ตอนแรกเราชั่งใจอยู่ว่าจะอ่าน Two Can Keep a Secret ดีไหม เพราะผลงานก่อนของ Karen M. McManus อย่าง One of Us is Lying นั้นไม่ประทับใจเราเท่าไร แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวเลยจัดมาสักเล่ม แม้ว่าปกจะมีความคล้ายกับเล่มก่อนราวกับเป็นภาคต่อ แต่เล่มนี้เป็นเรื่องแยกต่างหากมาเลยนะ ไม่มีความเกี่ยวข้องกันใดๆ
Two Can Keep a Secret เล่าเรื่องของเมืองเล็กๆ ในสหรัฐฯ อย่าง Echo Ridge ที่มีเรื่องน่ากลัวอย่างการหายตัวไปของเด็กผู้หญิงที่ได้รับตำแหน่งเป็นราชินีงานคืนสู่เหย้าถึง 2 คน ทั้งคู่หายไปและไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่อเรื่องเล่าถึงปัจจุบันที่กำลังจะมีงานคืนสู่เหย้าครั้งใหม่ ซึ่งรอบนี้ก็มีคำขู่จากบุคคลปริศนาว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี โดยเฉพาะสาวๆ ที่มีสิทธิ์ได้รับตำแหน่ง แล้วก็เหมือนวางหมากไว้แล้วเพราะจู่ๆ เด็กสาวคนนึงก็หายตัวไป ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต งานนี้กลุ่มตัวเอกจึงต้องช่วยกันไขความลับว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีเด็กสาวหายตัวไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วการหายตัวไปครั้งนี้มันเกิดจากอะไร?
ถ้าให้เปรียบกับ One of Us is Lying เรารู้สึกว่า Two Can Keep a Secret สนุกกว่า น่าติดตามกว่า ในขณะที่ One of Us is Lying ให้ฟีลเหมือนหนังสือ Young Adult ทั่วไปที่เน้นชีวิตและปัญหาวัยรุ่น การบรรยายไม่ตื่นเต้นนัก ฝั่ง Two Can Keep a Secret มีความเป็นทริลเลอร์สืบสวนเข้ามาผสมมากกว่า ไม่ได้เน้นชีวิตวัยรุ่นมาก มีการบิ้วด์บรรยากาศให้เหมือนอยู่ในเมืองลึกลับดูไม่น่าไว้วางใจ เพราะเหตุนี้มั้งเลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องเข้มข้นกว่า แถมปริศนายังมีหลายระลอก ไม่ได้มาแบบระลอกเดียวเหมือน One of Us is Lying
ทางด้านตัวละคร Two Can Keep a Secret ก็มีความหลายหลายระดับนึง อย่างแอลเลอรี่และเอซร่า ฝาแฝดตัวเอกของเรื่อง ก็มีเชื้อสายละติน เอซร่าเองก็มีรสนิยมชายรักชาย ส่วนเพื่อนของพวกเขาอย่างมีอาและเดซี่ก็เป็นคนเกาหลี และมีอาก็เป็นไบเซ็กชวล ถึงอย่างนั้น เรากลับไม่ได้รู้สึกว่าความหลากหลายเหล่านี้มีจุดเด่นที่แยกออกมาเท่าไร คืออ่านๆ ไปแล้วก็เหมือนกันหมด ไม่ได้มีการแทรก stereotype ที่ชัดเจน ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะมันสื่อได้ว่าไม่ว่าเราจะเป็นคนเชื้อชาติไหน มีรสนิยมแบบไหน ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ แต่ในอีกแง่นึง ก็แอบรู้สึกเหมือนกันว่าถ้าเติมกิมมิคความแตกต่างของแต่ละเชื้อชาติหรือรสนิยมเข้ามา ก็น่าจะทำให้ตัวละครดูน่าสนใจมากขึ้น
แม้จะไม่มีการเล่นมุก stereotype แต่ตัวละครแต่ละคนก็ถูกมองเหมารวมจากคนอื่นอยู่ดี ด้วยวิธีการตีตราจากเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงถึงคนนั้นๆ ตัวอย่างเช่น แม่ของแอลเลอรี่และเอซร่ามีปัญหาทางจิต เคยก่อเรื่องวุ่นวาย ต้องเข้ารับการรักษาในสถานบำบัดจิต เมื่อแอลเลอรี่และเอซร่าย้ายมา Echo Ridge ใหม่ๆ ทุกคนก็จะแบบ ว้าว เด็กใหม่ ฉันรู้จักแม่เธอนะ ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนั้นเลย บลาๆๆ คือจะเชื่อมเด็กแฝดไปกับวีรกรรมของแม่ อีกเคสนึงคือคู่พี่น้องหนุ่มหล่ออย่างดีแคลนและมัลคอล์ม ดีแคลนนั้นถูกมองว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของเลซี่ เด็กสาวคนที่สอง แฟนของดีแคลน เพราะมีคนเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันก่อนเลซี่หายตัวไป แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่ดีแคลนก็โดนมองแย่ไปแล้ว ส่วนมัลคอล์มนั้นก็โดนหางเลขจากพี่ชายไปด้วย คือทุกคนก็มองมัลคอล์มว่าคงไม่ต่างจากพี่ชาย พอมีเด็กสาวคนที่สามหายตัวไป มัลคอล์มก็โดนลากไปเกี่ยวด้วยซะงั้น เพราะคนสุดท้ายที่เด็กสาวอยู่ด้วยก่อนเข้าบ้านคือมัลคอล์ม
เรื่องความลึกลับนั้น Two Can Keep a Secret ทำได้ดี มีการหยอดปมใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีการทยอยเฉลยปมต่างๆ ไม่ได้เปิดเผยแบบตู้มเดียว ถึงอย่างนั้นตอนท้ายเรื่อง ฆาตกรก็ยังโผล่มาแบบ ฮะ คนนี้เหรอ ถ้ามีการใบ้ล่วงหน้าก็คงเป็นเราเองที่ตีความคำใบ้นั้นไม่ออก เดาว่าคนเขียนอาจจะอยากให้เซอร์ไพรส์ว่าเป็นคนนี้ ซึ่งก็เซอร์ไพรส์จริงๆ เพราะคิดไม่ถึง เหตุผลเบื้องหลังการฆาตกรรมก็ดูงงๆ ไม่จูงใจ ไม่หนักแน่นขนาดนั้น ชวนให้ตั้งคำถามว่า แค่นี้ก็ฆ่าแกงกันแล้วเหรอ? สารภาพว่ามันแอบทำลายบรรยากาศความลึกลับสุดขลังที่หนังสืออุตส่าห์สร้างมา เมื่อรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแบบนี้ – -;; แต่เอาเถอะ แม้จะงงๆ กับการเปิดปมอันนี้ แต่อีกปมตอนจบก็ยังพอปลุกความเขย่าขวัญในตัวขึ้นมาได้ เพราะเมื่อทุกอย่างเหมือนจะแฮปปี้เอนดิ้งแล้ว คนเขียนก็ไม่ปล่อยให้เราเพลินนาน ยังอุตส่าห์หยอดความ ปสด จนหยดสุดท้ายเอาไว้ ทำเอาต้องกลับไปอ่านทวนซ้ำอีกรอบว่า ฮะ จริงเหรอ??
เรื่องการดำเนินเรื่องและการบรรยาย ถือว่าทำดี ไม่งง แม้ว่าจะมีการสับเปลี่ยนมุมมองการเล่าเรื่องเรื่อยๆ ระหว่างแอลเลอรี่และมัลคอล์มก็ตาม ด้วยความที่มีแค่ 2 คนมั้ง เลยงงน้อยกว่า One of Us is Lying ที่เล่นสลับบทบรรยายกัน 4 คน นอกจากนี้ตอนขึ้นบทใหม่ก็มีบอกว่าบทนี้ใครจะเป็นคนเล่าเรื่อง เรื่องที่ถูกเล่านั้นเป็นของวันที่เท่าไร สามารถตามเรื่องได้อย่างง่ายๆ ไม่งงเลย ภาษาที่ใช้ก็ถือว่าค่อนข้างอ่านง่ายเลยทีเดียว แต่ละบทก็กระชับไม่ยาวไม่สั้นเกิน ถ้ามีเวลาก็อ่านได้เพลินๆ ยาวๆ ไป
โดยรวมแล้ว Two Can Keep a Secret เป็นวรรณกรรม Young Adult แนวทริลเลอร์ที่อ่านสนุก น่าติดตาม ผสมผสานความเป็นวัยรุ่นและความลึกลับได้ดี ปมปริศนามาเต็ม อ่านได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ ตอนจบอาจจะเฉลยแบบเหวอๆ ไปหน่อยแต่เราจะพยายามทำความเข้าใจละกัน 555 ที่แน่ๆ คือชอบใจตอนจบหยดสุดท้ายมาก กัดไม่ปล่อยจริงๆ ใครชอบแนวนี้ก็ลองไปหาอ่านกันได้นะ
Leave a Reply