รีวิว Stranger Things 4 (2022): ไม่มีอีกแล้วแก๊งเด็กน้อยที่เธอเคยรู้จัก

และแล้ว! หลังจากรอมา 3 ปี ตั้งแต่ยังไม่มีโควิดจนกระทั่งโควิดไม่ไปสักที เราก็ได้ดู Stranger Things ซีซั่น 4 แล้ว

ซึ่งภาคนี้ทำเก๋ด้วยการทยอยปล่อย 2 วอลุ่ม ให้ลุ้นกันอย่างต่อเนื่องเลย โดย 7 ตอนแรกปล่อยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2022 และอีก 2 ตอนปล่อยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา

มองแวบแรกอาจจะสงสัยว่า ทำไมล็อตสองมันน้อยจังแค่ 2 ตอนเนี่ยนะ? แต่อย่าเพิ่งดูถูกไป เพราะระยะเวลาของทั้ง 2 ตอนรวมกันนี่น่าจะขนาดเท่าภาพยนตร์ขนาดย่อม ๆ 2 เรื่องเลย

เนื้อหาของภาคนี้ก็ต่อเนื่องจากซีซั่น 3 เลย ที่ทิ้งท้ายไว้ว่าทุกคนกระจัดกระจาย แอลพลังหาย และลุงฮอปเปอร์ก็เหมือนจะวาร์ปไปรัสเซียซะอย่างนั้น โดยเล่าถึง 8 เดือนต่อมา

และในภาคนี้ ได้เพิ่มดีกรีความโหดและดาร์กด้วยศัตรูตัวใหม่ ที่แม้จะเพิ่งมาใหม่แต่ก็พลังเยอะใช่เล่น

ในโพสนี้เลยอยากจะขอจดความประทับใจ รีวิวและสปอยล์เอาไว้ ให้กลับมาอ่านกันลืมเผื่อซีซั่น 5 มาค่ะ

เนื้อเรื่องโดยย่อ

ในภาคนี้จะแบ่งเส้นเรื่องเป็น 3 เส้นหลัก ๆ ด้วยกัน

เส้นแรก เรื่องลึกลับเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีวัยรุ่นทยอยตายอย่างลึกลับ สภาพศพดูไม่ได้ ซึ่งในเส้นเรื่องนี้ก็จะมีตัวละครเยอะหน่อย ประกอบไปด้วยแก๊งเด็กเนิร์ดที่โตเป็นวัยรุ่นแล้วอย่างดัสติน (Gaten Matarazzo) แม็กซ์ (Sadie Sink) ลูคัส (Caleb McLaughlin) เอริก้า (Priah Ferguson) น้องสาวลูคัส เหล่าวัยรุ่นรุ่นใหญ่อย่างสตีฟ (Joe Keery) แนนซี่ (Natalia Dyer) โรบิน (Maya Hawke) และตัวละครใหม่อย่างเอ็ดดี้ (Joseph Quinn) หัวหน้าชมรม Hellfire เป็นชมรมสำหรับคนเล่นบอร์ดเกม Dungeons & Dragons ซึ่งดัสตินกับเพื่อน ๆ ก็สังกัดชมรมนี้

เอ็ดดี้ตกเป็นที่หมายหัวของสังคมเพราะทุกคนนึกว่าเอ็ดดี้นี่แหละใช้อำนาจซาตานในการฆ่าเหล่าวัยรุ่น ซึ่งหนึ่งในวัยรุ่นเหล่านี้คือคริสซี่ (Grace Van Dien) สาวสวยเชียร์ลีดเดอร์แฟนสาวของเจสัน (Mason Dye) หัวหน้าชมรมบาสเก็ตบอล แน่นอนว่าเจสันและแก๊งก็ตามล้างตามเช็ดเอ็ดดี้จนถึงขีดสุด ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ในขณะที่แก๊งดัสตินก็พบว่า สาเหตุการตายของเหล่าวัยรุ่นนั้นมาจากปีศาจ ณ Upside Down ถิ่นเก่า ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อปีศาจตนนี้กันเองว่า “เวคน่า” ตามชื่อปีศาจใน Dungeons & Dragons

เส้นที่ 2 เล่าถึงไมค์ (Finn Wolfhard) ที่บินไปเยี่ยมแอล (Millie Bobby Brown) วิล (Noah Schnapp) และโจนาธาน (Charlie Heaton) ที่ย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งพอแอลได้รับรู้ว่าเพื่อน ๆ ที่เมืองฮอว์กิ้นส์กำลังเจออันตราย เธอก็ยอมไปยังแล็บลึกลับของ ดร.เบรนเนอร์ (Matthew Modine) และ ดร. แซม โอเว่นส์ (Paul Reiser) เพราะพวกเขาบอกว่าจะช่วยเธอทวงพลังวิเศษกลับคืนมา พออยู่ดี ๆ หายไปคนอื่น ๆ ในเส้นเรื่องนี้ก็พยายามตามหาแอลกัน โดยมีเพื่อนสายเขียวของโจนาธานอย่างอาร์ไกล์ (Eduardo Franco) ที่อาสาขับรถพิซซ่าพาทุก ๆ คนไปผจญภัยด้วย

เส้นที่ 3 เป็นเส้นของผู้ใหญ่บ้าง เล่าถึงจอยซ์ (Winona Ryder) กับเมอร์เรย์ (Brett Gelman) ที่พบเจอว่าฮอปเปอร์ (David Harbour) อาจจะยังมีชีวิตอยู่ที่รัสเซีย พวกเขาได้รับการติดต่อให้เตรียมเงินไปเพื่อแลกเป็นค่าไถ่ตัว ในขณะที่ฮอปเปอร์ก็ต้องทนกัดฟันอยู่ในคุกรัสเซีย แถมยังเจอกับ Demogorgon เจ้าเก่าอีก

ซีรีส์เริ่มต้นด้วยประเด็นแบบปุถุชนคนธรรมดาก่อน

ช่วงแรก ๆ ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่องอะไร มีประเด็นหลายอันที่ซีรีส์โยนมาให้พวกเราเห็นตัวละครในมุมคนธรรมดา ๆ บ้าง ฟีลแบบสมมติอยู่ในหนังดราม่าแทนที่จะเป็นแฟนตาซีงี้ ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ระยะยาวของโจนาธานและแนนซี่ ที่ต่างฝ่ายต่างก็กังวลอยู่ในใจลึก ๆ นอกจากนี้ก็มีความสัมพันธ์ทางไกลของแอลกับไมค์เหมือนกัน ซึ่งจุดนี้ซีรีส์ก็เผยให้เห็นว่าแอลเองลึก ๆ ก็อ่อนไหวเหมือนกัน และอยากได้ยินคำว่ารักจากไมค์บ้าง (เอ้า จะกลายเป็นหนังรักละ)

จุดนึงที่เราไม่ค่อยชอบเท่าไรช่วงแรก ๆ คือการให้แอลถูกเด็กคนอื่นบูลลี่ เรายังไม่เข้าใจเท่าไรว่าอะไรเป็นสาเหตุนั้น ทั้ง ๆ ที่แอลก็ดูปกติเหมือนคนทั่วไป (ไม่เหมือนที่เจ้าตัวติ๊ต่างเองว่าโดนแกล้งเพราะตัวเอง “แตกต่าง”) ซึ่งพอแอลใช้พลังไม่ได้ นางก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงปวกเปียกเลย ดูแล้วขัดกับซูเปอร์ฮีโร่ที่เรารู้จักกันมาก ๆ

อีกหนึ่งคนที่เจอความเปลี่ยนแปลงคือลูคัส หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเด็กเนิร์ด ซึ่งพอได้เข้าร่วมชมรมบาสเก็ตบอลแล้ว เขาก็กลายเป็น Somebody ขึ้นมาทันที และนั่นก็คือสิ่งที่ลูคัสอยากเป็น เขาอยากเท่ ไม่อยากโดนมองแปลก ๆ ฟีลวัยรุ่นอยากได้การยอมรับ ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้ลูคัสเขวพวกไปพักนึงเหมือนกัน

ปมในภาคนี้ เล่นกับ “อดีต”

ดูเหมือนอดีตจะถูกนำมาเป็นเครื่องมืออย่างเด่นชัด อย่างแรกเลยคือ เวคน่าจะเลือกเหยื่อจากใครก็ตามที่เคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ ชนิดที่ว่าเจ้าตัวรู้สึกกิวตี้ เวคน่าจะปลุกความรู้สึกนั้นขึ้นมา และจัดการเชือดคนคนนั้นราวกับนั่นเป็นผลลัพธ์ที่ควรจะได้รับ ซึ่งหนึ่งในผู้โชคร้ายก็คือแม็กซ์ เด็กสาวคนสำคัญอีกคน ที่ยังคงซึมไม่หายจากการที่บิลลี่ (Dacre Montgomery) พี่ชายตัวเองโดนปีศาจฆ่าในซีซั่นก่อน ในภาคนี้แม็กซ์โดดเด่นขึ้นมาก ๆ เพราะถูกหมายหัวจากปีศาจ กลายเป็นหมากสำคัญในการดำเนินแผนจับเวคน่าเลย

อีกจุดที่อดีตเล่นบทสำคัญสุด ๆ คือการฟื้นคืนพลังของแอล ทางแล็บก็จัดการให้จิตใต้สำนึกของแอลได้ย้อนอดีตกลับไปค้นหาช่องโหว่ในความทรงจำที่เธอเองก็ลืมไปแล้ว จนค้นพบสิ่งสำคัญที่ช่วยต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมด รวมถึงนำพลังของเธอกลับคืนมาด้วย

ในซีนที่ย้อนอดีตแอล เรื่องเซอร์ไพรส์นึงคือตอนแรกเรานึกว่าเป็นการทำ de-age นักแสดง ไม่ก็เป็นฉากที่เคยถ่ายกันมาแล้วเอามาใช้ใหม่ แต่ปรากฏว่าเป็นน้องนักแสดงคนอื่นนี่ไม่ใช่ Millie Bobby Brown น้องคนนี้คือ Martie Marie Blair ซึ่งสวมบทเป็นแอลวัยเด็ก ซึ่งหนังก็จัดการแปลงโฉมเธอซะเหมือนแอลวัยเด็กเลยจริง ๆ แทบแยกไม่ออก

เวคน่าจริง ๆ แล้วเคยเป็นคนมาก่อน (หล่อด้วย)

หนึ่งในการค้นพบสำคัญของแอลก็คือ การได้รู้ว่าเวคน่าก็คือหมายเลข 1 (Jamie Campbell Bower) ที่เคยอยู่ในแล็บกับเธอตอนเด็ก ๆ เขาเป็นหนึ่งในผู้ดูแลของที่นี่ แต่จริง ๆ เขาก็มีพลังวิเศษเหมือนแอล ตอนแรกทั้งคู่ก็เหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่เมื่อรู้ว่าหมายเลข 1 จะใช้พลังตัวเองในทางชั่วร้าย แอลก็ใช้พลังผลักพี่แกทะลุไปยังอีกมิติ เนื้อหนังหลุดลอกจนหมดหล่อ หมายเลข 1 เลยติดอยู่ที่ Upside Down รอคอยวันที่ประตูมิติจะเปิดอีกครั้ง ระหว่างทางก็สะสมแต้มพลังไปด้วย

ซึ่งการได้รู้สิ่งนี้ มันทำให้เรามองเวคน่าในมุมที่เปลี่ยนไปนิดนึง ตอนแรกคิดว่าเจ้านี่เป็นปีศาจจาก Upside Down เลย ไม่ได้มีความเป็นมนุษย์ใด ๆ แต่พอรู้อย่างนี้ มันก็มีแวบนึงอดสงสารไม่ได้ ว่าแท้จริงแล้วเวคน่าก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ โดนเอาเปรียบ จนเกิดเป็นความแค้นสังคมนั่นละ

สิ่งหนึ่งที่เซอร์ไพรส์เรามากคือ ตัวเวคน่าเนี่ยไม่ใช่ซีจี แต่เป็นฝีมือ makeup และ costume ปาไปสัก 90% แล้ว! ฝีมือโหดมากจริง ๆ เปลี่ยนจากคนหล่อกลายเป็นปีศาจได้

คุกรัสเซียกับการหลบหนีที่โหดเถื่อน

อีกเส้นเรื่องที่น่าขยายความคือเส้นผู้สูงอายุ (หยอกน่ะ) นั่นก็คือฮอปเปอร์ที่ลอยเคว้งไปติดอยู่ในคุกรัสเซีย เส้นเรื่องนี้มีความหลุด ๆ ออกมาจากเส้นอื่นนิดนึง เพราะจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการตามฆ่าปีศาจเท่าไร แม้สุดท้ายจะมาบรรจบกับเส้นอื่น ๆ แต่ช่วงแรก ๆ จะเน้นไปที่ความทรหดของฮอปเปอร์ และแผนการพาฮอปเปอร์กลับบ้านของจอยซ์และเมอร์เรย์มากกว่า ซึ่งแค่นี้ก็หินพอละ ยังจะโยน Demogorgon เข้ามาให้พี่แกจัดการอีก คนเขียนบทช่างโหดดีแท้

