เส้นทางวันนี้
- เดินทางจาก St. Petersburg -> Moscow ด้วยรถไฟ
- Hotel Mercure Arbat
- กินมื้อเที่ยงที่ร้าน PAUL
- Izmailovo Kremlin Market
- Red Square (St.Basil’s Cathedral, GUM)
- Nikolskaya Street
- Arbat Street, กินมื้อเย็นที่ร้าน Tepemok
https://goo.gl/maps/vqsNs5YaiccXur537
วันนี้ตื่นเช้ามากกว่าทุกวัน เพราะมีแพลนขึ้นรถไฟไปมอสโคว ด้วยความที่เวลาค่อนข้างกระชั้น โชคดีเราซื้อโยเกิร์ตติดตู้เย็นไว้ตั้งแต่วันแรก และมีเบอร์รี่หลงเหลืออยู่นิดหน่อย เลยกินมื้อเช้ามันในห้องนี่ละ
ออกจากโรงแรมประมาณ 8.15 เดินมาที่สถานีรถไฟมอสโควที่เดิมเหมือนเมื่อวาน คราวนี้เข้าอีกประตูนึงที่เขียนว่าสำหรับ Train Station (เมื่อวานเข้าประตูเมโทร)
สำหรับ Train Station นี่เค้าตรวจความปลอดภัยได้แบบรัดกุมมาก ครั้นก้าวขาเข้าข้างในก็ตรวจกระเป๋าตรวจตัวก่อนเลย อย่างกับอยู่สนามบิน
เดินตรงมาเรื่อยๆ ตามโถง เพื่อไปยังชานชาลา
พอจะเข้าชานชาลา ก็ยังต้องตรวจอีกรอบ! ต่อคิวกันไป เข้มงวดมากๆ
เข้าชานชาลามาได้แล้ว เราก็ไปยืนเรารถไฟฝั่งเรา ประมาณ 8.30 รถไฟก็มา
ทุกคนก็ต่อคิวกันขึ้นรถ ตรงนี้เจอตรวจอีกแล้ว คือก่อนขึ้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจหนังสือเดินทางและตั๋ว อย่างกับเครื่องบินจริงๆ ให้ตาย
รถไฟออกจากสถานีประมาณ 9 โมง สภาพของรถไฟก่อนข้างทันสมัยและสะอาดสะอ้าน
ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็มีอาหารมาเสิร์ฟ เป็นครัวซองค์กับกาแฟและชา พอดีว่าเราก็เพิ่งกินจากที่โรงแรมมา เลยแพ็กอาหารเก็บเข้ากระเป๋าไป
แกะขนมที่ซื้อมาเมื่อวานอวดสักหน่อย อันนี้เป็นเลย์รสเห็ดกับอะไรสักอย่าง ก็อร่อยดีนะ จำรสชาติเป๊ะๆ ไม่ได้ละ นานแล้ว 555
ส่วนอันนี้ก็ชีสแท่งที่เราเคยนำเสนอไป ข้างนอกเคลือกช็อกโกแลต ข้างในเป็นชีส อร่อยล้ำที่สวดด
ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการเดินทาง เราว่าเราหลับไปประมาณ 3/4 ของการเดินทางได้ละมั้ง แต่พ่อกับน้องที่นั่งติดหน้าต่างก็บอกว่าระหว่างทางนี่ไม่มีอะไรเลย ตั้งแต่ออกมาจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จนกระทั่งถึงมอสโควนั้นสองข้างทางว่างเปล่า ไม่มีวิวอะไรให้ดู
13.20 : Moscow
เราถึงสถานีเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตอนประมาณบ่ายโมง ยังจำได้ใช่ไหมว่าสถานีรถไฟที่มอสโควนั้นชื่อเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ส่วนที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้นชื่อมอสโคว…
ออกมาจากสถานีก็เจอกับแท็กซี่ท้องถิ่นมากมายที่กำลังดักรอเหยื่อ มันเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก ทั้งรถทั้งคนปะปนกันมั่วไปหมด อากาศก็ร้อน
และพอมองวิวรอบๆ ก็บอกได้ประโยคเดียวว่า…
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสวยกว่ากันเยอะ!!
