รีวิว The Debut อวสานไอดอล (2021): เบื้องหลังภาพลักษณ์สวยหรู ดูมีอะไรไม่ชอบมาพากล

เวลาพูดถึงไอดอล พวกเรามักนึกถึงอะไรกัน

ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นความน่ารักกุ๊กกิ๊ก โลกสดใสเป็นสีชมพูด เพลงแบ๊ว ๆ ติดหู ท่าเต้นมุ้งมิ้ง

แต่สำหรับซีรีส์เรื่อง The Debut อวสานไอดอล นั้นฉีกกฎเดิม ๆ ของไอดอลออกหมด แล้วใส่ฟิลเตอร์สายดาร์กให้กับวงการไอดอลแทน ทำให้น่าสนว่าซีรีส์จะเล่าเรื่องออกมาเป็นยังไง

The Debut เล่าเรื่องของ “เฟม” (พลอย พลอยไพลิน) หญิงสาวสุดห้าวที่ต้องปลอมตัวเข้าไปในวงไอดอลชื่อ NewType เพื่อสืบหาสาเหตุการตายของ “ฟาน” (ฟิล์ม รชานันท์) น้องสาวของเธอที่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของวงนี้ โดยเฟมนั้นได้สร้างบุคลิกใหม่ชื่อ “มิวมิว” จากสาวร็อกเลยกลายเป็นสาวแบ๊วคิกขุไปเลย

ในวง ณ ขณะนั้นประกอบไปด้วย “หยก” (เมโกะ ชนนิกานต์) กัปตันวงมาดเคร่ง “สไมล์” (เชอรีน ณัฐจารี) เซ็นเตอร์ของวงที่มีคาริสม่าสูง “ยูอิ” (นารา เทพนุภา) สาวแบ๊วคู่จิ้นสไมล์ “คิริน” (นาเดียร์ มงก๊อด) สาวแซ่บโดดเด่นด้วยผมสีชมพู และ “ไมเนอร์” (ปั๋น ดริสา) สมาชิกรุ่น 2 เพียงคนเดียวที่ได้เข้ามาอยู่ในวง ซึ่งเมื่ออยู่ไปอยู่มา เฟมก็ได้ค้นพบความลับต่าง ๆ ว่าเมมเบอร์แต่ละคนทำผิดกฎไอดอลยังไงบ้าง เธอจึงค่อย ๆ รวบรวมหลักฐาน เพื่อหวังว่าจะสามารถใช้เป็นข้อต่อรองในการให้เมมเบอร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องสาว และเปิดโปงเหล่าเมมเบอร์เป็นการแก้แค้นให้น้องสาวได้

มีสปอยล์

ซีรีส์นี้สามารถดูได้เฉพาะบน WeTV Premium ซึ่งเราสมัครไว้ก่อนแล้วพอดี ตัวซีรีส์มีทั้งหมด 13 ตอน ตอนละประมาณ 30-50 นาที ซึ่งระหว่างดูก็จะรู้สึกว่าจบเร็วมากเพราะเนื้อเรื่องไม่แผ่วเลย มีอะไรให้ลุ้นทุกตอน แถมตัดจบแต่ละตอนได้ชวนค้างมากจนหลายครั้งต้องกดดูตอนต่อไป เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ไทยที่เข้มข้นมาก ๆ จนอยากจะอวยให้คนอื่น ๆ ได้ลองมาดูกัน

การดำเนินเรื่องของซีรีส์นั้นจะไม่ได้เล่าแบบเป็นลำดับ 1 2 3 แต่จะมีการเล่าตัดสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เหมือนค่อย ๆ แง้มให้เราเห็นความลับในอดีตไปด้วย ซึ่งยิ่งดูก็ยิ่งสนุก ยิ่งเข้มข้นจนแทบจะหยุดไม่ได้

พาไอดอลไปสายดาร์กแบบสุดโต่ง

ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือการนำ Context ของไอดอล มาตีความเล่าเรื่องใหม่ให้มีกลิ่นอายของความดาร์ก ความสืบสวนระทึกขวัญหน่อย ๆ ซึ่งเราว่ามันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันดี ภาพลักษณ์ภายนอกดูสดใสบริสุทธิ์ ทำให้ระหว่างดูก็ยิ่งลุ้นว่ามันจะชวนช็อกไปได้ถึงระดับไหนบ้าง ซึ่งซีรีส์ก็ถือว่าทำได้ดีเพราะแต่ละอย่างที่โยนเข้ามาก็ extreme สุด ๆ

เฟม / มิวมิว

แค่ตัวละครนางเอกก็มีความน่าสนใจแล้ว เพราะโดยพื้นฐาน เฟมเป็นสาวห้าว แต่งตัวเท่ ๆ ชอบเพลงร็อก ชอบปาร์ตี้กินเหล้า เมื่อจะต้องแปลงร่างเป็นมิวมิว มันจึงมีความขัดแย้งสุดๆ เพราะต้องกลายเป็นสาวแบ๊ว แต่งตัวสีหวาน ๆ ติดผมยาว ร้องเต้นเพลงใส ๆ พูดจาสุภาพเรียบร้อยเสียงสาม

น้องพลอยที่รับบทเฟม แสดงได้ดีเลย ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความฝืน ๆ ของเฟม ที่ต้องแสร้งเป็นบุคลิกที่ไม่ใช่ตัวเอง ต้องเก็บความอยากฉอดเอาไว้แล้วแสร้งปั้นหน้ายิ้ม ๆ

ตัวคาแรคเตอร์นี้ ทำให้เราลุ้นมากว่านางจะไฟต์กับเมมเบอร์ในวงยังไง เพราะเฟมก็ค่อนข้างสู้โลกพอสมควร ไม่ได้ใส ๆ เหมือนฟาน ไม่มีทางที่จะโดนแกล้งง่าย ๆ แน่นอน คอยลุ้นว่าเฟมจะมีไพ่อะไรในมือมาตลบหลังคนในวง ซึ่งหลายซีนก็ไม่ผิดหวัง

กฎไอดอล กับการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

อีกประเด็นที่ซีรีส์โยนมาเหมือนตั้งคำถามให้ไปถกกันเล่นต่อ คือประเด็นว่าจริง ๆ แล้วกฎไอดอลมันสมควรมีมั้ย แน่นอนว่ากฎพวกนี้สร้างขึ้นเพื่อคีพภาพลักษณ์ที่ดีให้ไอดอล ทำให้ไอดอลดูเหมือน “นางฟ้า” หรือ “เจ้าหญิง” ซึ่งดูเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป แฟนคลับต่างก็ต้องเชิดชู

ก็พอเข้าใจได้ว่าไอดอลเป็นสินค้าของบริษัท บริษัทย่อมอยากจะสร้างแบรนดิ้งที่ดูดี ที่ไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวัง แต่ไอดอลแท้จริงก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีรักโลภโกรธหลง ไอ้กฎจำพวก “ห้ามมีแฟน” “ห้ามมีรอยสัก” เหล่านี้มันก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลไปรึเปล่า?

ซึ่งเหล่าเมมเบอร์ในเรื่องก็ตอบให้ว่า “ฉันไม่แคร์” แต่ละคนต่างแหกกฎในแบบฉบับของตัวเอง ตราบใดที่สังคมไม่รู้ ก็ถือว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร กลายเป็นว่ากฎเพียงหนึ่งเดียวของวงคือ “ห้ามเอาความลับของคนในวงไปเผยแพร่”

ว่าง่าย ๆ คือ เมมเบอร์และบริษัทช่วยกันปกปิดความลับ ทำเป็นไม่เห็นอะไรนั่นแหละ

และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าเมมเบอร์ตัวหลักของ NewType ยังคงรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อนเดียวกันได้ เพราะไม่มีใครหักหลังใคร ทุกคน “อยู่เป็น” รู้ว่าต้องประพฤติตัวยังไง แหกกฎยังไงให้ไม่พัง

จนกระทั่งการมาถึงของรุ่นน้องอย่าง “ฟาน” ซึ่งให้ความสำคัญกับกฎของไอดอลมาก เมื่อรู้ว่ารุ่นพี่ทำผิดกฎเป็นว่าเล่น จึงรับไม่ได้ และแฉความลับของ “มินนี่” (จ๋อมแจ๋ม สุพิชชา) สมาชิกรุ่นแรกของวง จนทำให้มินนี่ต้องพบเจอกับเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกาย

ประเด็นตรงนี้เหมือนซีรีส์จะบอกกลาย ๆ ว่า บางทีการอยู่รอดในสังคมก็อาจจะต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้าง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรผิดอะไรถูกก็ตาม ซึ่งจริง ๆ แล้วมันอาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ที่ฟานสามารถทำได้ แต่ด้วยความที่ฟานก็เด็กมาก คงยังไม่แกร่งพอที่จะรับมือกับโลกที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังนัก

นอกจากนี้ เมื่อความลับของเหล่าเมมเบอร์แตก ผลกระทบที่ตามมานั้น ก็ทำให้ตั้งคำถามว่า “ที่ทำผิดนั้นมันร้ายแรงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ”

เมมเบอร์ก็เป็นมนุษย์คนนึง มีพฤติกรรมเหมือนมนุษย์ทั่วไป สมควรแล้วหรือที่จะถูกจำกัดกรอบเพียงเพราะเป็นคนของประชาชน?

ประเด็นนี้ก็คงสามารถนำไปถกเถียงต่อกันได้ ว่าจริง ๆ แล้วกฎเหล่านี้มันต้องซีเรียสเบอร์นั้นจริง ๆ เหรอ หรือในฐานะไอดอลก็ควรปฏิบัติตามกฎเพื่อภาพลักษณ์ที่สามารถนำไปขายได้?

แฟนคลับหัวรุนแรง

มีไอดอลก็ต้องมีแฟนคลับ สำหรับ NewType นั้นมีทั้งแฟนคลับที่คอยตามซัพพอร์ต เป็นกำลังใจ ขณะเดียวกันก็มีแฟนคลับโรคจิตที่เป็นภัยกับวง เช่น แฟนคลับที่ตั้งกลุ่มซื้อของใช้ส่วนตัวของเมมเบอร์ในวง แฟนคลับที่ส่งของแปลก ๆ ส่อเชิงเพศมาให้ ไปจนถึงแฟนคลับที่รุมทำร้าย และบูลลี่เมมเบอร์เมื่อรู้ว่าเมมเบอร์ทำผิดกฎ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ใครดูก็รู้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะไม่ควร และมนุษย์คนนึงก็ไม่ควรถูกคุกคามจากคนประเภทนี้ด้วย ไม่เว้นแม้แต่ไอดอลซึ่งถูกมองว่าเป็น “คนของสังคม” แท้จริงแล้วพวกเขาก็เป็นมนุษย์คนนึง มีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง มีเรื่องส่วนตัวของตัวเอง และไม่ควรถูกก้าวก่ายความเป็นส่วนตัว

ตัวละครเทา ๆ มีทั้งด้านดีและด้านแย่

สำหรับตัวละครในเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็มีทั้งส่วนดีและส่วนไม่ดี ส่วนที่น่าสงสารและส่วนที่น่าด่า ซึ่งเราว่ามันก็ทำให้ตัวละครมีมิติดีนะ ไม่มีใครร้ายสุดโต่ง หรือดีสุดขั้วไปเลย

เหล่าเมมเบอร์ในวงนั้นถูกซีรีส์วางภาพลักษณ์ให้ดูเป็นตัวร้าย เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟานฆ่าตัวตาย แต่เมื่อเราได้รู้จักพวกเขา เราก็ได้เห็นด้านที่อ่อนแอของพวกเขา รวมถึงเหตุผลเบื้องหลังความร้ายนั่นด้วย

ตัวนางเอกอย่างเฟมเอง มีเจตนาคือเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาว แต่ขณะเดียวกันตอนน้องสาวมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้เป็นที่พึ่งที่ดีให้กับน้องนัก

หรือแม้กระทั่งฟาน บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ช่วงแรก ๆ เราจะรู้สึกว่านางเป็นเหยื่อ แต่ไป ๆ มาๆ ซีรีส์กลับเผยให้เห็นสาเหตุที่แท้จริงว่าตัวฟานเองมีส่วนในการผลักดันให้เมมเบอร์แสดงความร้ายกาจออกมาอย่างไร

ว่าง่าย ๆ คือ ตัวละครล้วนมีเหตุผลให้ร้าย ไม่ใช่ว่าเกิดมาแล้วร้ายเลย ตรงนี้ก็ถือเป็นจุดที่ดี เสริมให้การกลั่นแกล้งกันของตัวละครมีน้ำหนักขึ้นนิดนึง (แม้ว่าการแกล้งกันจะดูเด็กน้อยมาก เหมือนเด็กประถม-มัธยมต้นแกล้งกันมากกว่า)

