รีวิว To All The Boys I’ve Loved Before (2018): เมื่อผู้ชาย 5 คนได้อ่านจดหมายรัก (ซึ่งควรจะเป็นความลับ) ของเธอ

ลองนึกภาพว่าเราชอบคนคนหนึ่ง…อะ หลายๆ คนก็ได้

เราเขียนจดหมายรักให้พวกเขา บอกเล่าความรู้สึกทุกอย่างลงไป เขียนเสร็จก็เก็บมันไว้ในกล่อง ไม่ส่งออกไป

แต่แล้ววันหนึ่งจดหมายพวกนั้นกลับไปอยู่ในมือของคนเหล่านั้นที่เราแอบชอบ แน่นอนว่าพวกเขาได้อ่านมันแล้ว และความรู้สึกของเราก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป…

นี่คือเรื่องยุ่งยากที่ ลาร่า จีน นางเอกจาก To All The Boys I’ve Loved Before ต้องเผชิญ และนั่นก็นำมาซึ่งเรื่องราวความรักวุ่นๆ ที่เริ่มจากการหลอกลวง ก่อนที่ความสัมพันธ์จะพัฒนากลายเป็นความรักจริงๆ

To All The Boys I’ve Loved Before นั้นออกฉายมาได้สักพักแล้วใน Netflix แต่เราก็ยังไม่ได้มีโอกาสดูสักทีจนกระทั่งวันนี้ โดยตัวหนังนั้นน่าสนใจสำหรับเราเพราะเป็นหนังที่สร้างมาจากนิยาย YA ชื่อเดียวกันที่เขียนโดย Jenny Han (อีกครั้ง… เราไม่ได้อ่านนิยายมาก่อน ฮือ) คือเราเป็นคนค่อนข้างชอบหนังที่สร้างมาจากหนังสือน่ะ มันดูมีแบ็กกราวด์มีต้นตอดี

สำหรับพล็อตของ To All The Boys I’ve Loved Before นั้นก็เริ่มที่นางเอกอย่าง ลาร่า จีน สาวเอเชีย-อเมริกันที่เขียนจดหมายรักให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบ 5 คน บางคนก็ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว เรียกได้ว่ารู้สึกดีกับใครก็จะเอามาระบายเป็นจดหมายนี่แหละ แต่เธอไม่ได้ส่งออกไปนะ เธอเก็บไว้ในกล่องโดยกะให้มันเป็นความลับไปชั่วนิจนิรันดร์ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ต้องช็อกเมื่อเห็นว่า ปีเตอร์ หนุ่มนักกีฬาที่เธอเคยชอบตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ นั้นมีจดหมายของเธอในครอบครอง และเขาได้อ่านมันแล้ว! ไม่ใช่แค่นั้น หนุ่มอีกคนอย่าง จอร์ช แฟนเก่าพี่สาวของเธอที่เธอแอบหลงรักอยู่จริงๆ ก็ได้รับจดหมายนั้นแล้วเช่นกัน ไม่ได้การ ลาร่า จีนจะให้จอร์ชรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอชอบเขา เธอจึงต้องขอร้องให้ปีเตอร์ช่วยมาเป็นแฟนปลอมๆ ของเธอหน่อย เรื่องราวชุลมุนเลยเริ่มต้นขึ้น

เราชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียน/มหา’ลัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องนี้เลยเข้าตาเราโดยปริยาย เนื้อเรื่องนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหวือหวา เน้นความรักกุ๊กกิ๊กแบบวัยรุ่นซะมากกว่า อารมณ์เหมือนอ่านนิยายแจ่มใสน่ะ เดี๋ยวเป็นแฟนหลอกๆ เดี๋ยวเริ่มชอบกัน เริ่มหึงกัน งอนกัน ปรับความเข้าใจ กลับมาคืนดี มีตัวร้ายโผล่มาบ้างเล็กน้อยพอให้มีสีสัน อืม อารมณ์เหมือนอ่านแจ่มใสจริงๆ นั่นแหละ 555 และด้วยความที่นางเอกเป็นคนเอเชียด้วยรึเปล่าไม่รู้นะ ทำให้ตัวหนังไม่มีฉากเลิฟซีนโจ๋งครึ่มหรืออล่างฉ่าง บอกแล้วว่าเป็นความรักแบบกุ๊กกิ๊กจริงๆ ทางด้านการดำเนินเรื่องก็ถือว่าโอเค ไม่น่าเบื่อนะ ดูได้เพลินๆ สบายๆ เลย

