหลายๆ จุด เช่น มหาวิทยาลัยมอสโคว ที่เห็นแค่ยอดแหลมๆ
โบสถ์ Christ The Savior ที่ดูสวยงามแม้ในยามค่ำคืน
อีกจุดที่พลาดไม่ได้คือ Kremlin ตรงนี้ก็ถ่ายรูปออกมาสวย แต่แอบเสียดายจุดที่จะเห็นวิหาร St.Basil เพราะโดนจุดก่อสร้างบัง (อีกแล้ว ทำไมทริปนี้เจอแต่นู่นนี่มาบัง)
เรือหันหัวกลับตอนมาถึง Zaryadye Park แล้วแล่นกลับไปที่ท่าเรือตามเดิม
ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ ตามเวลา อากาศก็หนาวขึ้นอีก
นี่น่าจะเป็นวันที่อากาศเย็นที่สุด ตั้งแต่มาแล้ว
กลับถึงท่าเรือประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ออกมาเผชิญอากาศหนาวๆ กันต่อ เราตัดสินใจข้ามไปอีกฝั่งถนนเพื่อเรียก Yandex กลับโรงแรม
แต่แล้วอินเตอร์เน็ตก็ใช้ไม่ได้!!
ปกติเราจะเรียก Yandex จากแอปในเครื่องน้องเรา เพราะฉะนั้นคนอื่นๆ ก็เลยไม่ได้มีแอปติดตัวไว้ แต่ปรากฏว่าเครื่องน้องเรารับสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ได้ เครื่องของเราและแม่ก็เหมือนจะไม่ได้ เพราะใช้เครือข่ายเดียวกันหมด
เหลือแต่ของพ่อเรา ที่ใช้ Sim-2-Fly มาจากไทย เลยเป็นสัญญาณของอีกเจ้านึง
งานนี้พ่อเราเลยต้องโหลดแอปเข้าเครื่อง ยืนฝ่าท้าลมหนาวกันไประหว่างรอมันโหลด เมื่อกรอกข้อมูลจำพวกเบอร์โทรศัพท์อะไรเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกรถได้สักที
ดึกป่านนี้ ก็ยังมีคนขับแท็กซี่อยู่ละ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะรถบนท้องถนนยังติดยาวพรืด เดาว่าเพราะเป็นคืนวันศุกร์ คนอาจจะออกไปสังสรรค์กัน
สักพักรถก็มา พาเรากลับโรงแรมโดยสวัสดิภาพ แอบอ้อมหน่อยเพราะจุดยูเทิร์นรถมันค่อนข้างไกล อยู่ตรงกระทรวงเวทมนต์ (กระทรวงต่างประเทศ) ทั้งที่จริงๆ โรงแรมอยู่ใกล้กว่านี้มาก
วันนี้กลับดึกสุดตั้งแต่เริ่มทริปละ หวังว่าพรุ่งนี้จะตื่นไหวนะ
ป.ล. วันนี้เป็นวันเกิดพ่อเรา ทางโรงแรมก็เตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ด้วย ประทับใจอะ แม้ของหวานจะมาเป็นผลไม้ก็ตาม (ฮา) บอกแล้วว่าที่นี่กินขนมหวานอย่างพอเพียง
Next Entry
Kremlin
Zaryadye Park
Moscow State Circus
อ่านตอนก่อนหน้านี้ของ “รัสเซียร้อนมาก”
รัสเซียร้อนมาก #1: แดดแรงๆ ใน St.Petersburg เลยต้องหนีเข้าโบสถ์
รัสเซียร้อนมาก #2: เยือนเกาะกระต่าย วังแคเธอรีน และโดนแท็กซี่โกง
รัสเซียร้อนมาก #3: เยือน 2 วังที่คู่ควร เมื่อมา St.Petersburg
รัสเซียร้อนมาก #4: เที่ยวมอสโคววันที่ตลาดนัดปิดและจตุรัสแดงโดนบัง
รัสเซียร้อนมาก #5: วันเฉื่อยๆ ในร้านสุดขลังและสวนสาธารณะสุดเขียว