เด็ก ๆ โตกันหมดแล้วจริง ๆ

จุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือภาคนี้เหล่าเด็ก ๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย โตขึ้นผิดหูผิดตาจริง ๆ เสียงก็แตกเรียบร้อย ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดสุดน่าจะเป็นไมค์กับวิล ที่ตัวใหญ่และสูงขึ้นมาก ส่วนทางด้านแอลนั้นก็ถือว่าโตเป็นสาวขึ้นมาก ๆ เรียกแก๊งนี้ว่าแก๊งเด็กไม่ได้ละสงสัย

ซึ่งเพราะเด็ก ๆ โตเป็นวัยรุ่นนี่แหละ ทางผู้สร้างเลยสามารถจัดหนักจัดเต็มความสยองได้ โดยระบุว่าพวกเขามีการปรับโทนให้หนังไปทาง Horror มากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีแล้วกับพล็อตแฟนตาซีเด็ก ๆ แนว E.T. Go Home

ตัวละครที่สร้างสีสันก็จัดเต็มบทจริง ๆ

คนแรกขอยกให้เอ็ดดี้ หนุ่มมาดเซอร์ที่แวบแรกดูเป็นคนบ้า ๆ น่ากลัว แต่พอรู้จักจริง ๆ ก็พบว่าเขาเป็นคนปกติธรรมดาเนี่ยละ ทั้งยังมีอารมณ์ขันและมีความกล้าที่ซ่อนเร้นอยู่ เชื่อว่าฉากในตอนท้าย ๆ ต้องทำให้ทุกคนจุกกันบ้างแหละ

คนที่สองยกให้อาร์ไกล์ เพื่อนสายเขียวของโจนาธานที่ยอมขับรถพิซซ่าพาทีมไปตะลอนหาแอลกัน อาร์ไกล์จะฟีลเหมือนคนเมาตลอดเวลา เหมือนเพื่อนที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ช่วยเหลือทุกอย่าง และหลายครั้งก็เป็นคนเจอเบาะแสสำคัญด้วย

คนสุดท้ายยกให้ยูริ (Nikola Djuricko) นักบินรัสเซียจอมตลบหลัง ที่ทำแสบด้วยการหักหลังฮอปเปอร์และผู้คุมที่ร่วมมือกันไปแล้วรอบนึง ยูริจะเป็นแนว ๆ ตลกร้าย และด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียด้วยแล้ว ก็ทำเอาเราเกลียดไม่ลงเลย เอ็นดูนาง 555

ตอนจบ… ที่ไม่จบ ภาคต่อมีแน่นอน

ตอนจบของภาคนี้ ปิดฉากด้วยการที่ตัวละครเห็นเมืองถูกทำลายล้างเละเทะ เป็นการบอกใบ้ว่าการสู้กับเวคน่ายังไม่จบเท่านี้ เพราะพี่แกดูแค้นเคืองมากที่รอบนี้แพ้ ยังไงก็จะเอาชนะให้ได้

อีกจุดที่ก็ต้องภาวนาให้บทไม่ใจร้ายเกินไป ก็คือการที่แม็กซ์อาการหนักโคม่าหลังจากถูกเวคน่าหักแขนหักขาไปชั่วคราว ก่อนที่แอลจะมาช่วยไว้ได้ทัน ต้องมาดูว่าแม็กซ์จะฟื้นขึ้นมามั้ย

สรุปความประทับใจโดยรวม

ซีซั่นนี้ยังคงจัดหนักจัดเต็มความสนุก แม้ว่าระยะเวลาจะยาวกว่าซีซั่นก่อน ๆ ถึง 2 เท่า แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ดร็อปเลย ไม่ได้รู้สึกว่าส่วนไหนยืดยาด ดูแล้วก็เข้าใจคนตัดเลยว่าคงตัดออกยากจริง ๆ

สิ่งหนึ่งที่ชอบสำหรับซีซั่นนี้คือ ซีจีใน The Upside Down โดยเฉพาะฉากบ้านเก่า กับฉากของเวคน่า เป็นอะไรที่ดูแล้วสะพรึงดีมาก

ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าซีซั่น 5 จะมาเมื่อไร ที่แน่ ๆ คือเจอกันอีกทีเหล่าแก๊งเด็กก็คงยิ่งโตเป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้นอีกแน่นอน

References:
https://www.netflix.com/tudum/articles/stranger-things-season-4-photos
https://www.ign.com/articles/stranger-things-season-4-trailer-breakdown-duffer-brothers

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: