ได้ยินมานานแล้วว่า Get Out เป็นหนังทริลเลอร์เขย่าขวัญที่เป็นที่ชอบใจของหลายๆ คน แค่ดูตัวอย่างเราก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลและความจิตแล้ว เมื่อรู้ว่าหนังเข้ามาอยู่ใน Netflix เลยดูสักหน่อย
*มีสปอยล์*
Get Out เล่าเรื่องของคริส (Daniel Kaluuya) หนุ่มผิวสีที่เป็นแฟนกับโรส (Allison Williams) หญิงสาวผิวขาว ทั้งคู่ดูรักใคร่กันดี วันหนึ่งโรสก็ชวนคริสไปพบเจอพ่อแม่ของเธอที่บ้าน
เมื่อมาถึงที่นี่ แม้ว่าภาพรวมจะดูเหมือนครอบครัวที่อบอุ่น แต่บรรยากาศโดยรวมกลับดูไม่น่าไว้วางใจ ผู้คนดูมีความลับและมีท่าทางแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของโรสเอง หรือ เหล่าคนผิวสีที่เป็นคนรับใช้ที่บ้านหลังนี้ กว่าจะรู้ว่าบ้านหลังนี้อันตรายก็เกือบสายไปแล้ว
ช่วงแรกๆ ของหนังจะเป็นการปูเรื่องราวความสัมพันธ์ของคริสและโรสก่อน พวกเขาเพิ่งคบกันได้ 5 เดือน และฝ่ายชายเองก็ดูกังวลกับการไปเจอพ่อแม่ของฝ่ายหญิง กลัวว่าจะโดนเหยียดสีผิว หนังปั้นตัวละครอย่างคริสให้เรารู้สึกเอ็นดูและเอาใจช่วยได้อย่างรวดเร็ว ด้วยลักษณะของเขาที่ดูซื่อๆ ไร้พิษภัย เลี้ยงหมาและถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ภาพรวมคือดูอ่อนโยนมาก เมื่อเขาเข้ามาในบ้านของครอบครัวอาร์มิเทจ ครอบครัวของโรส บรรยากาศก็ยิ่งน่าลุ้นไปอีกเพราะเราไม่รู้ว่าคริสจะต้องเจอแรงกดดันรูปแบบไหนบ้าง
ยอมรับเลยว่าช่วงแรกๆ ของหนังนั้นจะออกเอื่อยๆ หน่อย หนังดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ ฉะนั้นถ้าดูตอนง่วงๆ ก็อาจจะหลับได้ เพราะมันยังไม่ได้มีอะไรให้ลุ้นมากนัก แต่พอหนังเริ่มดำเนินไปสักพัก พอคริสเริ่มเข้าไปอยู่ในบ้านได้สักพักนึง สถานการณ์โดยรวมก็น่าติดตามมากขึ้น มีการโยนฉากตุ้งแช่เข้ามาบ้างเล็กน้อยให้ได้ตกใจเป็นระยะๆ แต่โดยรวมแล้วหนังมีฉากตุ้งแช่ไม่เยอะหรอก แต่ว่าโผล่มาทีนี่จังหวะดีมาก เล่นเอาสะดุ้งได้เหมือนกัน
เหล่าคนผิวขาว ครอบครัวอาร์มิเทจนั้น มองเผินๆ ก็ดูเป็นมิตรดี แต่ลักษณะท่าทางและการพูดหลายๆ อย่างกลับทำให้เรารู้สึกอึดอัดแทนคริสเลย คือดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีอคติอะไรกับคนผิวสี และดูอยากพูดคุยด้วย แต่หลายๆ ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมานั้นก็ดูจะเฉพาะเจาะจงไปที่คนผิวสีไม่ใช่น้อย เช่น การอวยโอบามา การอวยไทเกอร์ วู้ดส์ การชมว่า Black is Fashion หรือแม้กระทั่งการหยิบเรื่องพละกำลังและเซ็กซ์มาพูด ถามว่าคนผิวสีนี่ลี่ลาเด็ดใช่ไหม ฯลฯ ซึ่งแบบฟังดูแล้วมันน่ารำคาญมากๆ ไม่แปลกใจที่เราจะเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคริส คนผิวขาวอาจจะนึกว่าพวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร และคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่น่าจะไปกระทบอะไรคนผิวสี นึกว่าจะทำให้คนผิวสีรู้สึกดี แต่กลับกันแล้วคำพูดเหล่านั้นกลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนเป็นเพียงสัญลักษณ์หรือตัวแทนของคนผิวสีโดยรวมมากกว่า
พฤติกรรมนี้ของตัวละครก็เหมือนจะสะท้อนภาพความเป็นจริง แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่อเมริกา ไม่ได้เป็นคนอเมริกัน ไม่ได้เข้าถึงประเด็นนี้มาก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ส่วนหนึ่งว่าประวัติศาสตร์เรื่องนี้มีมายาวนาน และคงยังมีหลายคนที่ลืมไม่ได้ ในขณะที่อีกกลุ่มคนก็พยายามจะกลบเกลื่อนด้วยการหยิบยกประเด็นอื่นมาทับ แต่สุดท้ายแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีเส้นคั่นบางๆ อยู่
หนังมีการสอดแทรกมุกตลกมาบ้างเป็นครั้งคราว และเราชอบตรงที่มันเป็นมุกที่เข้ากันกับสถานการณ์ ไม่ได้รู้สึกว่ามันประเจิดประเจ้อ ตัวละครที่ยืนเรื่องปล่อยมุกตลกก็คือร็อด (Lil Rel Howery) เพื่อนผิวสีของคริสซึ่งเป็นตำรวจ คุยกันแต่ละที่นี่ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดได้ดีมากๆ แถมเรายังชอบร็อดตรงที่เขาเป็นคนรักเพื่อน พอเพื่อนหายตัวไปก็ใช้สกิลนักสืบของตัวเองเร่งตามหาเต็มที่
ความพีคของหนังจะมากระจุกตัวอยู่ตอนท้าย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หนังเฉลยปมนั่นเอง เราเองคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวเบื้องหลังจะเป็นแบบนี้ ตอนแรกก็คิดว่าครอบครัวนี้มีอคติแง่ลบกับคนผิวสีรึเปล่า อยากจับมาทารุณกรรมหรือล้างแค้นอะไรทำนองนี้ละมั้ง แต่ผิดคาดเลยเพราะจริงๆ แล้วมันตรงกันข้าม คนผิวขาวกลุ่มนี้เห็นว่าคนผิวสีมีลักษณะทางกายภาพที่เหนือชั้นกว่าตน เลยต้องการจะพึ่งพาข้อดีนี้ด้วยการปลูกถ่ายสมองส่วนหนึ่งของคนผิวขาวเข้าไปแทนที่ ทำให้ตัวตนของคนผิวขาวสามารถเข้าควบคุมร่างของคนผิวสีได้ โดยที่ตัวตนของคนผิวสีก็จะอยู่ใน The Sunken Place หรือถูกสะกดให้เป็นเสมือนผู้โดยสารของร่างตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมร่างตัวเองได้
ช่วงท้ายของหนังจึงกลายเป็นเหมือนเกมแมวไล่จับหนู เป็นช่วงที่ลุ้นมากๆ และได้เห็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของคริสที่ดูแล้วมันส์สะใจดี จากคนที่ติ๋มๆ ก็สามารถสู้คนได้เหมือนกัน แม้กระทั่งตอนใกล้จะจบนั้นก็ยังชวนให้ลุ้นไปอีกว่าคริสจะถูกตำรวจจับหรือไม่ จะโดนข้อกล่าวหาว่าฆ่าคนเพียงเพราะเขาเป็นคนเดียวที่มีชีวิต เป็นคนผิวสี เป็นคนที่มีเลือดติดมือรึเปล่า สุดท้ายก็โล่งใจไปว่าคนที่มาเจอเขาคือร็อด เพื่อนตำรวจของเขานั่นเอง
นอกจากนักแสดงนำอย่าง Daniel Kaluuya จะเล่นได้ดีแล้ว คนอื่นๆ ที่เราว่าเจ๋งไม่แพ้กันก็อย่างเช่น Allison Williams ที่ชอบมากโดยเฉพาะฉากหน้านิ่งเป็นหินของเธอ เปลี่ยนร่างจากสาวร่าเริงเป็นน่ากลัวได้ในฉับพลัน
ตัวละครเสริมที่เล่นได้ดีอีกคู่ก็คือ Betty Gabriel และ Marcus Henderson ในบทคนรับใช้และคนสวนผิวสี ที่แม้บทจะไม่เยอะมาก แต่ออกมาที่นี่สีหน้าและน้ำเสียงชวนให้หลอนได้อีก เป็นตัวละครอีกสองคนที่ทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตรายของบ้านมากๆ
โดยรวมแล้ว Get Out เป็นหนังระทึกขวัญที่ชวนลุ้นไปกับตัวละครมากๆ ว่าจะเจอสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลอะไร ตัวหนังไม่ได้ดำเนินเรื่องแบบกระตุกขวัญขนาดนั้น ตอนแรกค่อนข้างเอื่อยๆ ด้วยซ้ำ แต่เพราะองค์ประกอบลึกลับของหนังนี่แหละที่ชวนให้เราดูต่อไปได้ ความไม่น่าไว้วางใจของตัวละคร ซาวด์เสียงชวนสะดุ้งที่มาได้จังหวะเวลา และฉากหลอนๆ ของคนที่ไม่แพ้หนังผีก็มีให้ผวาเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังวิพากษ์วิจารณ์วัฒนธรรมการเหยียดชาติพันธุ์ได้อย่างตรงไปตรงมา ใครสนใจก็ลองหามาดูกันได้เลย 🙂
Leave a Reply