รีวิว One for The Road (2021) โร้ดทริปบอกลาแฟนเก่าก่อนลาจากโลก

ล่าสุด Netflix นำหนังเรื่อง One for The Road มาฉายแล้ว ซึ่งเป็นหนังไทยที่เราไม่มีโอกาสได้ไปดูในโรง แต่ก็หมายมั่นว่าถ้าเข้าสตรีมมิ่งเมื่อไรก็จะเปิดดูแน่นอน

หนังมีชื่อของ “หว่องกาไว” เป็น Producer เลยทำให้น่าสนใจระดับหนึ่ง และถ้าได้ดูหนังก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความหว่องจริง ๆ

One for The Road เล่าเรื่องของ “อู๊ด” (ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์) ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นลูคีเมีย เลยตัดสินใจว่าก่อนตายก็อยากจะบอกลาทุกคนที่เคยรู้จัก รวมถึง “แฟนเก่าส์” (ต้องเติม “ส์”) ที่เขาอยากจะไปคืนของและเจอหน้าแบบตัวต่อตัว เขาได้ติดต่อ “บอส” (ต่อ ธนภพ) เพื่อนที่อยู่นิวยอร์กให้กลับมาช่วยขับรถให้หน่อย (จริง ๆ ก็คือบอสมารู้ทีหลัง มาถึงก็กลับลำไม่ทันแล้ว) เพราะตนป่วยอยู่หมอไม่อยากให้ขับรถ การเดินทางชนิดข้ามจังหวัดไปมาเป็นว่าเล่นจึงเกิดขึ้น พร้อม ๆ กับที่ปมอดีตต่าง ๆ ค่อย ๆ เผยต่อผู้ชมอย่างเรา

หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งหนังก็ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการเดินทางของทั้งคู่นะ เพราะระหว่างทาง หนังก็จะค่อย ๆ หยอดปมในอดีตเข้ามา ทำให้ยิ่งดูก็ยิ่งอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น บวกกับเคมีของนักแสดงอย่างไอซ์ซึกับต่อก็เข้ากันได้ดีเหมือนซี้กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีการกวนตีนหยอกล้อกันไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่ชอบมากของเรื่องนี้คือมู้ดโดยรวมของหนัง ทั้งการวางเฟรม บรรยากาศ มุมกล้อง เพลงคลาสสิกเก่า ๆ ให้ฟีลเหงา ๆ กึ่ง ๆ ย้อนยุคหน่อย โอ้นี่มันความหว่องชัด ๆ! ซึ่งโดยรวมก็ทำออกมาได้ดีและดูละเมียดละไม เข้ากันกับความรู้สึกเหงา ๆ อึน ๆ หน่วง ๆ ของตัวละครได้ดี

นอกจากตัวละครหลักอย่างอู๊ดและบอส ที่เป็นตัวหลักคอยชูหนังทั้งเรื่อง หนังยังได้ตัวละครเสริมอีกมากกกกแบบเรียกได้ว่ายกทัพ โผล่มาคนละนิดคนละหน่อยให้ดูมีสีสัน แฟนเก่าส์ของอู๊ดก็ปาไปแล้ว 3 คน (เสน่ห์แรงอะไรปานนั้น) แฟนเก่าของบอสอีกหนึ่งคน ไหนจะพ่อแม่ของทั้งคู่อีก

ซึ่งเอาจริง ๆ ก็แอบรู้สึกว่า ตัวประกอบบางคนใช้ไม่ค่อยคุ้มเหมือนกัน แบบโผล่มาแป๊บเดียวก็ไปแล้ว ไม่ได้เห็นพัฒนาการด้านความสัมพันธ์เท่าไร เหมือนมีค่าเป็นเพียงทางผ่านของตัวละครหลักเท่านั้นเอง

ตัวประกอบที่เด่นขึ้นมาหน่อยคือ “พริม” (วี วิโอเลต) แฟนเก่าของบอส ที่หนังให้น้ำหนักด้วยการเล่าอดีตของทั้งคู่ แถมยังมีจุดที่พัวพันกับอู๊ดอีกด้วย กลายเป็นปมเล็ก ๆ ที่เร่งให้ไปสู่จุดไคลแม็กซ์ได้พอเหมาะพอดี พริมเป็นตัวละครรองที่เราได้เห็นตั้งแต่จุดเริ่มต้นและได้เห็นการเติบโตของเธอ ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่เห็นแค่สภาวะเดียวซะส่วนใหญ่

ถามว่าหนังเศร้ามั้ย? เราว่ามันไม่ได้เศร้าฟูมฟายนะ แต่มันหน่วง ๆ มากกว่า ฟีลแบบ รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น และทำใจยอมรับไปแล้ว ตอนจบของหนังเลยไม่ได้น้ำหูน้ำตาไหล แต่เป็นความโหวง ๆ หน่วง ๆ ที่ชวนให้กลับไปคิดไตร่ตรองต่อ

เพราะสำหรับบางคน อย่างอู๊ดนั้น คำว่า “โอกาสที่สอง” แทบจะมีเพียงริบหรี่ เอาตัวรอดวันนี้ได้มั้ยยังไม่รู้เลย ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ทำ และคงต้องให้เพื่อนอย่างบอสช่วยสานต่อ

มันก็ทำให้พวกเราย้อนกลับมามองตัวเอง ถ้าเราเป็นแบบอู๊ด เราจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน เราจะตัดสินใจไปทางไหน เราจะทำอะไร เพื่อให้ชีวิตที่เหลือของเราคุ้มค่า และสามารถตายตาหลับได้อย่างไม่ติดพันอะไร

อีกมุมก็คือ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่สายที่จะริเริ่มทำอะไร กลับไปหาใคร ขอโทษใคร คืนดีกับใคร

เพราะเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรเวลาของเราจะหมดลง

One for The Road จึงเป็นหนังที่คล้ายจะเตือนสติเรา ๆ ถึงคุณค่าของเวลาและชีวิต รวมถึงความสัมพันธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว มิตรภาพ หรือคู่รัก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนปะติดปะต่อทำให้เรามีชีวิตอย่างวันนี้ มอบประสบการณ์ต่าง ๆ ให้เรา และหลายคนก็ยังคงเป็นคนสำคัญ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้วก็ตาม ในด้านการดำเนินเรื่องของหนัง จะว่าสนุกก็ไม่ได้สนุกหวือหวา แต่เป็นความสนุกแบบเนิบ ๆ ที่ทำให้เราค่อย ๆ ดื่มดำประสบการณ์ไปพร้อม ๆ กับตัวละคร ประหนึ่งเป็นคนบนรถของอู๊ดและบอสด้วยมากกว่า

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: