รีวิว A Fall from Grace (2020): ร่วงหล่นจากความรักที่สวยงามเหมือนเทพนิยาย

พูดถึงความรัก ใครๆ ก็คงอยากมีความรักที่สวยงาม มีคนที่คอยเอาอกเอาใจ เพราะแบบนี้ละมั้งความรักเลยมักถูกใช้เป็นอาวุธหลอกล่อให้เหยื่อตายใจ เพื่อหาประโยชน์บางอย่างจากตัวเหยื่อ

ว่าไปแล้ว A Fall from Grace  ก็เป็นเรื่องราวของแม่ม่ายที่เจอหนุ่มใหม่ทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวย แต่หารู้ไม่ว่าเธอกำลังถูกต้มตุ๋นจนเปื่อย ดูๆ ไประหว่างทางก็แอบนึกไปถึงซีรีส์ Dirty John เหมือนกัน ดูๆ ไปแล้วไม่แปลกใหม่เท่าไร แต่ส่วนที่น่าสนใจคือคดีฆาตกรรมและเรื่องราวลับลมคมในนี่ละ

A Fall from Grace เล่าเรื่องของ แจสมิน (Bresha Webb) ทนายสาวที่ฝีมือยังอ่อนหัด ได้รับหน้าที่ให้ไปปิดคดีของ เกรซ (Crystal Fox) ผู้ซึ่งยอมรับสารภาพผิดว่าฆ่าแชนนอน (Mehcad Brooks) สามีของเธอไป แจสมินได้เข้าไปพูดคุยกับเกรซในเรือนจำ ถามไถ่เรื่องราวก่อนหน้านี้ว่าเป็นยังไงมายังไง ซึ่งยิ่งรู้รายละเอียดเรื่อยๆ แจสมินก็เริ่มคิดหาวิธีช่วยเกรซให้พ้นจากข้อกล่าวหา แต่นั่นจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงรึเปล่า?

สิ่งที่เรารู้สึกคือ หนึ่งชั่วโมงแรกของหนังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเอื่อย แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อซะทีเดียว เพราะช่วงแรกของหนังจะเป็นการพูดคุยระหว่างแจสมินกับเกรซ ซึ่งตรงนี้หนังก็จะตัดสลับช่วงเวลา คือปัจจุบันที่นั่งคุยกัน กับอดีตที่เกรซเล่าให้ฟัง การเล่าเรื่องตรงนี้มีความลุ่มลึกดี เล่าแบบเรื่อยๆ แต่ก็ชวนให้ติดตามว่าเกรซจะเจออะไรต่อไปบ้าง ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นสำหรับเรา ถ้าใครง่วงๆ อยู่อาจจะหลับได้เลย เพราะบรรยากาศของหนังก็ค่อนข้างหม่นๆ มัวๆ

การย้อนอดีตของเกรซนั้นมาในรูปแบบของการเล่าเรื่องจริงๆ เพราะทุกฉากทุกตอนจะมีเสียงของเกรซแทรกอยู่ตลอด ซึ่งน้ำเสียงของเกรซนี่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาชัดเจนดีมาก ทั้งตอนอิ่มเอิบใจ ทั้งตอนปวดร้าว ทั้งตอนตกใจ น้ำเสียงที่เข้ากันกับความรู้สึกที่ต้องการจะสื่อนั้นยิ่งทำให้เรื่องราวมันซึมลึกลงไปอีก อย่างตอนที่แชนนอนทรยศเธอ ตัวเราเองก็ยังรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย ก่อนหน้านั้นตอนที่แชนนอนจีบเธอ ไอ้เราก็ดี๊ด๊าฟูฟ่องไปกับเธอเช่นกัน

ครึ่งหลังของหนังจะเป็นการขึ้นศาล เมื่อเกรซตกลงที่จะไม่รับผิด ตรงนี้ทำได้ค่อนข้างน่าติดตาม มีความกระชับกว่าช่วงแรกมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการตัดสลับฉากที่ยังดูลวกๆ ไปบ้าง ไม่ลื่นไหลเท่าไร แต่ถ้าในแง่ของบทพูดและการสู้กัน เราว่าลุ้นดีเหมือนกัน ใครที่ง่วงๆ จะช่วงแรก ถ้าผ่านมาถึงช่วงนี้ได้ ก็น่าจะรอดละ

หนังดูเหมือนจะคีพลุคความขรึมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนท้ายที่เราเซอร์ไพรส์มาก เพราะจู่ๆ หนังก็หักเลี้ยวกลายเป็นทริลเลอร์ระทึกขวัญไปเฉยๆ แถมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เป็นการขมวดจบที่เล่นเอาตั้งตัวไม่ทัน เมื่อความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย มีการหักมุมแบบที่คาดไม่ถึง ตรงนี้เล่นเอาตาสว่างเลย ไม่นึกว่าหนังจะบิดไวขนาดนี้ และเล่นอะไรที่เซอร์เรียลขนาดนี้ทั้งๆ ที่เรียลมาตั้งแต่ต้นเรื่อง จะว่ามันแย่ไหมก็ไม่ได้แย่ แค่รู้สึกว่าหนังเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนิดนึง เหมือนอยากรีบจบ

หนังแสดงให้เห็นถึงอานุภาพของความรักได้อย่างชัดเจน ขนาดผู้หญิงเก่งที่เคยชอกช้ำมาแล้วอย่างเกรซที่ค่อนข้างระมัดระวังพอสมควร ก็ยังพลั้งพลาดให้แชนนอนหลอกจนได้ แค่เพียงเพราะเธอเอื้อมมือไปรับความสุขแสนหวานที่ชายหนุ่มมอบให้เพื่อบรรเทาความเหงา ความรักก็เข้าบดบังตาเธอทันที รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปัญหามาเคาะประตูหน้าบ้านแล้ว ซึ่งจากสวรรค์ที่เคยดำรงอยู่ก็กลายเป็นนรกในชั่วพริบตา

รวมๆ แล้ว A Fall from Grace วางมาดขรึมมาได้เกือบตลอดรอดฝั่ง มาหลุดเอาตอนช่วงสุดท้ายที่ขมวดจบนี่แหละ ที่ดูลวกๆ เหมือนอยากรีบจบไปหน่อย (แม้ว่าตัวหักมุมจะเจ๋งดี คาดเดาไม่ออกเลย) เป็นหนังที่อาจจะต้องวอร์มร่างกายก่อนดู เพราะช่วงแรกๆ ค่อนข้างเรียบเรื่อย ถ้าผ่านช่วงแรกไปได้ก็น่าจะรอดแล้วละ