ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดจะดู Dirty John เพราะเห็นแวบๆ แล้วนึกว่าเป็นหนังรักดราม่าแบบผู้ใหญ่ๆ ซึ่งไม่ใช่แนวเท่าไร แต่พอได้ยินฟีดแบ็กแว่วๆ จากคนรอบตัวและอินเตอร์เน็ตก็เริ่มสนใจและอยากลองเปิดใจดู เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องรักๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วเป็นแนว Crime เลยละ
Dirty John นั้นเป็นซีรีส์จาก Netflix ซึ่งสร้างจากเรื่องจริง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกบอกเล่าใน Podcast ชื่อเดียวกันของ Christopher Goffard จาก L.A. Times เราเองยังไม่ได้ฟัง Podcast มาก่อน กะว่ามาดูสดๆ จากซีรีส์นี่ละ รีวิวนี้เลยจะพูดถึงแค่ซีรีส์เท่านั้นเน้อ
Dirty John เล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเดบร้า นิวเวลล์ (Connie Britton) ที่ชีวิตดูเหมือนจะครบพร้อมสมบูรณ์แบบ การงานก็ดี ฐานะดี ลูกๆ ก็ดี ตัวเธอก็ถือว่าสวย (แก่ไปบ้างตามกาลเวลา) อาศัยอยู่เมืองริมชายหาดอย่าง Newport Beach ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ถึงอย่างนั้น เดบร้าก็ยังรู้สึกว่าชีวิตเธอขาดความรัก ด้วยตัวเธอนั้นแต่งงานและหย่ามาแล้วถึง 4 ครั้ง! รอบนี้เดบร้าลองใหม่ด้วยการหาคู่ออนไลน์ซะเลย แล้วก็ไปป๊ะกับคุณหมอหนุ่มใหญ่อย่างจอห์น มีฮัน (Eric Bana) งานดีมาก โปรไฟล์ก็ดี เลยนัดเจอกันซะเลย พอยิ่งรู้จักเดบร้าก็ยิ่งหลงรักจอห์น แต่ลูกสาวทั้ง 2 ของเดบร้ากลับรู้สึกว่าจอห์นดูมีลับลมคมในแปลกๆ และไม่น่าไว้วางใจ เตือนเท่าไรแม่ก็ไม่ยอมฟัง หาว่าคิดมาก
กว่าจะรู้ตัวว่าถลำลึกเกินไป ก็ส่งผลร้ายๆ กับครอบครัวของเธอซะแล้ว
ตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับ Dirty John คิดว่าเรื่องคงเอื่อยๆ และเราคงตามไม่ทัน เนื่องจากไม่ค่อยสันทัดแนว True Crime เท่าไร แต่พอเริ่มดูไปตอนแรกๆ ก็รู้สึกว่า เออ ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามนะ แม้จะไม่ได้กระชับว่องไวจนหายใจไม่ทัน แต่ก็ไม่ถึงขนาดน่าเบื่อจนอยากหลับ เรียกว่าจังหวะมันไปเรื่อยๆ แบบดูเพลินๆ มากกว่า จบตอนทีก็ชวนให้ค้างว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่ละตอนมีความยาวประมาณ 40 นาที ซึ่งถือว่ากำลังดีเลยนะสำหรับเรา ประสบการณ์โดยรวมจึงถือว่าค่อนข้างดีกว่าที่คิด เนื้อเรื่องสนุกในจังหวะที่ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
นักแสดงแต่ละคนเล่นได้ดี แต่ที่ต้องเน้นหน่อยเลยคือเอริก บาน่า ซึ่งเล่นเป็นจอห์น มีฮัน พระเอกตัวร้ายของเรื่อง คือปกติเราก็จะมองว่าเอริกดูมีภาพพจน์ดี แต่พอมาเล่นเป็นจอห์น เรากลับรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้ดูน่าระแวง และเผลอๆ ยังอาจถึงขั้นน่ารังเกียจเลยด้วย ทั้งจากพฤติกรรมของตัวละคร และอินเนอร์ของเอริกที่แสดงออกมาได้อย่างชวนเชื่อ ว่าคนคนนี้มันร้ายจริง เจ้าแผนการจริง และดู Dirty จริงๆ สมชื่อ
อีกคนที่เราชอบก็คือเวโรนิก้า (Juno Temple) ลูกสาวของเดบร้า คาแรคเตอร์นางชัดมาก คือดูเป็นผู้หญิงมั่นๆ เหวี่ยงๆ ไม่ยอมใคร พร้อมจะฟาดคนที่มาหาเรื่องได้ทุกเมื่อ เวโรนิก้านี่แหละที่เป็นตัวสำคัญที่ดูแล้วสามารถปะทะกับจอห์นได้ คือถ้าเดบร้าไม่ได้เวโรนิก้ามาเคียงข้างก็อาจจะแพ้ให้กับจอห์น เรียกได้ว่าเวโรนิก้านี่เป็นอีกตัวละครสำคัญของเรื่องเลย
ช่วงแรกๆ ถึงกลางๆ เรื่องเราอาจจะมีรู้สึกลำไยๆ เดบร้าอยู่บ้าง เพราะนางดูหลงผัวจนไม่ฟังคนรอบข้าง นี่อาจจะเพราะตัวเราที่เป็นคนดูนั่นรู้อยู่แล้วว่าจอห์นเป็นคนไม่ดี แต่ถ้ามองในมุมมองของเดบร้า ไม่แน่ว่าบางทีเธอเองก็คงรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ แล้วจอห์นก็สามารถเป็นที่พักพิงให้เธอได้ (แน่นอนว่าจอห์นตีสองหน้า ต่อหน้าเดบร้าเป็นคนดี แต่ลับหลังคือลอกคราบ) สำหรับเดบร้าที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ความดูแลอย่างใกล้ชิด จอห์นก็ตอบโจทย์เธอ อย่างน้อยก็ระยะเวลาหนึ่ง
ก็นะ…จะมีผู้สักกี่คนที่ยอมลุกขึ้นมาปั่นน้ำให้ดื่มตั้งแต่เช้า คุณสมบัติตรงนี้ดูเป็นสามีดีเด่นมากๆ
หรือแท้จริงแล้วจอห์นมันใส่ยาเสน่ห์ลงไปในน้ำปั่นวะ
แต่สุดท้ายแล้วความก็แตก เมื่อเดบร้าเองก็ได้กลิ่นตุๆ เหมือนกันว่าจอห์นมีพฤติกรรมแปลกๆ หลายอย่าง มีพัสดุแปลกๆ ส่งมาหาจอห์น และเมื่อเดบร้ากล้าที่จะค้นหาความจริง เธอก็ต้องค้นพบความลับดำมืดของจอห์น ซึ่งตรงนี้แหละเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายว่าเธอพร้อมจะหนีจากจอห์นหรือไม่ หรือยังเชื่อใจเขาและคิดจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง
โดยรวมแล้ว Dirty John ไม่ใช่หนังรัก 100% แต่ก็มีการให้แง่มุมเรื่องความรัก คือเวลาคนเราขาดความอบอุ่น ต้องการความรัก ก็อาจจะเผลอลืมมองข้ามความเป็นจริงบางอย่างไป หลงใหลอยู่ในโลกแฟนตาซีที่ตัวเองโหยหา ปิดตาไม่ยอมมองจุดเล็กจุดน้อยที่อาจจะมาทำลายโลกใบนั้น ตรงนี้เราว่าถ้าเดบร้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคนรอบข้างที่รักเธอ ก็คงแย่เอาได้เหมือนกัน นี่ขนาดมีคนรอบข้างคอยช่วยเตือนเธอแล้ว กว่าจะรอดออกมาได้ ก็เกือบจะสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างไป
สรุปแล้ว Dirty John ค่อนข้างสนุกเลยสำหรับเรา สนุกกว่าที่คาด ลุ้นไปกับตัวละครว่าจะสามารถไขปมปริศนาของจอห์นได้ไหม แล้วเบื้องหลังชีวิตของจอห์นเป็นยังไง เรียกได้ว่าเป็นอีกซีรีส์ที่มีกลิ่นอายการสืบสวนนิดๆ ไม่ได้เข้มข้นจนเสพยากเกิน มีความดราม่าและโรมานซ์เข้ามาผสมโรงนิดหน่อย มีจำนวน 8 ตอนซึ่งก็ถือว่าไม่ยาวเลย ได้ข่าวว่าจะมีซีซั่น 2 ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกันว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง เพราะในความคิดเราคือซีซั่น 1 ปัจจุบันก็จบในตัวมันเองอยู่แล้ว