I Lost My Body อนิเมชั่น 2D สัญชาติฝรั่งเศส ความยาวเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ แต่ก็สามารถจับใจเราได้ ตอนแรกก็เตรียมใจไว้แล้วแหละว่าหนังน่าจะมาแนวติสต์ๆ ไม่บอกอะไรตรงๆ ซึ่งพอเตรียมใจไว้แบบนั้น เราก็ดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างบันเทิง
—สปอยล์ตัวโตๆ—
หนังเล่าเรื่องตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ของนาโอเฟล (Hakim Faris) ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตอนเด็กๆ มีความฝันอยากจะเป็นทั้งนักเปียโนและนักอวกาศ เขาได้รับความรักจากพ่อแม่ และชอบที่จะอัดเสียงไปทั่ว วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ทำให้เขาสูญเสียพ่อแม่ไป กลายเป็นเด็กกำพร้า พอโตเป็นผู้ใหญ่เขาก็ได้ทำงานเป็นเด็กส่งพิซซ่า ซึ่งทำให้เขาได้บังเอิญเจอกับกาเบรียล (Victoire Du Bois) หญิงสาวที่โทรสั่งพิซซ่าผ่านอินเตอร์คอมที่คอนโด พวกเขาพูดคุยกันสักพักหนึ่ง แม้จะไม่เห็นหน้ากันแต่นาโอเฟลก็ถูกชะตากาเบรียล เลยมุ่งมั่นตามหาเธอ โดยใช้เบาะแสที่ว่าเธอทำงานที่ห้องสมุด เป็นตัวตั้งต้น
นาโอเฟลตามกาเบรียลไปเรื่อยๆ จนพบว่าเธอมักไปเยี่ยมจีจี้ (Patrick d’Assumçao) ปู่ของเธอซึ่งเป็นช่างไม้ นาโอเฟลเลยเสนอตัวเป็นลูกจ้างจีจี้ซะเลยจะได้เจอกาเบรียลบ่อยๆ ซึ่งจากตรงนี้ทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น โดยที่นาโอเฟลยังคงเก็บความลับที่ว่าเขาคือเด็กส่งพิซซ่าวันนั้นไว้
หนังตัดสลับมายังอีกเส้นเรื่องนึง คือมือของนาโอเฟลที่ถูกตัดออกมา มือนี้ต้องตามหาว่าเจ้าของของมันคือใคร ระหว่างทางก็ต้องผจญภัยไปในเมืองใหญ่ พบเจออุปสรรคมากมาย
หนังมีเส้นเรื่องทั้งหมดรวมแล้ว 3 เส้น ตัดสลับไปมา ซึ่งบางทีก็อาจทำให้งงได้ว่าอ้าวตัดแล้วเหรอ แต่โดยรวมเราว่าไม่งงจนเกินไป เพราะเส้นเรื่องของแต่ละส่วนก็ค่อนข้างชัดอยู่ อย่างฝั่งนาโอเฟลตอนเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ ตอนยังไม่เสียมือไป ก็เป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่ายดี มีความเป็นหนังรักอินดี้อยู่เนืองๆ ตรงความสัมพันธ์ของนาโอเฟลกับกาเบรียล ที่เราก็ลุ้นว่าจะเป็นยังไง จะลงเอยกันไหม จุดหนึ่งที่ลุ้นนอกเหนือไปจากความรักคือนาโอเฟลไปทำอีท่าไหนถึงเสียมือไปข้างนึง ตรงนี้เดี๋ยวหนังก็จะเฉลยเอง
ฝั่งเส้นเรื่องการเดินทางของมือนั้นเป็นอะไรที่อาร์ตกว่านั้น เราเปิดดูหนังเรื่องนี้โดยที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องย่อใดๆ แบบละเอียด ตอนแรกเลยงงๆ นิดนึงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอดูไปเรื่อยๆ มันก็เพลินดีนะ ในฝั่งของมือเหมือนเราได้ดูหนังผจญภัยที่ไม่รู้ว่าจะไปลงเอยตรงไหน จะไปเจอเจ้าของเมื่อไร แล้วอุปสรรคต่อไปคืออะไร การดำเนินเรื่องมีความคล้ายเกมที่ต้องผ่านด่านไปเรื่อยๆ มันทำให้เราลุ้นไปกับมือว่าต่อจากนี้จะเจออะไรอีก
ลักษณะท่าทางของมือนั้นหนังออกแบบมาให้ดูน่ารักดี เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ และมีความรู้สึกเหมือนสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป ชอบลูกเล่นของหนังตรงที่บางทีก็ใช้มุมกล้องแบบ POV แพนฉายภาพเหมือนกับว่ามือมีตา และเราก็มองผ่านตาคู่นั้น เห็นว่ามดกำลังไต่ แมลงวันกำลังบินมา หนูกำลังจะจู่โจม รถไฟกำลังจะเหยียบ ยิ่งเพิ่มความมีส่วนร่วมให้กับผู้ชมขึ้นไปอีก ดูเหมือนว่าแม้ว่ามือจะเป็นส่วนหนึ่งของนาโอเฟล แต่มันก็สามารถทำให้เรารู้สึกว่ามือมันมีชีวิตเป็นของตัวเอง เป็นอีกหนึ่งตัวละครของหนัง
ตัวหนังนั้นมีการพูดถึงเรื่องของโชคชะตา นาโอเฟลบอกว่าทุกคนเชื่อกันว่าเราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว แต่อันที่จริงก็มีวิธีที่เราจะสามารถเอาชนะโชคชะตาได้ คือเราต้องทำอะไรที่ผิดแผกไปจากเดิม ต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่คิดที่จะทำ เหมือนกับหลอกว่าจะเดินไปตรงๆ แต่สุดท้ายก็เลี้ยวซ้าย นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากโชคชะตา หลังจากนั้น เราก็ต้องพยายามหลีกหนีโชคชะตาต่อไป วิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยสัญชาตญาณและหวังว่าทุกอย่างมันจะเรียบร้อยดี
อันที่จริง นาโอเฟลอาจจะแค่ปลอบใจตัวเอง เพราะชีวิตของเขาก็ไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไร พ่อแม่เสียชีวิต ไม่ได้ไล่ตามความฝัน ใครเจอแบบนี้ก็คงอดโทษโชคชะตาไม่ได้ และคงท้อใจว่าเราคงไม่มีทางสู้ชะตาฟ้าลิขิตได้หรอก ถึงอย่างนั้น อย่างน้อยนาโอเฟลก็กล้าที่จะตามหากาเบรียล และสร้างโมเมนต์เล็กๆ ที่มีความสุขร่วมกัน นี่คงเป็นหนึ่งในตัวอย่างของนาโอเฟลที่บอกว่า ให้กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ต่อมานาโอเฟลก็ต้องผิดหวังกับความรัก แถมยังเจออุบัติเหตุทำให้มือขาดอีก พอเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ติดกันเขา นาโอเฟลก็หันกลับไปหาเทปเสียงที่ตอนเด็กๆ เขาเคยบันทึกช่วงเวลาต่างๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงสุข หรือช่วงทุกข์ หรือแม้กระทั่งช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ นาโอเฟลจมจ่อมอยู่กับความเศร้า คงหลงคิดว่าไม่สามารถเอาชนะชะตาฟ้าลิขิตได้แล้ว และมู้ดของหนังตรงนี้ส่งให้เราเผลอคิดมากๆ ว่า นาโอเฟลอาจจะฆ่าตัวตาย
ฉากสุดท้ายเป็นอะไรที่เจ๋งดี กาเบรียลขึ้นมาบนดาดฟ้าที่เคยมากับนาโอเฟล เธอเห็นเครื่องเล่นเทปวางอยู่ ก็กดฟัง ปรากฏว่ามันบันทึกเสียงของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่นาโอเฟลมายืนบนดาดฟ้า จนเราแอบกลัวว่าเขาจะฆ่าตัวตายจริงๆ แต่สุดท้ายเขากลับเอาไม้กระดานออกมา วิ่งตรงไปก่อนจะกระโดด แล้วแลนดิ้งลงบนเครนอีกฝั่งได้อย่างสำเร็จ