ตึกในมอสโคว…อย่างน้อยก็รอบๆ สถานีเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั่นละ ไม่ได้มีความวิจิตรแบบเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลย มันดูเป็นกล่องๆ เรียบๆ ไม่สวยงามอะไรทั้งสิ้น เหมือนสร้างมาเพื่อใช้งานแล้วจบ
จากตรงนี้เราก็ใช้มุกเดิมคือเรียกแท็กซี่ Yandex ให้มาเจอ แต่พอเรียกไปสักพักเราก็เริ่มสงสัยละ ว่ารถมันจะมีที่พอสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางใบยักษ์ๆ 4 ใบไหม ตอนเรียกก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย
ไม่ต้องรอนาน พอรถแท็กซี่ไซส์มาตรฐานมาปุ๊บ ก็เห็นกันชัดแจ้งว่ากระเป๋ายัดท้ายรถไม่พอ นอกจากนั้น ในรถยังมีที่นั่งเด็กที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีก กลายเป็นว่ามีสองเหตุผลที่ทำให้เราต้องเทแท็กซี่คันนั้น (เอ๊ะหรือเขาเทเรา)
ไม่เป็นไร งั้นเรียกใหม่ คราวนี้กดเลือกรถที่เป็นรถตู้ ให้ไปส่งที่โรงแรม ราคาตกประมาณ 800 กว่ารูเบิล
สักพักรถก็มา โอเคว่ายัดกระเป๋าได้สบายมาก มีที่นั่งเด็กเหมือนกันแต่เคลื่อนย้ายออกได้ คนขับเป็นชายชาวรัสเซียที่หน้าตาค่อนไปทางเอเชีย คือแอบเจอบ่อยเหมือนกันพวกหน้าเอเชียแต่พูดรัสเซียเนี่ย
อีกอย่างที่เจอบ่อยก็คือ คนที่นี่ขับรถกันได้หัวร้อนมาก แท็กซี่ส่วนใหญ่ที่เราเจอก็เป็นแบบนี้ (รวมถึงคนนี้ด้วย) คือจะเป็นสายซิ่ง ฉวัดเฉวียน แทรกได้แทรกเอา เบรกกะทันหัน นั่งๆ ไปแล้วก็ใจหวิวๆ ว่าทริปนี้จะราบรื่นไหม
ระหว่างนั่งรถมา ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตึกมันสวยขึ้นแต่อย่างใด
14.20 : Hotel Mercure Arbat
นั่งรถมาประมาณ 40 นาทีร้อนๆ ก็ถึงโรงแรม Mercure ในย่าน Arbat ทันเข้าเช็กอินห้องตอนบ่าย 2 พอดี
โรงแรมสวย ห้องก็ดี
เมื่อจัดการเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาหาอาหารเที่ยงทานกัน ก่อนหน้านี้รู้มาว่าแถวนี้มีร้าน Paul อยู่ใกล้มาก ว่าแล้วก็เลยจัดซะวันแรกเลย
15.15 : PAUL
เป็นการกินมื้อเที่ยงที่ช้ามาก… แต่เราชินละ
เปิดประตูไปก็เจอกับภาพคุ้นตา… เบเกอรี่วางเรียงราย สวรรค์อะไรเช่นนี้
มีโต๊ะคนนั่ง โอเค มันไม่ใช่แค่ร้านขายขนม takeaway ยอดเยี่ยมมาก
แม้จะบอกว่า เฮ้ย ที่ไทยก็มีร้านนี้ แต่เดี๋ยวก่อน ว่าไม่ได้ละเพราะเมนูก็ไม่เหมือนกัน ตอนแรกเข้าร้านไปเราก็ไม่แน่ใจว่าขายแค่ขนมรึเปล่า พอลองถามพนักงานดูถึงค่อยรู้ว่า อ้อ มีอาหารด้วย
มา เรามาส่องเมนูไปพร้อมๆ กัน
ว่าแล้วก็สั่งอาหารกัน เราสั่งเป็นสลัดควินัว ไซส์ออกมากระจุ๋มกระจิ๋มมาก แต่ก็อร่อยดี ออกรสเปรี้ยวๆ หน่อย