ความรักที่ต้องหลบซ่อน

เฟมมีแฟนชื่อ “เบิ้ล” (เก้า จิรายุ) ซึ่งก็คบกันอยู่แล้ว แต่เมื่อเฟมเข้าวง NewType ก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่ว่าห้ามมีแฟน ซึ่งช่วงแรก ๆ เฟมก็ยังคบเบิ้ลแหละแต่แค่ไม่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ลงรูปคู่กัน นั่นจึงทำให้เบิ้ลเกิดความงอน ๆ น้อยใจเหมือนกัน

และด้วยความที่เบิ้ลก็ไม่ได้เข้าใจวงการไอดอลเท่าไร นั่นก็ทำให้เขาหัวเสียไม่น้อยที่ต้องมาคิดหยุดหยิมกับกฎบ้าบอไร้สาระ ทำให้เฟมกับเบิ้ลเกิดปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง

มุมนึงเราก็เข้าใจเบิ้ลที่คงรู้สึกเหมือนโดนพรากแฟนไป แต่อีกมุมหนึ่งก็อดเอือมไม่ได้ที่เบิ้ลดูจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เฟมต้องเจอเลย

คู่เฟมกับเบิ้ลจึงน่าจะจำลองคู่รักที่คนนึงเป็นไอดอลได้ดี คือคบกันอยู่ดี ๆ วันหนึ่งก็ต้องหลบซ่อน อีกฝ่ายไม่มีเวลาให้ จะป่าวประกาศว่าเป็นแฟนกันก็ทำไม่ได้ เลยส่งผลให้ความสัมพันธ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนถึงจุดนึงก็ต้องห่างกันสักพัก

จุดที่ยังเป็นช่องโหว่

แม้เรื่องราวจะสนุก แต่ระหว่างทางซีรีส์ก็มีช่องโหว่ให้เอ๊ะในใจเหมือนกัน รวมถึงการกระทำบางอย่างที่ไม่ค่อย make sense เท่าไร

การเล่าเรื่องบางจุดยังขาดความชัดเจน ทำให้ระหว่างดูก็ตั้งคำถามไปด้วยว่าเอ๊ะทำไมตัวละครถึงรู้เรื่องนี้ได้ ทำไมตัวละครต้องทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้

บางตัวละครก็มีความขัดแย้งของบุคลิกแบบสุดขั้ว ทำให้ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไร เช่น ไมเนอร์ที่เป็นคนร้าย ๆ แต่กลับจำยอมให้เมมเบอร์แกล้งเหมือนคนไม่มีทางสู้ หรือ “ต้นกล้า” (เบสท์ ณัฐสิทธิ์) ที่ดูเป็นคนซื่อ ๆ แต่มาเผยทีหลังว่าเป็นแฟนคลับโรคจิต ทำเอาปรับมู้ดไม่ทันเหมือนกัน

สรุป

โดยรวมแล้ว The Debut อวสานไอดอล ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ไทยที่สนุกมาก ๆ เข้มข้นทุกตอนชนิดที่แทบจะหยุดดูไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีช่องโหว่นิดหน่อยในแง่ของความสมเหตุสมผลและการกระทำของตัวละคร และตอนจบที่รู้สึกว่ารวบรัดไปนิดเหมือนอยากจบไว ๆ

นักแสดงเล่นได้ดีมาก ๆ ทุกคน ใส่อารมณ์กันแบบเต็มที่จริง ๆ รับรองว่าดูแล้วจะเกลียดหรือหมั่นไส้บางตัวละครแน่นอน

ซีรีส์ยังหยิบจับธีมไอดอลมาเล่าเรื่องในแบบที่ต่างออกไปได้ดี ทำให้พล็อตเรื่องค่อนข้างโดดเด่น ใส่ใจในรายละเอียดความเป็นไอดอลสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ติดหูมาก คอสตูมอลังการ กิจกรรมต่าง ๆ ของที่ระลึก ดู ๆ ไปแล้วก็อยากจะให้วงนี้มีจริงเหมือนกันนะ 555