รีวิว Panic (2021): เพียงชนะเกมพิเรนทร์นี้ ก็มีเงินหนีออกจากเมืองน่าเบื่อได้

เหตุเกิดจากเราได้ไปสมัคร Prime Video เอาไว้เพื่อจะดู I Know What You Did Last Summer ทีนี้ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ ดูต่ออีกเรื่องเลยละกัน เอาจริง ๆ Prime Video หนังกับซีรีส์น่าดูเยอะอยู่นะ

มาสะดุดกับเรื่องนี้… Panic ตอนแรกเห็นหน้าหนังคิดว่าเป็นหนังวัยรุ่นรักไฮสคูล แต่พอดูตัวอย่างหนังปุ๊บ… เอ๊ยนี่มันมีความ Survival Game อยู่แฮะ! เป็นซีรีส์ที่ดูมีความลุ้นระทึกตื่นเต้น เราเลยลองกดดู

Panic เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ Lauren Oliver (คนนี้เราเคยอ่านนิยายเค้าเรื่อง Before I Fall ก็ว่าคุ้น ๆ ชื่อ) ซีรีส์เล่าเรื่องในเมืองชื่อ Carp (เมืองสมมติ) ในรัฐเท็กซัส เมืองนี้เป็นเมืองที่แทบจะเรียกได้ว่าเหือดแห้งโคตร ๆ เพราะมันอยู่ out of nowhere ไม่มีอะไรน่าสนใจ คนที่อยู่เมืองนี้ก็ล้วนอยากออกไปโดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ฝันอยากออกไปโบยบินใช้ชีวิตข้างนอก

ทีนี้ ในเมืองนี้ก็มีพิธีกรรมอย่างหนึ่ง เป็นเกมลับนามว่า Panic ที่จัดขึ้นทุกปี ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมคือเด็กมัธยมปลายที่เพิ่งเรียนจบในปีนั้น ๆ ซึ่งเกมนี้ก็ Panic สมชื่อ คือมันเป็นเกมพิเรนทร์ที่ชวนวัยรุ่นมาทำอะไรบ้า ๆ เสี่ยงตาย ท้าทายสติสัมปชัญญะสุด ๆ ซึ่งผู้ชนะก็จะได้เงินรางวัลมูลค่า $50,000 เปรียบเสมือนต้นทุนเพื่อออกไปใช้ชีวิตเมืองอื่น ถึงขั้นขนานนามให้เกมนี้ว่า “เป็นทางเดียวที่จะได้ออกจากเมืองนี้”

ซีรีส์เล่าเรื่องของ “เฮเธอร์” (Olivia Scott Welch) เด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบปีนั้น เธอไม่เคยคิดจะเล่นเกม Panic กับชาวบ้านเลย แต่ก็เกิดเหตุจำเป็นเมื่อแม่ขี้เมาของเธอดันเอาเงินก้อนที่เธออดออมไว้ไปใช้ สถานะการเงินทางบ้านของเฮเธอร์ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว นั่นจึงบีบให้เฮเธอร์เข้าร่วมเกมนี้ พร้อม ๆ กับ “นาตาลี” (Jessica Sula) เพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งในเกมนี้เธอก็ได้พบกับผู้เล่นตัวฉกาจอย่าง “ดอร์จ” (Mike Faist) หนุ่มติสต์ที่เพิ่งย้ายมาเมืองนี้ และ “เรย์” (Ray Nicholson) หนุ่มอันธพาลลุคกุ๊ยที่พยายามจะมาตีสนิทเธอ

นี่เป็นซีรีส์ที่มีคอนเซ็ปต์น่าสนใจตรงที่นำความตื่นเต้นลุ้นระทึกของเกมแนว ๆ Survival มาปรับใช้ให้เข้ากับความจริง ไม่ได้ดูหลุดโลกแบบ Hunger Games หรือ Squid Game ที่ถึงขั้นตายกันได้ง่าย ๆ แต่ Panic เป็นเกมที่เกิดขึ้นได้จริง และเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายจะฆ่าใคร คนจัดเกมก็เป็นแค่เด็กมัธยมปลาย ดังนั้นหลาย ๆ ด่านของเกมเลยไม่ได้รู้สึกว่าเกินเอื้อมเท่าไร เช่น กระโดดหน้าผาลงไปในน้ำทะเล ขโมยของชาวบ้าน อยู่ในบ้านร้างหนึ่งคืน นอนในโลงศพ เป็นต้น จะเห็นได้ว่า มันมีความเหมือนวัยรุ่นเฮ้ว ๆ หาทำมากกว่า ถ้าเป็นในประเทศไทยก็คงจะแบบ แข่งกันแว้นไรงี้

ในด้านของการดำเนินเรื่องก็ทำได้ค่อนข้างดี มีปริศนาให้ลุ้นเรื่อย ๆ นอกจากตัวเกม ก็ยังต้องค้นหาอีกว่า ใครอยู่เบื้องหลังการตายของผู้เล่นเกมปีก่อน ซึ่งก็จะเชื่อมโยงมาที่เบื้องหลังเกมปีนี้ด้วย ตอนเฉลยก็ถือว่า เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน

ทางด้านตัวละคร เราว่าแต่ละคนก็มีจุดเด่นที่ค่อนข้างชัด อย่างเฮเธอร์ นางเอกก็จะมีความเป็นสาวบ้าน ๆ อารมณ์แบบนางเอกนิยายแจ่มใส ที่ตอนแรกขี้กลัว อยู่ในกรอบ แต่พอสถานการณ์พาจนตรอกก็ลุกขึ้นมาทำภารกิจบ้าบิ่นได้ บางเกมก็ชนะได้แต้มแบบงง ๆ จนหลายครั้งก็ลุ้นเหมือนกันว่านางจะรอดไปถึงด่านสุดท้ายได้จริง ๆ มั้ย

ตัวละครที่ค่อนข้างเด่นน่าจะหนีไม่พ้น 2 หนุ่มอย่างดอร์จกับเรย์ โดยดอร์จนั้นจะเป็นแนวคนจริงทำจริง ฝีมือเก่งกาจ บวกกับรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างเท่ ตอนแรกเลยแอบนึกว่าจะคู่กับนางเอก แต่เปล่าจ้า คนที่คู่กับนางเอกคือเรย์ หนุ่มกุ๊ยที่ไม่มีอะไรเข้ากับนางเอกเลยยยย (อันนี้ไม่ถือว่าสปอยเนอะ เพราะหน้าปกหนังก็ขึ้นรูปคู่นี้) เป็นแบดบอยที่อยู่ดี ๆ ก็มาสนใจสาวจืด ๆ อย่างเฮเธอร์ซะอย่างนั้น ซึ่งคาแรคเตอร์ของเรย์ ทางซีรีส์ก็ปั้นมาชัดเจนดี ทำให้ดูน่าหมั่นไส้กับความมั่นหน้า แต่ขณะเดียวกันก็น่าสงสารเพราะเขาเหมือนจะมีปมบางอย่างปิดบัง ซึ่งการใกล้ชิดกับเฮเธอร์ ก็จะเปิดเผยสิ่งนี้ให้เรารู้

เพื่อนสนิทของนางเอกอย่างนาตาลีกับ “บิชอร์ป” (Camron Jones) ก็สร้างสีสันให้เรื่องได้ดี โดยนาตาลีนั้นจะมีความเพื่อนรักเพื่อนร้ายนิดนึง เพราะนางอยากชนะ Panic และตอนแรกนางก็เข้าใจว่าเฮเธอร์ไม่เข้าเล่น แต่พอเฮเธอร์เข้าเล่นแถมยังทำคะแนนนำเธอ เธอก็เริ่มไม่พอใจและไปตีสนิทกับดอร์จเพื่อหวังเกาะคนเก่ง ซึ่งประเด็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมก็ทำให้ซีรีส์ดูเข้มข้นขึ้น ส่วนบิชอร์ป เพื่อนชายของเฮเธอร์ ก็เพิ่มซีนโรแมนติกกุ๊กกิ๊กให้ฝั่งเฮเธอร์ได้ แต่นั่นแหละสุดท้ายเฮเธอร์ก็ไปลงเอยกับหนุ่มแบดอยู่ดี

โดยรวมแล้ว Panic ถือว่าเป็นซีรีส์ระทึกขวัญสไตล์วัยรุ่นที่ดูสนุก ตื่นเต้นทุกตอน ได้ลุ้นว่าเกมต่อไปจะเป็นอะไร ขณะเดียวกันก็ไขปริศนาที่ซีรีส์หย่อนไว้ด้วย น่าเสียดายที่มีข่าวบอกว่าจะไม่มีการสร้างซีซั่น 2 ต่อแล้ว แม้ว่าซีซั่น 1 จะจบแบบเหมือนมีอะไรต่อก็ตาม