การที่จู่ๆ วิ่งกระโดดข้ามตึกแบบนั้น ไม่ใช่อะไรที่ตรงตามแพตเทิร์นเดิมๆ แน่ การกระทำนี้กำลังบ่งบอกว่านาโอเฟลต้องการจะพิสูจน์อีกครั้งว่าเขาสามารถเอาชนะโชคชะตาได้ เขาจะไม่ยอมอยู่ภายใต้บงการของมัน และการที่เขากระโดดข้ามมาได้สำเร็จ พร้อมมองออกไปยังท้องฟ้าข้างหน้า ก็บ่งบอกเราว่าเขากำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ ชีวิตที่เขาจะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำเลวร้าย หรือมือของเขาที่ค่อยๆ ถดตัวหายไปในมุมมืดของตึก แสดงชัดว่าถึงเวลาแล้วที่นาโอเฟลจะเดินหน้าต่อไป
จริงๆ หนังมีสัญลักษณ์ให้ตีความเยอะอยู่ อีกอันนึงคือแมลงวันที่โผล่มากวนนาโอเฟลบ่อยเหลือเกิน มาเป็นแพตเทิร์นจนอดคิดไม่ได้ว่าแมลงวันนี่กำลังจะแสดงตัวเองเป็นโชคชะตาที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ของนาโอเฟลรึเปล่า ยิ่งตอนเด็กๆ พ่อของนาโอเฟลเคยสอนว่าหากอยากจับแมลงวัน อย่าวาดมือไปตรงจุดที่เราเห็นกันอยู่ ให้วาดมือไปตรงจุดที่เราไม่คาดคิด แล้วเราจะคว้ามันไว้ได้… ฟังไปฟังมา ก็มีความคล้ายกับสิ่งที่นาโอเฟลพูดถึงเกี่ยวกับการเอาชนะโชคชะตาเหมือนกัน
แน่นอนว่าหลายๆ ครั้ง นาโอเฟลจับแมลงวันไม่ได้ โชคชะตาคงไม่ได้เอาชนะกันง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยขนาดนั้น และครั้นนาโอเฟลจับได้ มันก็เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล มันทำให้เขาสูญเสียมือข้างหนึ่งไปเลย ซึ่งตรงนี้อาจจะมองได้ว่า การพยายามฝืนโชคชะตา ก็อาจส่งผลให้ชีวิตผกผันไปในทางที่แย่ลง เพราะแบบนี้ละมั้ง คนส่วนใหญ่ก็เลยคิดว่า งั้นตามๆ โชคชะตาไปเถอะ อย่าไปพยายามเอาชนะเลย
แต่ก็นั่นแหละ นาโอเฟลสามารถเลือกที่จะยอมแพ้กับชะตาชีวิตก็ได้ หรือจะลองสู้ใหม่อีกครั้งก็ได้เช่นกัน เราคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะต้องการให้กำลังใจคนดู ให้รู้สึกว่าอะไรๆ ก็ตามที่ผ่านเข้ามา บางทีมันก็ควบคุมไม่ได้ เหมือนอุปสรรคที่มือเจอนั่นละ ทั้งวุ่นวายสับสนเละเทะ แต่ถ้าเรามีเป้าหมายในชีวิต (มือต้องการกลับไปหาเจ้าของ, นาโอเฟลที่ต้องการชีวิตใหม่) และพร้อมที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อคว้ามันไว้ ก็มีโอกาสที่เราจะได้พบสิ่งที่เราตามหา
ไม่รู้ว่าตีความบางส่วนถูกไหม บางส่วนก็ไปหาอ่านจากรีวิวที่อื่นมาแล้วนำมาคิดต่ออีกที โดยรวมแล้วเราว่า I Lost My Body เป็นหนังที่ดูเพลิน และปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก แต่ถ้าดูไม่รู้เรื่องก็อาจเป็นเพราะสัญลักษณ์ต่างๆ ของหนังที่ไม่ได้บอกกันโต้งๆ แต่ให้คนดูคิดเอง เราว่าคงมีอีกหลายสัญลักษณ์ (โดยเฉพาะตอนมือเดินทาง) แต่ก็เดาไม่ออกแล้ว เอาเป็นว่าถ้าใครอยากดูหนังที่ให้ทั้งฟีลความดราม่าและผจญภัย มีอะไรให้ขบคิดเล่นๆ ก็ลองดูเรื่องนี้ได้ ใช้เวลาไม่นาน
Leave a Reply