ถึงจะเป็นหนังรักที่ดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่เราแอบชอบหลายๆ ประเด็นที่สื่อในเรื่องนี้ โดยเฉพาะตัวละครอย่างลาร่า จีน ที่เราว่าน่าจะสะท้อนอยู่ในตัวผู้หญิงหลายๆ คน คือจะเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่ได้โดดเด่น ไม่ได้ป๊อปปูล่าร์ งานอดิเรกคือชอบอ่านนิยายรัก ดูหนังรัก และจิ้นไปคนเดียวว่าถ้าตัวเองมีความรักจะเป็นยังไง เธอมีคนที่แอบชอบแต่ก็ไม่กล้าบอกไปตรงๆ เพราะกลัวว่าจะผิดหวัง ขอให้มันเป็นแค่เรื่องแฟนตาซีในหัวเธอดีกว่า

…ซึ่งตรงนี้เรารู้สึกค่อนข้าง relate กับเธอระดับหนึ่ง ความรักนั้นพออยู่ในรูปแบบหนังหรือนิยายมันเป็นอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราโดยตรง เราสามารถเพ้อไปกับมันได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่ความรักอยู่ในชีวิตจริง ต้องมีการผูกพัน มีการผูกมัด มันจะเริ่มมีหลายๆ ประเด็นอื่นเข้ามาประกอบมากขึ้น และที่สำคัญคือ…ถ้าเกิดความรักนั้นเป็นความรักที่ผิดหวัง ต้องเลิกรากัน หรือคนใดคนหนึ่งต้องลาจากไปไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม มันก็จะเป็นเรื่องเศร้า ถ้าอย่างนั้นมันจะดีกว่ามั้ยถ้าเราไม่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับใครจริงๆ เลย เพราะการอนุญาตให้ใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตแล้ว มันก็เหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดความเจ็บปวดอันเนื่องมาจากการที่คนคนนั้นจากลาไปในวันใดวันหนึ่ง

ถามว่าความคิดนี้ถูกมั้ย? มันก็ถูกแหละ ถ้าเราสามารถลดอัตราการเกิดความเสียใจได้เราก็ควรทำ

แต่จะทำได้มั้ย? อันนั้นอีกเรื่อง

ในกรณีของลาร่า จีน เธอได้ตกหลุมรักไปแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าสารภาพรักเพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ หรือกลัวว่าจะเสียพวกเขาไปในอนาคต ซึ่งมันก็เป็นการป้องกันตัวที่ดี แต่การที่เธอไม่เคยยอมเสี่ยงสักครั้งเลย มันก็ทำให้เธอไม่ได้รับรู้ความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งที่เธอสามารถมีมันได้เหมือนกัน

และเมื่อถึงเวลาที่อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกของเธอ แล้วมีแนวโน้มรู้สึกแบบเดียวกับเธอเช่นกัน การมัวแต่ลังเล ไม่เปิดใจคุยกันตรงๆ ก็อาจจะไม่สร้างประโยชน์อะไร เพราะมีแต่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างทุกข์ ก็ในเมื่อรู้ใจตัวเองแล้ว ทำไมไม่รักๆ กันไปเลย ถ้ามัวแต่กลัวอนาคตก็คงไม่ได้รักกันสักที

อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ก็จริง อาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็จริง แต่ ณ ปัจจุบันนี้เรากำหนดได้ เราก็ควรกำหนดให้ตัวเราเองมีความสุขไม่ใช่หรือ?

อันนี้ก็ไม่ได้จะเชียร์ให้รักกันแบบหน้ามืดตามัว แต่ถ้าทุกๆ อย่างพร้อม ไม่มีอะไรติดขัดนอกจากความรู้สึกกลัวของตัวเอง ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้ายังไม่เริ่มต้นสักที

นี่อาจจะเป็นจุดหนึ่งของหนังที่เราขัดใจนิดๆ เวลาตัวละครหลบหน้ากัน ไม่พูดคุยกันตรงๆ พ่อแง่แม่งอนกัน ทั้งที่อะไรหลายๆ อย่างมันจะเคลียร์ได้เพียงแค่ฟังกันและกัน จุดนี้ทำให้สะดุดไปหลายฉาก แต่ก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นพล็อต เป็นความขัดแย้งทางจิตใจที่หนังอยากนำเสนอ

แต่ถึงยังไง To All The Boys I’ve Loved Before ก็เป็นหนังสไตล์ Rom-Com อีกเรื่องที่น่าจะถูกอกถูกใจผู้หญิงกัน ด้วยเส้นเรื่องที่น่ารักกุ๊กกิ๊กกับบทที่ชวนให้อมยิ้มในหลายๆ ฉาก ก็เป็นหนังรักวัยรุ่นอีกเรื่องที่แนะนำให้เปิดดูกันสบายๆ ในช่วงวันหยุดนะ 🙂

2 thoughts on “รีวิว To All The Boys I’ve Loved Before (2018): เมื่อผู้ชาย 5 คนได้อ่านจดหมายรัก (ซึ่งควรจะเป็นความลับ) ของเธอ

Add yours

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: