รีวิว You Are Not Alone (1978): มิตรภาพและความสัมพันธ์เกินเพื่อนของเด็กชายสองคน

วัยเด็กเป็นวัยที่กำลังอยากรู้อยากลอง

เด็กๆ ใน You Are Not Alone คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ว่าการปิดกั้นไม่ให้เด็กรู้เรื่องนู้นเรื่องนี้ ก็ยิ่งเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงไปกันใหญ่ ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ยิ่งไม่ให้ก็ยิ่งอยากทำ

เห็นรีวิว You Are Not Alone ครั้งแรกก็อยากดูเลย ด้วยตัวละครที่เป็นเด็กผู้ชายน่ารักใสๆ แต่มีความอีโรติกแฝงอยู่ตรงที่เด็กผู้ชายตัวเอกทั้ง 2 นั้นอาจจะมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่าเพื่อน อยากรู้ว่าหนังจะเล่นประเด็นอ่อนไหวนี้ยังไงเลยหามาดูจนได้

You Are Not Alone (Du er ikke alene) เป็นหนังสัญชาติเดนมาร์ก เล่าถึงชีวิตในโรงเรียนประจำชายล้วน ตัวเอกคือโบ (Anders Agensø) และคิม (Peter Bjerg) เด็กชายสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันเรื่อยๆ และมีโอกาสได้อยู่เพียงลำพังสองต่อสองอยู่หลายครั้ง ความสัมพันธ์ใกล้สนิทชิดเชื้อกว่าเพื่อนก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน ในขณะที่เพื่อนๆ ของพวกเขานี่ไปไกลถึงขั้นมีเซ็กซ์กัน นี่ขนาดว่าผู้ใหญ่พยายามปิดตาเด็กในหลายๆ เรื่องแล้ว แต่ผลก็เป็นอย่างที่เห็น คือสุดท้ายเด็กก็สรรหาวิธีเองจนได้ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มแอลกอฮอล์ การดูภาพโป๊เปลือย ไปจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กันจริงๆ

ตัวหนังดำเนินเรื่องไปอย่างเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เห็นเล่นประเด็นดุเดือดแบบนั้นแต่ก็ยังมีความชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติ ทุกอย่างถ่ายทอดออกมาได้วิจิตรบรรจงดี ไม่ได้มีความหยาบกระด้างหรืออล่างฉ่าง อีกอย่างคือวิวเค้าสวยงามร่มรื่นดีจริงๆ แบบแค่ซึมซับบรรยากาศทิวทัศน์ก็สบายใจแล้ว ชอบฉากในป่าที่มีบึงน้ำ คือโคตรจะสงบสุขและธรรมชาติดีมาก

พล็อตเรื่องไม่ได้หนักอะไรมาก ดูไปแบบสบายๆ ประเด็นที่เห็นได้ชัดสุดคือผู้ใหญ่ที่พยายามปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก แทนที่จะสอนให้เด็กเข้าใจถึงเพศสภาพของตัวเอง เพราะแบบนี้แหละเด็กมันก็เลยไปลองผิดลองถูกเอง เด็กชายบางคนก็ไปมีเซ็กส์กับสาวรุ่นพี่ บางคนก็มีเซ็กส์กับเพื่อนชายด้วยกันเอง บางคนก็หัดช่วยตัวเอง ทางด้านโบกับคิมนั้นไม่ extreme เท่าคนอื่นๆ คือไม่ได้มีเซ็กส์กันรวดเร็ว แต่ทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ช้าๆ แต่มั่นคง ค่อยๆ ค้นหาคำตอบในใจตัวเองไปไรงี้ เพราะเราจะเห็นได้ว่าโบมีอาการลังเลหรือทำอะไรไม่ถูกอยู่บ่อยๆ เวลาอยู่กับคิม หรือตอนไปเจอเพื่อนที่กำลังมีอะไรกันในห้องน้ำ ตัวโบเองก็คงกำลังสับสนอยู่เหมือนกันว่ารสนิยมทางเพศของตัวเองนั้นเป็นยังไงกันแน่

ทางฝั่งคิมนั้น เติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ (พ่อเป็นครูใหญ่) แถมยังเป็นลูกหลงที่ห่างจากพี่คนโตอยู่หลายปี เราเดาว่าคิมเองก็คงเหงา ในบ้านไม่มีพี่น้องรุ่นเดียวกัน เลยต้องไปสนิทกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนแทนแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เรียนที่นั่น และโบก็คือคนที่เข้ามาเติมเต็มความเหงาให้คิมได้

ในอีกด้านหนึ่ง เราก็จะได้เห็นโลกของผู้ใหญ่ที่มองตัวเงินเป็นหลัก อย่างครูใหญ่ที่พยายามทำให้โรงเรียนดูดี เพื่อที่จะได้ขอเงินลงทุนเพิ่มได้ เป็นที่น่ากังขาว่าผู้ใหญ่สนใจความเป็นอยู่ของเด็กๆ จริงรึเปล่า หรือแค่คิดอยากให้โรงเรียนดูดี มีชื่อเสียงดีๆ เพื่อจะได้ดึงเงินพ่อแม่เท่านั้น? เมื่อเด็กคนหนึ่งสารภาพว่าเป็นคนก่อเรื่องวุ่นวายด้วยการติดโปสเตอร์ภาพโป๊ในห้องน้ำ เด็กคนนี้ก็ถูกไล่ออก เพราะอยากกำจัดปัญหาออกไป อันเป็นเหตุให้เด็กๆ ลุกฮือขึ้นมาประท้วงต่อต้านการไล่ออกครั้งนี้

ในตอนจบ เป็นหนึ่งในฉากที่เราว่าสวยงามมาก คือเป็นฉากที่เปิดหนังสั้นของเด็กๆ ให้ผู้ใหญ่ดู แล้วปิดท้ายด้วยฉากที่โบกับคิมกอดจูบกันอย่างอ่อนโยน แล้วหนังก็ตัดจบไปโดยไม่ให้เรารู้ว่าปฏิกิริยาของผู้ใหญ่เป็นยังไง ซึ่งเราเดาว่าคงไม่จืดแน่ๆ และถ้าหนังเผยให้เห็นอะไรแบบนั้น ก็คงจะจบไม่สวยเท่าไร การตัดจบแบบนี้ก็เป็นการทิ้งความรู้สึกดีๆ ไว้ให้คนดู จะเกิดอะไรขึ้นต่อนั้นก็ไปคิดกันเอง แต่อย่างน้อย เด็กทั้งคู่ก็ได้ยืนหยัดในแนวคิดของตัวเองชัดเจนแล้ว

ถือว่า You Are Not Alone เป็นหนังที่กล้าหาญในการนำเสนอเรื่องราวของชายรักชายมาก เพราะอย่าลืมว่าหนังเรื่องนี้ออกฉายในปี 1978 ซึ่งตอนนั้นการรักเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยกันอย่างทุกวันนี้ ยิ่งหนังเล่นประเด็นนี้กับเด็กที่ยังไม่โตเต็มที่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งนับว่าเป็นเรื่องท้าทายเลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เราเห็นได้ถึงความอ่อนไหว การเติบโต การค้นหาตัวเองของเด็กวัยนี้ได้กระจ่างดี อย่าลืมว่ามันคือชั่วขณะหนึ่งในชีวิตเรา ใครๆ ก็ต้องเคยเจอทั้งนั้น อยู่ที่ว่ารูปแบบที่เราเจอจะเป็นแบบไหน

You Are Not Alone ไม่น่าจะใช่หนังสำหรับทุกคน ที่แน่ๆ ไม่ใช่สำหรับคนที่ชอบหนังเอื่อยๆ ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีลุ้นระทึก ไม่มีปมปริศนา ใครที่ไม่ถนัดแนวชายรักชายก็อาจจะไม่สันทัดกับเรื่องนี้เท่าไร (แม้ว่าจริงๆ ฉากอย่างว่าระหว่าง ชช จะน้อยมาก) แต่โดยรวมเราคิดว่า หากเปิดใจ ประเด็นของหนังเรื่องนี้ก็สามารถเข้าถึงทุกคนได้แหละ เพราะอย่างที่บอกว่า มันเป็นช่วงชีวิตหนึ่งของพวกเราทุกคนที่ต้องค้นหาตัวเอง ต้องเติบโต ต้องอยากรู้ในเรื่องที่ผู้ใหญ่บอกว่าอย่าเพิ่งรู้ และหนังเรื่องนี้ก็ทำการขยายชั่วขณะเวลานั้นได้ออกมาอย่างชัดเจนดีเลย