คนอื่นสั่งปลาค็อดย่าง รีซ็อตโต้อกไก่ แล้วก็สลัดแซลมอน หน้าตาดูดีกันทั้งนั้น เราแอบชิมๆ บางจานก็อร่อยติดปากเลย โดยเฉพาะรีซ็อตโต้ที่แบบมันนัวมาก
เมื่อทานของคาวเสร็จก็แน่นอนว่ามาร้านแบบนี้ต้องไม่พลาดของหวาน
เราสั่งเค้กนโปเลียนไป เป็นเค้กที่ดูชิ้นใหญ่ดี ตัวแป้งเป็นแป้ง pastry กรอบๆ คล้ายแป้งครัวซองค์นั่นละ ซ้อนทับกับครีมรสชาติหวานนิดๆ ละมุนดี กินทีเศษเลอะกระจาย อร่อยอยู่ๆ
ตบท้ายด้วยเอสเพรสโซ่แบบเดิม ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ
จุดหมายต่อไปของเราคือ Izmailovo Kremlin ซึ่งจากตรงนี้เราก็มุ่งตรงไปยังสถานีเมโทร Smolenskaya แล้วใช้เส้นสีน้ำเงิน
สถานีนี้ก็อยู่ใกล้โรงแรมมากๆ มาพึ่งพาตลอด
ก่อนอื่นก็ซื้อตั๋วก่อนเลย เนื่องจากยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก เลยซื้อตั๋วแบบไป-กลับ ตกคนละ 110 รูเบิล ก็เมกเซ้นส์ละเพราะรอบนึงคิด 55 รูเบิล ว่าง่ายๆ คือไม่มีส่วนลดอะไรทั้งสิ้น จะเอา 2 เที่ยวก็จับ 55 คูณสองไปซะ
ได้บัตรสีแดงๆ ทำจากกระดาษมาแบบนี้คนละใบ ใช้บัตรนี้แปะตรงประตูทางเข้าเลย
จากนั้นก็ลงบันไดเลื่อนยาวๆ อีกครั้ง ดูเหมือนบันไดเลื่อนสูงๆ แบบนี้จะเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของที่นี่
นั่งรถไฟ 7 สถานี มาลงที่สถานี Partizanskaya
แล้วเดินต่ออีกนิด ถ้าออกจากสถานีก็เดินเลี้ยวซ้ายมาจะเห็นโรงแรมแห่งหนึ่ง ให้เดินผ่านโรงแรมไปเรื่อยๆ นั่นละ สุดลูกหูลูกตาก็จะเริ่มเห็นสถานที่หน้าตาคล้ายๆ สมอลล์เวิร์ลด์
ระหว่างทางมีกลุ่มคนอาหรับเดินตามหลังมา รู้สึกได้ถึงความเป็นมิตร (ฉาชีพ) เราเดินเลี่ยงมาทางที่เป็นสวน
เดินตามหลังน้องคนนี้ไป จนอดคิดไม่ได้ว่าน้องคงนึกว่าเราเป็นมิตร (ฉาชีพ) เช่นกัน
16.55 : Izmailovo Kremlin
ปรากฏว่ากลายเป็นอ้อม เพราะพอถึง Izmailovo Kremlin ก็ได้เจอว่านี่มันไม่ใช่ทางเข้าหลักนี่หว่า
ทางเข้าหลักมันต้องมีสะพานแกรนด์ๆ เชื่อมไปยังตัวตึก เหมือนเข้าประสาทสิ
อ้อ นั่นไงสะพานที่ว่า เราเข้ามาผิดทางจริงๆ อ้อมเกิ๊น
เดินลัดเลาะแผงขายขนเฟอร์มาเรื่อยๆ ก็เจอกับสะพานที่ตามหา
มองจากตรงนี้ ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังจะเข้าสวนสนุก เข้าสมอลล์เวิร์ลด์ เข้าแดนเนรมิต
มองจากตรงนี้ ทางเข้าดูยิ่งใหญ่จริงๆ ด้วย
ผ่านประตูนี้ไปก็จะเป็นข้างในแล้ว
วูล์ฟเวอรีนมายืนต้อนรับ
ผ่านประตูมาแล้ว ก็พบเจอกัน…ความเงียบเหงา
เอ่อ เรามาถูกที่ใช่เปล่า ทำไมมันไม่คึกคักอะ
รอบๆ ด้านคือคนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็แอบได้ยินเสียงเสียงเด็กๆ ร้องเฮฮามาจากตึกบางตึก สงสัยเหมือนกันว่าเค้าทำอะไรกัน
เสียงเพลงของที่นี่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนสนุก เพียงแต่เป็นสวนสนุกที่คนน้อยมั่ก
คนน้อยแบบนี้ เอ จะมีตลาดให้เดินรึเปล่าหว่า
ไม่เป็นไร เดินถ่ายรูปตึกลูกกวาดพวกนี้ไปก่อน สวยดี
สีลูกกวาดมากๆ ชอบ
สถาปัตยกรรมสวยๆ ทั้งนั้น เห็นแล้วน่าถ่ายรูปไปหมด ตามตึกต่างๆ ยังก็ได้ยินเสียงเด็กร้องเฮฮาไม่ขาดสาย อย่างกับว่าข้างในมีเครื่องเล่นอะไร
เดินวนไปวนมา เดินข้ามฝั่งมาแล้วก็เจอว่าบริเวณที่ควรมีแผงขายของ มีบูธ ตอนนี้ว่างเปล่าโล่งโจ้ง
สรุปคือ…วันนี้ไม่มีตลาด เดาว่าเพราะไม่ใช่วันหยุดหรือสุดสัปดาห์ละ ว้า แป้กเลย
ในเว็บมันก็ไม่ได้บอกนะว่าตลาดมีวันไหน มันบอกแค่ว่าเปิดทุกวัน
โอเค แกไม่ผิด แกเปิดจริงๆ แต่อย่างน้อยบอกหน่อยก็ดีน้าว่าเปิดแบบ full option รึเปล่า T^T
อะไม่เป็นไร มองในแง่ดีคือคนน้อย เราสามารถเลือกมุมถ่ายรูปได้สบายๆ และอย่างน้อยก็ยังมีร้านขายของที่ระลึก 1-2 ร้านที่ยังเปิดอยู่
เมื่อแผนไม่เป็นไปตามที่วางไว้ เราก็คิดว่าจะกลับไปเดินเล่นที่จตุรัสแดง (Red Square) แทนละกัน
เราเดินย้อนกลับทางเดิม
ขึ้นสถานี Partizanskaya แล้วนั่งกลับทางเดิม จะไปลงตรง Ploshchad Revolyutsii ที่ซึ่งเป็นสถานีใกล้ๆ Red Square
แต่ไหนๆ ก็ขึ้นรถไฟมาแล้ว ขอแวะเยี่ยมชมสถานีระหว่างทางที่สวยๆ สักหน่อย โดยเราได้แวะสองสถานีคือ Elektrozavodskaya และสถานี Kurskaya
Elektrozavodskaya มีจุดเด่นตรงหลอดไฟบนเพดาน
ส่วน Kurskaya ก็เล่นกับแนวโค้งๆ ของเพดาน สวยกันไปคนละแบบ
และแล้วก็มาถึงสถานีหลักอย่าง Ploshchad Revolyutsii ซึ่งเป็นชานชาลาที่มีรูปปั้นทหารและประชาชนมากมาย
มีรูปปั้นทหารกับสุนัขของเขา เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องมาลูบจมูกสุนัขเพื่อขอพร จนตอนนี้จมูกสุนัขกลายเป็นสีทองไปละ
ป.ล. รูปปั้นสุนัขนี่มี 2 จุดนะที่เราเจอ อยู่ใกล้กัน แค่คนละฝั่ง
เมื่อเดินออกมาจากตัวสถานี ก็รู้สึกได้ถึงความแดงของตึกรามบ้านช่อง
รอบด้านดูครึกครื้น ดูมีเทศกาลอะไรหลายๆ อย่าง
เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนเจอกับจุดโยนเหรียญ ประมาณว่าถ้าหันหลังแล้วโยนเหรียญโดยที่เหรียญไม่ออกนอกวง แสดงว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
เดินลัดเลาะไปอีกนิดนึงก็เจอโบสถ์ Kazan ซึ่งของที่นี่สีหวานแหววเชียว ไม่ดูเคร่งขรึมเหมือนที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
18.15 : Red Square
และแล้วเราก็มาถึงจตุรัสแดงอันยิ่งใหญ่!!
เป็นจตุรัสที่เต็มไปด้วย landmark สำคัญๆ หลายแห่ง
ทั้งห้าง GUM ที่อยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1895
ทั้งพระราชวังเครมลิน ที่เดี๋ยวต้องแวะเข้าไปชมด้านในให้ได้ ถือเป็นที่ที่ต้องมาเมื่อมามอสโควเลย
ทั้ง State Historical Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของโบราณ
ทั้งสุสานเลนิน ที่ที่มีร่างเลนินให้คนมาเคารพ ร่างของเลนินถูกอาบด้วยน้ำยาพิเศษทำให้ดูเหมือนแค่นอนหลับไปเฉยๆ ร่างกายไม่เสื่อมสภาพ
แต่เดี๋ยวก่อน ไกลๆ นั่น… อย่าบอกนะว่าเค้ามีจัดงานกันอีกแล้ว! ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็รอบนึงแล้วที่จตุรัสสำคัญของเมืองถูกใช้พื้นที่เป็นการจัดงานเฉลิมฉลอง นี่มาจตุรัสแดงที่นี่ก็ยังโดนอีก เราไม่แน่ใจว่างานที่มอสโควนี่วาระเดียวกันกับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไหม เพราะอันนั้นมันคือวันเกิดเมืองนี่หว่า ไม่รู้ว่าของมอสโควนี่คืองานอะไร
เลยอดได้รูปจตุรัสโล่งๆ ที่มองไปแล้วเห็นวิหาร St.Basil เลย T^T
แต่ไม่เป็นไร ตอนที่เราไปนี่เค้ามีการซ้อมร้องเพลงกันอยู่พอดี เลยได้ดนตรีเพลงแนวปลุกใจอยู่เบื้องหลัง ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
เราเดินเลียบด้านข้างของซุ้มจัดงาน เพื่อไปยังวิหาร St.Basil อันเลื่องชื่อ
18.30 : St. Basil’s Cathedral
เห็นแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะสวยมากๆ ค่อนข้างตรงตามปกทุกอย่าง สีสดใสจัดจ้าน เทียบกันแล้วที่นี่สีดูเตะตากว่าวิหาร Spilled Blood ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อันนั้นจะสีออกหม่นๆ หน่อย
อ่านเจอมาว่า โบสถ์นี้กับพิพิธภัณฑ์ State Historical เคยจะถูกถอดออกจากจตุรัสแห่งนี้ เพราะกีดขวางการเดินสวนสนามของทหารในยุคสตาลิน ถือว่าโชคดีมากที่ยังรอดอยู่
ข้างๆ โบสถ์คือรั้วพระราชวังเครมลิน เดี๋ยวไว้วันหลังจะพาเข้าไปดูกัน
เนื่องจากไม่สามารถขยับไปไหนได้ไกล เพราะเจอซุ้มงานเบียดเอาไว้ เราก็เลยได้ถ่ายรูปกับ St.Basil ในระยะใกล้ๆ แบบนี้แหละ โชคดีที่ช่วงเย็นนั้นแสงส่องตรงนี้พอดี รูปเลยออกมาแสงดีมาก
รูปปั้นหน้าโบสถ์คืออนุเสาวรีย์ Minin และ Pozharsky
