รีวิว Marriage Story (2019): เรื่องราวของการแต่งงานที่ไม่สวยหรูเหมือนในนิทาน

สำหรับ Marriage Story นั้นเราได้ยินรีวิวดีเยอะมาก เทียบเท่า The Irishman ที่เพิ่งได้รับคำชมมากมายไปหมาดๆ เทียบกันแล้ว เราเดาว่า Marrage Story น่าจะเข้าปากเรามากกว่า (แถมเวลาเหลือแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ด้วย น่าจะดูง่ายหน่อย

Marriage Story เล่าเรื่องของ ชาร์ลี (Adam Driver) และ นิโคล (Scarlett Johansson) คู่สามีภรรยาที่จะลองแยกกันอยู่ แต่สุดท้ายฝั่งนิโคลก็ขอฟ้องหย่า พอเป็นอย่างนี้ รอยร้าวที่เริ่มปริก็ค่อยๆ แตกหัก ชาร์ลีและนิโคลต้องเผชิญกับจุดขัดแย้งต่างๆ โดยเฉพาะสิทธิ์การเลี้ยงดูเฮนรี่ บุตรของพวกเขา ที่ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างก็อยากให้อยู่ด้วย งานนี้อดีตคู่แต่งงานเลยต้องมีทนายขนาบข้าง สู้กันด้วยกฏหมาย เรื่องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล แล้วแบบนี้พวกเขาจะจากกันได้ด้วยดีหรือไม่?

02.jpg

เราชอบตรงที่หนังเล่าเรื่องแบบเรียลๆ ไม่ปรุงแต่งมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูเพลิน และร่วมลุ้นไปกับตัวละครว่าจะเจออะไรบ้าง จะตัดสินใจยังไง จะโต้ตอบกันยังไง เรียกได้ว่าเป็นหนังที่กระเทาะเปลือกความสวยงามของภาพฝันวันแต่งงานออก แล้วพาเราไปดูความจริงที่ว่า หลังแต่งงานแล้วชีวิตไม่ใช่จะสวยงามเสมอไป และถ้าหากชีวิตการแต่งงานไปได้ไม่ราบรื่น ตอนจบก็ขมพอๆ กับหนังโศกนาฏกรรมได้

ความเรียบเรื่อยเอื่อยๆ ของหนังมาพร้อมกับบทสนทนาที่อัดแน่นแต่เฉียบ โดยเฉพาะฉากปะทะคารมกันของพระนางที่เราอดระทึกตามไปด้วยไม่ได้ การระเบิดอารมณ์ของทั้งคู่นั้นสุดยอดมาก ต้องคารวะการแสดงของอดัม ไดรเวอร์ และ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เลย หลายๆ ซีนอารมณ์ยังเป็นแบบ long take ที่ถ่ายแบบไม่ตัดซีนด้วย ยิ่งทำให้เราทึ่งไปอีกกับสคริปต์คำพูดยาวๆ พร้อมแสดงอารมณ์ออกมาขนาดนี้

07.jpg

ในด้านของเนื้อหา ตอนแรกหนังให้พระนางต่างเล่าถึงข้อดีของอีกฝ่าย ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนจะเป็นครอบครัวอบอุ่นดี แต่หนังก็หักอารมณ์ด้วยการเฉลยว่าคู่นี้กำลังขุ่นเคืองกัน หนังค่อยๆ เจาะลึกไปถึงปมในใจของทั้งคู่ที่รอวันระเบิด โดยเฉพาะฝั่งของนิโคล ปมที่เห็นชัดเลยคือการเป็นเพียงช้างเท้าหลัง ไม่มีสิทธิ์มีเสียงตัดสินใจ ชาร์ลีเป็นคนคิดเองเออเองตลอด มันทำให้นิโคลรู้สึกเก็บกดอยู่ลึกๆ เพราะจริงๆ แล้วเธอก็มีสิ่งที่อยากทำ แต่สามีก็กันท่าไม่ให้ทำสักที ดูไปแล้วก็เหมือนชาร์ลีพยายามกดให้นิโคลต้องอยู่ภายใต้อำนาจเขาตลอดเวลา เพื่อช่วยส่งเสริมบารมีของเขาให้แกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องงาน การหย่าร้างในครั้งนี้ ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนการเปิดกรงให้นิโคลได้ออกโบยบินไปยังเส้นทางที่ต้องการ ไปยังจุดหมายที่อยากทำ

นอกจากนี้ หนังยังทำให้เห็นว่า เวลาจะหย่ากันนี่ วุ่นวายไปหมด ไหนจะต้องจ้างทนายด้วยเงินมากมาย ขึ้นโรงขึ้นศาล จากความสัมพันธ์ของคนสองคน กลายเป็นมีคนอื่นมาร่วมขบวนตัดสินถูกผิดด้วยซะได้ มีทนายที่เป็นตัวแทนของทั้งสองฝั่งออกมาสู้กัน ซึ่งแน่นอนว่าทนายย่อมพูดทุกอย่างให้ฝ่ายตัวเองชนะแม้ว่าสิ่งนั้นจะได้ไม่แสดงถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของชาร์ลีหรือนิโคล

ฝั่งอดีตสามีภรรยาก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เวลาที่อดีตคู่รักต้องประชันกันเงียบๆ บนสนามกฏหมาย หลายๆ ฉากดูแล้วอึดอัดแทน เช่น เวลาที่ทนายต่างฝ่ายต่างสาดเสียเทเสียชาร์ลีหรือนิโคลว่าเคยทำไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่สมควรได้รับสิทธิ์เลี้ยงดู ซึ่งแน่นอนว่าการที่ทนายได้ข้อมูลแบบนี้ไปส่วนหนึ่งก็มาจากชาร์ลีหรือนิโคลเองนั่นแหละที่เล่าเรื่องของอีกฝ่ายให้ฟัง แต่พวกเขาก็ไม่นึกว่าจะมีการแฉสดๆ เกิดขึ้น ความรู้สึกตอนนั้นคือถ้าเป็นเรา เราก็คงเคืองอยู่ลึกๆ เหมือนโดนคนที่รู้จักเราดีที่สุด แทงข้างหลัง พอทั้งคู่มาเจอกันสองต่อสอง มันก็เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้น เหมือนคู่ต่อสู้ที่ไม่ควรมาเจอกันหลังเวที ที่เจ็บคือคู่ต่อสู้นั้นก็เป็นคนที่เราผูกพันด้วย

แต่ท่ามกลางศึกการต่อสู้ เราก็ยังได้เห็นความโอบอ้อมอารีที่ชาร์ลีและนิโคลมีต่อกัน อย่างน้อยเยื่อใยของทั้งคู่ก็ไม่ขาดสะบั้นเสียทีเดียว ยามที่ฝ่ายใดกำลังตกระกำลำบาก อีกฝ่ายก็พร้อมมาช่วย หลงลืมเรื่องราวบาดหมางในปัจจุบันไปชั่วคราว และกลับไปเป็นคู่รักกันอีกครั้ง มันทำให้เราเห็นว่า จริงๆ แล้วทั้งคู่ก็ยังรักกันอยู่นะ เพียงแต่ว่าด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง มันไม่สามารถทำให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันได้

05.jpg

นอกจากการปะทะคารมบนสังเวียนกฏหมายแล้ว เรายังได้เห็นรายละเอียดของขั้นตอนนี้มากขึ้น เห็นกฏหมายที่เข้ามามีบทบาทในการสร้างความเหนือกว่าในสังเวียน ความแตกต่างระหว่างนิวยอร์ก – เมืองที่ชาร์ลี นิโคล และเฮนรี่อาศัยอยู่ กับ ลอส แองเจลิส – เมืองบ้านเกิดของนิโคล ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ และมีส่วนสำคัญในเรื่องคดีการฟ้องหย่านี้ด้วย

เราจะได้เห็นความพยายามของชาร์ลีที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการเลี้ยงดูเฮนรี่ หลักๆ คือการไปมาหาสู่ที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ บินจากนิวยอร์กมาแอลเอทุกสัปดาห์ งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องดูแล และถึงจะมีเวลาให้ลูก แต่ชาร์ลีก็ยังดูตะกุกตะกักกับการเลี้ยงลูก ไหนจะไม่ค่อยเล่นกับลูก บ้านเช่าก็ว่างๆ ไม่ค่อยมีอะไร ตัวชาร์ลีเองก็ดูแลตัวเองไม่ค่อยจะได้ เทียบกับฝั่งนิโคลที่มีครอบครัวและญาติๆ เพื่อนๆ ให้เฮนรี่ไม่เหงา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนเป็นแม่เลี้ยงดูลูกได้ดีกว่าจริงๆ เฮนรี่ก็ดูติดแม่มากกว่าด้วย

06.jpg

โดยรวมแล้ว Marriage Story เป็นหนังที่ดีมากๆ เล่าเรื่องราวช่วงเปราะบางได้ดี เป็นเรื่องรักอีกมุมนึงที่สะท้อนความจริงได้ ว่าความรักมันไม่ได้สวยงามไปหมด เมื่ออยู่ด้วยกันจริงๆ คู่รักย่อมต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่แท้จริงของอีกฝ่าย และถ้ารับไม่ได้ ชีวิตคู่ก็ไม่ราบรื่น ครั้นเมื่อจะหย่าร้างกันก็ต้องเจอขั้นตอนวุ่นวายที่เสี่ยงทำให้ความสัมพันธ์แตกหักมากกว่าเดิมอีก ความท้าทายของการหย่าร้างก็คงเป็นการที่อดีตคู่รักยังสามารถญาติดีต่อกันได้แม้ว่าจะผ่านความขัดแย้งมาได้นั่นเอง

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: