รีวิว Red Queen (2015): เผ่าพันธุ์ อำนาจ และการหักหลัง…สมรภูมิรบของเด็กสาววัย 17 ปี

ก่อนหน้านี้เคยเห็น Red Queen ของ Victoria Aveyard มาได้พักใหญ่ ได้รับรู้กระแสว่าเป็นนิยาย Dystopian Young Adult ที่ได้รับความนิยมอยู่ เป็นถึงนิยายเจ้าของรางวัล Goodreads Choice Award for Debut Goodreads Author ในปี 2015 บวกกับรูปปกที่สวยไฮโซจึงอยากมีไว้ครอบครอง ตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังว่าเนื้อเรื่องจะสนุกเข้มข้นอะไรมากมาย แต่กลับกลายเป็นว่า พลิกล็อก! เพราะมันสนุกกว่าที่เราคิดมากๆ แถมยังมีประเด็นหนักๆ หลายประเด็นที่นิยายสื่อออกมาอีก

ขอเล่าแบ็กกราวด์ของ Red Queen ก่อนละกัน ตอนที่ตัดสินใจจะอ่านเล่มนี้ก็คิดนานเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้มีแค่เล่มเดียวจบ แต่มี 4 เล่ม แถมด้วยเล่มเสริมอีก! ปกติเวลาเราเห็นนิยายเป็นเซ็ตพวกนี้ก็จะรู้สึกแอบขี้เกียจนิดๆ ละ กลัวว่าถ้ามันเกิดไม่สนุกขึ้นมาแล้วจะออกจากลูปไม่ได้ ต้องทนอ่านไปจนจบ (เราเป็นพวกต้องดันทุรังอ่านให้จบ ไม่งั้นจะรู้สึกเป็นตราบาป) แต่ว่าๆ ซีรีส์ House of Night ที่มีสิบกว่าเล่มก็เคยอ่านมาละ อ่านจบด้วย (แม้จะไม่ได้อ่านเล่มเสริมครบก็ตาม เอาเถอะ…) ฉะนั้นแค่ 4 เล่ม ++ นี่ก็น่าจะอ่านได้ละ

IMG_7936

Red Queen เล่าเรื่องของแมร์ เด็กสาววัย 17 ปี เธออยู่ในโลกซึ่งแบ่งแยกมนุษย์ออกมาเป็น 2 เผ่าพันธุ์ นั่นคือเผ่าพันธุ์ Red (เลือดสีแดง) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเธอ มีสถานะเป็นเบี้ยล่าง และอีกเผ่าพันธุ์คือ Silver (เลือดสีเงิน) มีสถานะเป็นผู้ปกครอง มีพลังวิเศษ สองกลุ่มนี้ก็จะแบ่งแยกชนชั้นกันอย่างชัดเจน เปรียบง่ายๆ พวก Red ก็คงเหมือนชนชั้นแรงงาน รายได้น้อย ไม่ได้รับโอกาสทางสังคม ส่วน Silver ก็เป็นกลุ่ม Elite ชนชั้นสูงในสังคม มีอำนาจ มีพลัง

มีอยู่วันหนึ่ง แมร์ได้พบกับคาล ชายหนุ่มที่เธอพยายามขโมยของจากเขา เธอเล่าให้คาลฟังถึงชีวิตของเธอว่ามันอัปยศอดสูแค่ไหน หลังจากนั้นไม่นานแหละ แมร์ก็ได้รับคำสั่งให้ไปทำงานเป็นสาวใช้ในพระราชวังของราชวงศ์ Silver และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อจู่ๆ แมร์ก็สามารถปล่อยพลังกระแสไฟฟ้าออกมาได้ราวกับไม่ใช่พวก Red ทั่วไป เธอกลายเป็น “ตัวอะไรสักอย่าง” ที่ไม่ใช่ทั้ง Red ไม่ใช่ทั้ง Silver

…เป็นอะไรที่แข็งแกร่งกว่า 2 เผ่าพันธุ์นี้มากๆ

แน่นอนว่าเหล่าราชวงศ์ Silver รู้ทัน เห็นว่าแมร์ต้องเป็นภัยต่อความเสถียรของอำนาจแน่ๆ จึงจับแมร์มาสวมรอยเป็นมารีนา ไททานอส หญิงสาวชาว Silver ชนชั้นสูงที่หายตัวไปนาน แถมเธอยังถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าชายอีกด้วย! เพื่อแลกกับชีวิตสุขสบายของครอบครัวเธอ แมร์จึงยอมตกลงเป็นหุ่นเชิดให้เหล่า Silver ไปโดยปริยาย แต่เชื่อเหรอว่าเธอจะอยู่เฉย? ได้เข้าใกล้บัลลังฆ์ทั้งที ใครจะไม่อยากใช้อำนาจนั้นไปในทางที่ตัวเองต้องการ?

เนื้อเรื่องเข้มข้น ช่วงแรกเนือยหน่อย แต่อ่านไปสักพักรับรองสนุก

ช่วงแรกๆ ของหนังสือ เราค้นพบว่าเราแอบ struggle นิดหน่อย ไม่รู้เพราะการบรรยายกับการใช้ภาษาที่ดูล้นๆ ไปรึเปล่า เรารู้สึกว่ารายละเอียดมันเยอะเกินที่จะเข้าใจภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เราต้องเรียนรู้ระบบของโลกใหม่นี้ เรียนรู้ว่าเหล่า Silver นี่มีหลายตระกูล ซึ่งแต่ละตระกูลก็จะมีพลังวิเศษต่างกันออกไป (ทึ่งมากที่ตอนหลังแมร์จำได้หมด) บทแรกๆ ที่อ่านเลยยังรู้สึกว่าไม่ได้ตื่นเต้นนัก ค่อนข้างเอื่อยๆ เน้นรายละเอียดมากกว่า

แต่พอเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ถึงช่วงเกือบกลางๆ เรื่อง ก็จะเริ่มไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ของตัวละครจะมีความขัดแย้งกันมากขึ้น มีเรื่องราวบู๊แอ็กชั่นมากขึ้น มีเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายมากขึ้น ยิ่งพอช่วงกลางถึงท้ายเรื่องนี่แทบไม่อยากวางหนังสือเลย เพราะมันสนุกทุกตอนจริงๆ อ่านจบบทนึงก็อยากอ่านบทต่อไปทันที ไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับนิยายมานานแล้ว

เด็กสาวอายุ 17 ปีกับภาระท่วมหัว และหนุ่มรอบตัวถึง 3 คน

ทางด้านตัวละคร นางเอกอย่างแมร์นั้นเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 17 ปี แต่ชีวิตเธอเล่นตลกมาก จากที่เป็นเด็กยากจน จู่ๆ ก็ต้องมาเข้าวัง มาเรียนธรรมเนียมปฏิบัติของชาว Silver ต้องมาเล่นละครเป็นหุ่นเชิด อีกทั้งยังต้องคอยวางแผนปฏิบัติการของตัวเองอย่างลับๆ อีก เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสเหมือนกัน กับภาระที่เด็กอายุ 17 ต้องแบกรับไว้ อ่านแล้วกดดันนะ ถ้าเราเป็นเธอ เราคงแพนิกไปหลายวัน

เสน่ห์ของแมร์คือความกล้าที่จะท้าทายระบบ กล้าที่จะตัดสินใจ แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะดูสุ่มเสี่ยงก็ตาม ซึ่งหลายๆ ครั้งมันก็ส่งผลกระทบแย่ๆ เป็นบทเรียนให้เธอเจ็บใจ ถึงอย่างนั้น เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คงเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะต้องมีผิดพลาดกันบ้าง แมร์ไม่ใช่นางเอกประเภทเก่งไปหมดทุกอย่าง เธอเองยังเป็นแค่เด็ก 17 ขวบที่ไม่ประสีประสาโลกเท่านั้น

จุดที่เรายังรู้สึกแหม่งๆ คือนิยายพรรณนาแมร์ไว้ว่าแข็งแกร่งมากๆ สามารถโค่นล้มระบบได้อย่างนู้นอย่างนี้ ไม่มีใครเทียมทาน! แต่เราก็ยังรู้สึกว่าแมร์ใช้ศักยภาพของตัวเองไม่เต็มที่เท่าไร หลายครั้งก็ยังโดน Silver ควบคุมอยู่ โอเคว่าส่วนหนึ่งอาจจะเพราะแมร์ยังไม่ชำนาญกับพลังใหม่ด้วย แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าน่าจะเล่นใหญ่ให้สมกับพลังที่เหนือกว่าสองเผ่าพันธุ์นี้หน่อย

ตัวละครอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับสาวๆ จะต้องถูกใจเรื่องนี้แน่ๆ เพราะมีหนุ่มหล่อถึง 3 คนมาพัวพันกับนางเอก คนแรกคือคิลอร์น หนุ่มเพื่อนสนิทตั้งแต่ยังเด็ก อีกสองคนคือคาลและเมเวน เจ้าชายเลือดสีเงินซึ่งเป็นพี่น้องต่างแม่กัน สองคนนี้มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คาลจะออกแนวขรึมๆ นักรบ ส่วนเมเวนก็ดูเป็นหนุ่มน้อยสดใสไฟแรง

ความพีคมันอยู่ตรงที่ว่า ทุกตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเรื่อยๆ จนเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว พูดมากไปกว่านี้เดี๋ยวจะสปอยล์ แต่เอาเป็นว่า ประโยคเด็ดของนิยายเรื่องนี้คือ “ใครก็หักหลังกันได้ทั้งนั้น” ซึ่งเป็นเรื่องจริงมากๆ สำหรับเรื่องนี้ เพราะตัวละครแทงข้างหลังกันแบบเจ็บเลือดซิบเลย

Dystopia ที่เป็นจริง และอาจกำลังจะเป็นจริง?

มาว่ากันที่ประเด็นของหนังสือ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการแบ่งชนชั้นวรรณะ การตีค่าคนเพียงเพราะเขาแตกต่างจากเรา สิ่งนี้เรามองว่าก็ไม่ค่อยต่างจากโลกจริงๆ ของเราสักเท่าไร ในปัจจุบันมนุษย์ก็ยังเหยียดวัฒนธรรมกันอยู่ ไม่ต้องพูดถึงสมัยก่อนเลยที่มีการเหยียดคนผิวดำ คนยิว จนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นแบ็กกราวด์ของหนังสือจึงไม่ใช่อะไรที่เหนือมนุษย์แต่อย่างใด

การมาของ Scarlet Guard กลุ่มกบฏของชาว Red นั้นคือการลุกฮือขึ้นต่อต้านระบบความเป็นใหญ่ของ Silver พวกเขาเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรมขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือเหล่า Silver เอาเปรียบ Red ทุกทาง ปกครอง Red ทุกย่างก้าว พวกเขามีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่แม้ว่าจะมีกำลังคนน้อย และมีพลังไม่มากเท่าเหล่า Silver แต่ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงนี่ถือว่ายืนหนึ่งท่ามกลางสภาวะที่สุ่มเสี่ยงมากๆ นี่ก็เป็นอีกภาพจำลองของโลกเราเช่นกัน

ถามว่าสิ่งที่ดูหลุดโลกในเรื่องนี้คืออะไรล่ะ? ก็คือการที่เหล่า Silver นั้นจะมีพลังพิเศษราวกับเป็น X-Men นั่นละ แต่ละตระกูลก็จะแตกต่างกันไป อย่างคาลกับเมเวนสามารถควบคุมไฟได้ องค์ราชินีสามารถอ่านใจคนได้ เหล่านักสู้สามารถใช้กำลังมหาศาล บังคับน้ำ ควบคุมเหล็ก ทำตัวให้ล่องหนได้ ก็ว่ากันไป มีเยอะมากๆ จนเราจำไม่หมด จุดนี้ทำให้นิยายดูเป็นแฟนตาซีขึ้นมาทันที

…แต่ เรามาลองคิดเล่นๆ อันนี้ฟุ้งมาจาก Sapiens และ 21 Lessons นั่นคือ ในอนาคต ไม่แน่ว่าคนที่รวยกว่าอาจจะสามารถมีพลังพิเศษขึ้นมาจริงๆ ก็ได้? อาจจะไม่ได้เว่อร์วังอย่างการควบคุมดินน้ำลมไฟ แต่อาจจะเริ่มต้นด้วยการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ควบคุมชีวเคมีในร่างกายได้ มีสติปัญญาฉลาดเฉลียวขึ้น หรือที่หนังสือเรียกว่า “อภิมนุษย์” นั่นละ เราเลยรู้สึกว่าโลกของ Silver กับ Red ดูๆ ไปก็มีความอาจจะเป็นไปได้ในอนาคตไกลๆ นี่เหมือนกันนะ เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก็ไปเร็วมาก เราไม่มีทางรู้เลยว่าอีก 30 ปีข้างหน้า โลกจะเป็นยังไง

ชวนให้อยากอ่านเล่มต่อไปมากๆ

Red Queen จบลงด้วยบท (ไม่) สรุปที่ชวนให้อ่านเล่มต่อไปมากๆ นั่นก็คือ Glass Sword เป็นอีกครั้งที่มีความรู้สึกแรงกล้าว่า อยากอ่านเล่มต่อไปแล้ว (ไม่ใช่ความรู้สึกว่า ต้องอ่านเล่มต่อไปอีกแล้ว)

โดยรวมแล้ว เราคิดว่า Red Queen เหนือความคาดหมายเราไปเยอะเหมือนกัน อาจเพราะเราไม่ได้อ่าน Dystopian YA มาสักพักด้วยละ เลยรู้สึกตื่นเต้น แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เจอว่ามีหลายรีวิวชอบหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน ฉะนั้นแปลว่ามันดีจริง 555 อันนี้เราอ่านเป็นเวอร์ชั่นอังกฤษ ภาษาถือว่าไม่ยาก อ่านได้ลื่นๆ อาจจะมีสะดุดแค่ช่วงที่บรรยายเยอะๆ อธิบายรายละเอียดแยะๆ นั่นละ แต่รวมๆ ถือว่าไม่ยากเกินไป แนะนำเลยสำหรับใครที่ชอบแนวนี้

3 thoughts on “รีวิว Red Queen (2015): เผ่าพันธุ์ อำนาจ และการหักหลัง…สมรภูมิรบของเด็กสาววัย 17 ปี

Add yours

  1. ตอนอ่านชื่อเรื่องครั้งแรกนึกถึง red queen ใน alice in wonderland

    Like

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