เรื่องราวก็คือ สมัยปี 1611 ที่โปแลนด์เข้ามายึดรัสเซียบางส่วน พ่อค้าเนื้อนามว่า Minin ก็ชักชวนผู้คนให้ตั้งกองกำลังทหารเข้าสู้ เขาขอให้เจ้าชาย Pozharsky เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง ด้วยเห็นว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์และวางแผนรบได้ดี ตอนแรกเจ้าชายก็ไม่ยอมเพราะบาดเจ็บอยู่ แต่สุดท้ายก็ทนเสียงเรียกร้องของชาวเมืองไม่ไหว เลยตอบตกลง และทำให้กองกำลังชนะโปแลนด์ในที่สุด
ประวัติของโบสถ์นี้ก็มีความดาร์ก โดยโบสถ์นี้สั่งสร้างโดยพระเจ้า Ivan IV หรือ Ivan The Terrible เพื่อฉลองชัยชนะต่อชาวตาตาร์ (มองโกล) พระเจ้า Ivan IV พอพระทัยในความสวยงามของโบสถ์มาก เลยถามช่างว่าสร้างแบบนี้อีกได้ไหม แน่นอนว่าช่างก็ตอบด้วยความเต็มใจว่าได้ สวยกว่านี้อีกก็ทำได้ แต่จุดหักมุมคือพระเจ้า Ivan IV ไม่ต้องการให้เขาไปสร้างสถาปัตยกรรมแห่งใดที่สวยไปกว่าที่นี่ จึงจัดการควักลูกตาทั้งสองของช่างออกแบบแทน… นอกจากจะโดนใช้งานแล้วยังโดนทรมานอีก เฮ้อ
ชมด้านหน้าแล้ว ก็อ้อมมาข้างหลังสักหน่อย จากตรงนี้เราจะเห็นวิวสวน Zaryadye Park อยู่ไกลๆ เดี๋ยววันหลังเราจะไปกัน
อันนี้ถ่ายย้อนกลับมาจากด้านหลัง ก็จะเห็นเป็นลานโล่งๆ เป็นอีกมุมที่พอใช้ได้อยู่ถ้าอยากได้โบสถ์แบบไกลหน่อย เพราะด้านหน้าโดนเวทีบังหมดจ้า ได้แค่ช็อตใกล้อย่างเดียว
เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินย้อนกลับมา
ผ่านสุสานท่านเลนินเพื่อไปชมวิวยามเย็นอีกครั้ง
เมื่อก่อน Red Square นี่เคยถูกใช้เป็นตลาดค้าขาย และต่อมาก็ไว้จัดงานเฉลิมฉลอง
19.00 : GUM
หลบแดดเข้าห้าง GUM บ้างสักหน่อยดีกว่า
แค่ทางเข้าก็อลังการเหมือนเข้าวังแล้ว
มองย้อนกลับไปผ่านซุ้มประตูโค้ง ได้วิวจตุรัสสวยดี
ข้างนอกว่าห้างใหญ่แล้ว เจอข้างในเข้าไป ยิ่งอลังการงานสร้าง
แต่คนเดินไม่เยอะแฮะ คงเพราะส่วนใหญ่ไปออกันอยู่ข้างนอกมากกว่า ได้ยินมาว่าถ้าเป็นหน้าหนาวคนจะเยอะกว่านี้มาก
ข้างในตัวห้างมีจุดโดดเด่นตรงเพดานโค้งสูงๆ โปร่งๆ มีสะพานเชื่อมในแต่ละชั้นเป็นเลเยอร์ๆ สวยเชียว ถ่ายรูปตรงไหนก็รู้สึกว่าอลังการไปหมด
เดินเล่นแป๊บนึงก็ลงไปซื้อไอติมของที่นี่ เราซื้อตรงซุ้มใกล้ๆ กับน้ำพุตรงกลาง มาเจอทีหลังว่าจริงๆ มันมีหลายซุ้มเลย
ไอติมมีให้เลือกหลายสีหลายรสชาติ แนะนำว่าอย่าไปถามเขาว่ารสนี้รสอะไร เพราะคุยกันไม่รู้เรื่องแน่นอน พอเราชี้เพื่อถามเขา เขาก็เข้าใจผิดว่าเราจะเอารสนี้ แล้วยื่นให้เลย พอเราบอกจะเอารสอื่น เค้าก็ยังยื่นรสเดิมให้อีก จนสุดท้ายก็ต้องจำใจรับมา
เราเลือกรสช็อกชิพ เพราะเห็นหน้าตาแล้วไว้ใจว่ารู้จักกันแน่นอน รสชาติก็โอเคแหละเหมือนไอติมปกติ แต่ด้วยความที่เดินมาเหนื่อยๆ อากาศร้อนๆ พอได้กินแบบนี้มันก็ชื่นใจ ส่วนตัวโคนไอติมนั้นไม่กรอบเท่าไร แอบหนืดๆ นิดหน่อย แต่ก็พอประทังความอยากได้
นั่งกินไอติมเสร็จ ก็ถึงเวลาเดินสำรวจรอบๆ ตัวห้าง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารและร้านขายของแพงๆ ซะมากกว่า
บันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นบนสุด
เสิร์ชเจอมาว่าที่นี่มีซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย อยู่ชั้นหนึ่ง ก็เลยลองตามหากันดู ตอนแรกเกือบจะถอดใจแล้วเพราะไม่เจอส่วนไหนที่หน้าตาเหมือนซูเปอร์ฯ เลย แต่แล้วก็มาสะดุดตาร้านใหญ่ๆ ร้านนึงที่พอมองจากข้างนอก ดูเหมือนร้านขายของฝาก
แอบรู้สึกว่า เอ ใช่ซูเปอร์ฯ รึเปล่านะ เลยเดินเข้าไปสำรวจ ปรากฏว่าใช่จริงๆ เป็นซูเปอร์ฯ ที่ดูริชมาก รวยมาก
บรรยากาศคล้ายๆ Eliseyev Emporium ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลย แต่ที่นี่ใหญ่กว่ามาก
ขนมเยอะมาก น่ากินไปหมด
บางทีของมันอาจจะไม่ได้แพงขนาดนั้น แต่ด้วยวิธีการจัดวาง มันทำให้รู้สึกว่าแพงขึ้นมาทันที
ขนมชีสแท่งสุดโปรดก็มา เลือกรสชาติกันไม่ถูกทีเดียว (เพราะอ่านไม่ออก)
ทั้งขนม ช็อกโกแลต ไข่ปลาคาเวียร์ ขนมปัง ผลไม้ เนื้อสัตว์ แยม บิสกิต ไวน์ ฯลฯ
อยากรู้เหมือนกันว่ามีใครมาเดินซื้อของที่นี่เป็นประจำไหม
ขนมฝั่งเอเชียก็มา
ของสดก็มี อย่าได้หาว่าเป็นร้านของฝากอย่างเดียวเลย
20.15 : Nikolskaya Street
สำรวจของในซูเปอร์ฯ คนรวยเสร็จ ก็เดินออกมานอกห้าง ออกมาทางที่เชื่อมกับถนน Nikolskaya ที่ได้ยินมาว่าเป็นถนนไฮโซ ประดับไฟสวยมาก พอมาเจอก็ตรงตามนั้นจริงๆ ไฟนี่ระยิบระยับเต็มหัวเลย
ถนนดูคึกคักมาก มีคนสัญจรเต็มไปหมด ลบภาพถนนยุโรปเหงาๆ ไปได้
เป็นร้านขายของฝากที่หน้าตาเหมือนร้านยามาก
สุดถนนแล้ว ก็จะออกมาเจอถนนใหญ่
มองย้อนกลับไป ดูเป็นถนนที่มลังเมลืองสุดๆ
ถนนฝั่งตรงข้ามจะเจอกับห้างขายของแม่และเด็กที่ใหญ่ที่สุด
เดินทะลุออกมาจนสุดถนน ก็ว่าจะนั่งเมโทรกลับไปโรงแรมแล้วละ จากตรงนี้เราก็ลงสถานี Lubyanka สายแดง นั่ง 1 สถานีไปขึ้นที่ Okhotny Ryad ซึ่งจากตรงนี้เราก็คาดหวังว่ามันจะเชื่อมต่อกับ Ploschad Revoyutsii สายน้ำเงินได้ง่ายๆ
ปรากฏว่า ความซับซ้อนมาเยือน ทางไปยังสายสีน้ำเงินนั้นไม่ได้เป็นเส้นตรงง่ายๆ อย่างที่เราคิด แต่ต้องเดินวกไปวนมาอยู่นานทีเดียว เนื่องจากสถานีตรงนี้เป็นจุดรวมกันของเมโทร 3 สาย ทั้งแดง เขียว น้ำเงิน
ทางมันไกลและวกวนจนแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าเดินบนดินตั้งแต่แรกจาก Nikolskaya ก็อาจจะถึงสถานี Ploschad Revoyutsii แล้ว 555
พอขึ้นรถจาก Ploschad Revoyutsii ก็ใช้เวลาเพียง 2 สถานีเพื่อกลับมายัง Smolenskaya หรือก็คือสถานีใกล้โรงแรม พอออกมาจากสถานี ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
21.20 : Arbat Street
เนื่องจากอากาศช่วงค่ำๆ นี่ดีมาก ประมาณ 19 องศาที่ไม่มีแดด เย็นสบายสุดๆ เลยเดินสำรวจถนนคนเดิน Arbat อีกสักหน่อย แม้ว่าไฟจะไม่ได้เว่อร์วังเหมือน Nikolskaya แต่ก็มีคนเดินคึกคักอยู่เหมือนกัน
เห็นร้าน Shake Shack ภาษารัสเซียแล้วชอบเผลออ่านว่าเว็กแว็กทุกที
เดินไปเดินมาก็ผ่านร้านแพนเค้กรัสเซียอย่าง Tepemok อีกครั้ง ตอนนั้นเป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว แต่ก็อยากหาอะไรรองท้องสักหน่อยเลยฝากท้องไว้ที่นี่อีกสักมื้อ
21.25 : Tepemok
ร้านเล็กๆ ดูน่านั่ง เราขอเมนูภาษาอังกฤษมาดูตามเคย ลงเอยด้วยแพนเค้กเห็ดชีส แพนเค้กไส้เนื้อๆ ที่เราไม่ได้ร่วมกินอีก 2 อัน และน้ำเบอร์รี่อีกขวด
อันที่จริง สั่งอย่างอื่นไปด้วย แต่วัตถุดิบหลายๆ อย่างเช่นแซลมอนก็หมดไปแล้ว เลยเปลี่ยนเมนูจนมาลงเอยที่ตัวเลือกนี้
รอสักพักนึงก็ได้อาหาร ปรากฏว่า เฮ้ย ไซส์มันใหญ่กว่าสาขาที่ห้าง Galleria มากเว้ย สาขานั้นทบแป้งแค่ชั้นสองชั้น แต่สาขานี้ทบหลายชั้นมาก
สาขานู้นหั่นสี่คนกินแป๊บเดียวหมด แต่สาขานี้หั่นแล้วหั่นอีกก็ยังกินไม่หมดสักที ให้เยอะจุใจมากๆ อิ่มกันไป ไม่รู้เพราะใกล้ปิดร้านรึเปล่า รีบเคลียร์ของไรงี้
ก่อนกลับโรงแรม เราแวบมาดูหนึ่งในตึก Seven Sisters ที่สตาลินสร้าง อย่างตึกกระทรวงต่างประเทศตึกนี้ ที่มองเห็นยอดตั้งแต่อยู่ไกลๆ แล้ว พอมาดูใกล้ๆ ยิ่งเพิ่มความขลังและยิ่งใหญ่ ดูไปดูมาเหมือนตึกสำหรับกระทรวงเวทมนตร์เลย
เสร็จแล้วก็เดินกลับโรงแรมท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายมากๆ
จบวันแต่เพียงเท่านี้ วันพรุ่งนี้เราจะไปลุยกิน Cafe Pushkin และเที่ยวที่อื่นๆ ต่อ รอติดตามกันนะ
Next Entry
Cafe Pushkin
Gorky Park
อ่านตอนก่อนหน้านี้ของ “รัสเซียร้อนมาก”
รัสเซียร้อนมาก #1: แดดแรงๆ ใน St.Petersburg เลยต้องหนีเข้าโบสถ์
รัสเซียร้อนมาก #2: เยือนเกาะกระต่าย วังแคเธอรีน และโดนแท็กซี่โกง
รัสเซียร้อนมาก #3: เยือน 2 วังที่คู่ควร เมื่อมา St.Petersburg