รีวิว Pet Sematary (2019): อย่าฝืนความตายของผู้อื่น ถ้าไม่อยากตายเสียเอง

แค่ได้ยินชื่อ Pet Sematary ผลงานวรรณกรรมสยองขวัญปี 1983 ของ Stephen King ก็เพียงพอที่จะฉุดเราเข้าโรงหนัง แม้ว่าเราจะยังไม่เคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ก็เถอะ แต่แค่ชื่อ Stephen King ก็การันตีได้แล้ว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วรรณกรรมเรื่อง Pet Sematary ถูกแปลงมาเป็นภาพยนตร์ ครั้งแรกสุดคือปี 1989 ซึ่งมีภาคต่อในปี 1992 สำหรับสองเวอร์ชั่นเก่านี้เรายังไม่เคยดู แต่เห็นแวบๆ ใน Netflix ก็ว่าว่างๆ อาจจะเข้าไปดูสักหน่อย ได้ยินว่าเนื้อเรื่องมีส่วนที่แตกต่างจากเวอร์ชั่น 2019 อยู่ (หรือพูดง่ายๆ ว่าเวอร์ชั่นใหม่นี่เปลี่ยนพล็อตไปหลายจุด)

Pet Sematary เวอร์ชั่นใหม่นี้ เล่าเรื่องของครอบครัวครีด นำโดยลูอิส (Jason Clarke) ผู้เป็นพ่อ เรเชล (Amy Seimetz) ผู้เป็นแม่ เอลลี่ (Jeté Laurence) ลูกสาวคนโต เกจ (Hugo/Lucas Lavoie) ลูกชายคนเล็ก และเชิร์ช แมวขนปุยสุดรักของครอบครัว

PET SEMATARY

พวกเขาย้ายบ้านจากบอสตัน กะมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในเมืองเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขาที่ชื่อ Ludlow ในรัฐเมน อยู่มาวันหนึ่งเอลลี่ก็ไปพบเจอสุสานสัตว์เลี้ยงเข้าโดยบังเอิญ จึงได้พบกับลุงจัดสัน หรือ จั๊ด (John Lithgow) ชายชราเจ้าถิ่น ผู้เป็นเพื่อนบ้านเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัวครีด จั๊ดเตือนว่าอย่าออกมาเดินเล่นซี้ซั้วแถวนี้เพราะเดี๋ยวจะหลงเอาได้ง่าย

10

09

เรื่องเริ่มมาพีคขึ้นในวันฮาโลวีน เมื่อลูอิสและจั๊ดพบเจอศพของเชิร์ช แมวสุดรักโดนรถชนริมถนน จั๊ดพาลูอิสไปฝังแมว ณ จุดฝังศพซึ่งเป็นพื้นที่ของชนเผ่าเก่าแก่ ปาฏิหารย์เกิดขึ้นเมื่อเชิร์ชกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง! แต่คราวนี้เชิร์ชเปลี่ยนบุคลิกอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นแมวน่ารักก็กลายเป็นแมวดิบเถื่อนที่พร้อมจะข่วนกัดทุกคน เมื่อเห็นว่าแมวผีนี่เป็นอันตราย ลูอิสจึงนำมันไปปล่อยไว้ไกลๆ โดยหวังว่าคงไม่เจอมันอีกละ ที่ไหนได้ เชิร์ชกลับมา แถมยังเป็นต้นเหตุให้เอลลี่เสียชีวิตอีก แน่นอนว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่หัวใจสลาย ลูอิสทนเศร้าไม่ได้จึงตัดสินใจนำศพเอลลี่ไปฝังในพื้นที่เก่าแก่นั่น เพื่อหวังให้ลูกฟื้นคืนชีพมา โดยที่ไม่ได้คำนึงเลยว่ากลับมารอบนี้ เอลลี่จะไม่มีทางเป็นเด็กน่ารักเหมือนเดิม และครอบครัวของเขาจะต้องพบเจออันตรายใหญ่หลวง

“Sometimes, dead is better.” – Jud

PET SEMATARY

ก่อนหน้านี้ตอนที่เรายังไม่รู้ว่า Pet Sematary มีพล็อตยังไง ก็แอบนึกไปว่าคงจะเป็นพล็อตสยองขวัญแบบเด็กๆ อารมณ์แบบสัตว์เลี้ยงที่ตายแล้วกลับมาป่วนเจ้านายไรงี้ แต่เอาเข้าจริงพอเสิร์ชหาข้อมูลก่อนไปดูหนังถึงค่อยพบว่าไม่ใช่เลย เนื้อหายังคงไว้ด้วยความหลอน ความน่ากลัว และความเลือดสาด อย่าให้ชื่อหนังมาหลอกเราเชียว เนื้อเรื่องค่อนข้างดาร์กพอสมควร ดูจบแล้วอาจจะมีจิตตกกันไปบ้าง

01

การดำเนินเรื่องของหนังนั้นไม่ได้ชวนให้หัวใจเต้นระส่ำ หนังค่อนข้างเนิบๆ และเล่นกับบรรยากาศความมัวๆ หลอนๆ มากกว่า ฉะนั้นก็จะมีบางฉากที่ชวนง่วงๆ ไปบ้าง เช่น พวกฉากที่แช่นานเกินไป หรือปล่อยภาพมัวนานเกินไป เข้าใจว่าพยายามจะบิวด์คนดูแต่บิวด์นานไปไง เลิกกลัวแล้ว 555 ฉากตุ้งแช่โผล่มาไม่บ่อย ดังนั้นพอโผล่มาแต่ละทีก็เล่นเอาเหวอได้เหมือนกัน

02

ที่เราชอบคือหนังใช้เสียงในการบิวด์ความกลัวได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสียงเหยียบพื้น หรือเสียงรถบรรทุกที่ขับมาอย่างกับหนีตาย ทำให้รู้สึกว่าเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนัง ลุ้นไปพร้อมกับตัวละครว่าจะเจออะไรอีก ทางด้านภาพก็ไม่น้อยหน้า เพราะไม่ว่าจะเป็นผีหน้าเหวอะ หรือ ฉากฆ่ากันด้วยของมีคม ก็ถ่ายให้เห็นกันจะๆ ว่าแทงยังไง แทงไม่พอจะคว้านยังกดอีก โอ้โห แค่ดูเฉยๆ ยังจุก คือฉากรุนแรงนี่เห็นชัดกันจริงๆ

นักแสดงแต่ละคนเล่นได้ดีมาก ฝั่งผู้ใหญ่นั้นสื่อสารอารมณ์ความกลัวความวิตกออกมาได้ชัดเจน ที่ขออวยหน่อยคือน้อง Jeté ที่แสดงเป็นเอลลี่ เพราะในเรื่องนี้ต้องรับสองบทบาท เป็นทั้งเอลลี่เวอร์ชั่นมนุษย์สดใส และเอลลี่เวอร์ชั่นผีดิบสุดหลอน ซึ่งน้องแสดงออกมาได้แบบสุดขั้วจริงๆ ตอนเป็นเด็กก็สดใสๆ แต่พอเป็นผีนี่น่ากลัวขึ้นมาเลย อาจจะเพราะด้วยเมกอัพด้วยแหละ แต่การแสดงสีหน้าและน้ำเสียงของน้องก็มีส่วนมากๆ ทำให้เชื่อเลยว่านี่เป็นคนตายฟื้นคืนชีพจริงๆ

06

07

Pet Sematary ไม่ได้มีดีแค่ความน่ากลัว แต่ยังสอดแทรกแง่คิดไว้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องความตาย ในฉากแรกๆ เราจะเห็นได้ว่าลูอิสกับเรเชลมีความเห็นต่างกันเรื่องความตาย เรเชลนั้นเชื่อว่าตายไปแล้วต้องไปสวรรค์ แต่ตัวเธอเองก็กลัวความตาย เห็นได้จากปมในอดีตที่เธอคิดว่าตัวเองมีส่วนทำให้พี่สาวตาย เธอจึงมองความตายในแง่ลบ และไม่อยากให้ลูกรู้จักความตายเร็วเกินไป ส่วนลูอิสนั้นไม่เชื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังตาย ตายแล้วคือจบ และลูกก็ควรจะเข้าใจธรรมชาติของความตาย

“A place to bury our pets and remember them. I know it seems scary, but it’s not. Perfectly natural, just like dying is natural.” – Louis

ถึงอย่างนั้น พอเอลลี่ตายขึ้นมาจริงๆ ลูอิสกลับเป็นคนที่ทำใจไม่ได้ และกลายเป็นคนที่อยากจะฝืนธรรมชาตินั้นขึ้นมาซะเอง ด้วยการปลุกเอลลี่ขึ้นจากความตาย เราก็จะได้เห็นว่าการฝืนธรรมชาติแบบนี้มันมีผลกระทบร้ายแรง ลูอิสนำเอลลี่กลับมาได้ก็จริง แต่เอลลี่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เอลลี่กลายเป็นปีศาจที่พร้อมจะอาละวาดทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวเธอเอง

08

เรื่องนี้นอกจากจะมีผีแมวและผีเด็กแล้ว ยังมีผีตัวประกอบอย่างผีพี่สาวเรเชล และผีคนไข้ที่ลูอิสช่วยไว้ไม่ทัน ข้อดีของผีตัวประกอบเหล่านี้คือช่วยเพิ่มความน่ากลัวน่าลุ้นให้กับหนัง เพราะหลายๆ ครั้งตัวละครมักจะหลอนเห็นภาพผีพวกนี้ไปเอง แต่ขณะเดียวกันผีกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรเท่าไร เหมือนมีเข้ามาเพื่อเสริมทัพให้ผีในเรื่องเท่านั้น

โดยรวมแล้ว Pet Sematary เป็นหนังสยองขวัญที่น่าจะถูกใจใครที่ชอบหนังเน้นบรรยากาศหลอนๆ มากกว่าการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วชวนใจเต้น แม้จะมีจุดเนือยๆ ชวนง่วงบ้างถึงอย่างนั้นหนังก็สามารถตรึงความสนใจของเราไว้ได้ระดับหนึ่งด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่ร้อยเรียงกันไปเรื่อยๆ นำพาไปสู่บทสรุปที่เล่นเอาหลอนไปเลย จบแบบนี้ก็แอบคิดเล่นๆ ว่าสามารถสานเป็นภาคต่อได้เหมือนกัน แต่คิดอีกแบบนึงก็คืออย่าเป็นภาคต่อเลย แบบนี้ก็หลอนดี นำไปคิดต่อเองก็น่ากลัวไปอีกแบบ

PET SEMATARY

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: