ถ้าใครเป็นคอซีรีส์แนวสยองขวัญเขย่าขวัญ จะต้องถูกเตะตาด้วยซีรีส์ไทยอย่าง School Tales The Series เหมือนเราแน่ ๆ
และด้วยตัวซีรีส์ที่ออกแบบมาเป็นตอนสั้น ๆ จบในตอน ก็ชวนให้น่าสนใจว่าซีรีส์จะเล่าเรื่องแบบไหนออกมาบ้าง เพราะ “โรงเรียน” เป็นอะไรที่ใกล้ตัวเราทุกคน ย่อมเกิดความรู้สึกร่วมไม่มากก็น้อยแหละ
โดยในโพสนี้ เราจะขอมารีวิวคร่าว ๆ ว่าแต่ละตอนเป็นยังไง และความประทับใจในแต่ละตอนกัน
มีสปอยล์
EP1: 7AM – 7 โมงพิศวง

เล่าเรื่องของนักเรียนห้องหนึ่งที่ต้องเผชิญกับคำสาปของผีทุกเช้า โดยทุก ๆ เช้านั้นจะมีข้อความลึกลับปรากฏขึ้นบนกระดานดำ ข้อความเหล่านั้นบอกถึง “วิชา” ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่นักเรียนทุกคนในห้องนั้นต้องทำคือ ต้องเอาหนังสือของวิชานั้น ๆ มา หากไม่นำมาภายในเดดไลน์ก็จะโดนผีฆ่า แถมยังหายไปจากความทรงจำของทุก ๆ คนอีก
ตัวเอกคือ “คิว” (เค เลิศสิทธิชัย) เด็กหนุ่มที่โดนเพื่อนยัดเยียดหน้าที่ให้มาโรงเรียนแต่เช้า (เพราะบ้านอยู่ใกล้สุด) เพื่อมาถ่ายรูปกระดานดำบอกต่อเพื่อน ๆ ว่าเช้านั้นต้องเอาหนังสืออะไรมา แต่แล้วความกดดันก็มากขึ้น ๆ เพราะดูเหมือนเพื่อน ๆ จะไม่สนใจเลยว่าเขาจะลำบากมั้ย เอาตัวเองสบายอย่างเดียว คิวจึงแก้แค้นด้วยการบอกวิชาผิด ทำเพื่อนตายทั้งห้อง
สำหรับตอนนี้เป็นตอนเปิดตัว พล็อตเรื่องน่าสนใจทีเดียว แม้จะมีจุดที่ตั้งคำถามอยู่บ้างแต่ก็พอปล่อยผ่าน ๆ ไปได้ ผีมาแนวซีจีพุ่งปะทะหน้าจอ คนขวัญอ่อนอาจจะสะดุ้งหน่อย มีฉากเลือดสาดพอสมควร
ตอนนี้จะสะท้อนถึงความเห็นแก่ตัวของเพื่อนร่วมชั้นเรียน ที่หวาดตัวกลัวตายแต่ก็ไม่คิดจะยื่นมือช่วยเหลือเพื่อน ๆ ด้วยกัน ยัดเยียดหน้าที่ให้คิวเพียงคนเดียว แถมพอใครลืมเอาหนังสือมา ก็ยังหาทางไปขโมยของเพื่อนอีก ทำให้อดเข้าข้างคิวไม่ได้ที่เลือกหักหลังเพื่อนทั้งห้อง
แต่ระหว่างที่ดูก็อดหงุดหงิดคิวไม่ได้เหมือนกัน เพราะจริง ๆ แล้วคิวถือไพ่เหนือกว่าทุกคนได้ในเมื่อกุมชะตาชีวิตทุกคนไว้ แต่ตัวเองกลับทำตัวให้คนอื่นมาเอาเปรียบ มาบูลลี่ ทำตัวเองให้อ่อนแอซะอย่างนั้น
EP2: Vengeful Spell – แรงสาปแช่ง

เล่าเรื่องของ “เพลง” (เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ) เด็กสาวที่ไปเจอกล่องคำสาปเข้า เธอใช้กลวิธีของคำสาปนั้นในการฆ่าคนที่เธอเกลียด แต่สุดท้ายคำสาปก็หันกลับมาทำร้ายตัวเองเธอเอง เมื่อเธอพลั้งมือไปฆ่าน้องสาวของแฟนหนุ่ม ทำให้แฟนหนุ่มเคียดแค้น
สำหรับตอนนี้พล็อตไม่มีอะไรมาก มีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เข้ามานิดหน่อย พอให้มีปมขัดแย้งของนางเอกกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่น ๆ
ฉากตอนสุดท้ายที่เฉลยว่าแฟนหนุ่มเล่นของใส่เพลง ยังไม่ค่อย convince เราเท่าไร เรารู้สึกว่าอารมณ์แฟนหนุ่มเปลี่ยนฉับพลันไปหน่อย แบบเมื่อกี้รักกันอยู่ดี ๆ ก็เกลียดถึงขั้นฆ่าแกงเลย
EP3: Beautiful – สวย

เล่าถึง “เอมอร” (เอมี่ ทสร) เด็กสาวที่อยากสวยเหมือนคนอื่นบ้าง จนพลาดพลั้งกดสั่งสินค้าบางอย่างที่เคลมว่าจะทำให้สวยชั่วข้ามคืน เมื่อเธอกินน้ำยานั้นเข้าไป เธอก็สวยทันทีจริง ๆ เป็นที่ฮือฮาทั้งโรงเรียน จนไปเตะตา “ดาว” (ใยไหม ชินารดี) สาวสวยประจำโรงเรียน ซึ่งนับวันความนิยมชมชอบในตัวเธอก็ลดลง ๆ ทุกคนหันไปเห่อเอมอรแทน ดาวที่ไม่อยากให้ใครเด่นกว่าจึงพยายามไปขอเคล็ดลับว่าเอมอรทำยังไงถึงสวยขึ้น แต่เอมอรไม่บอกเพราะทำสัญญาตอนสั่งสินค้าไว้แล้วว่าห้ามบอกใคร
ถึงอย่างนั้น ดาวก็ไม่ยอมแพ้ หาวิธีขู่จนเอมอรยอมพาไปพบความจริง ว่าน้ำยาที่เธอกินเข้าไปนั้นเป็นน้ำยาที่ทำให้เธอกลายเป็นกระสือ ความสวยที่ได้มานั้นต้องแลกกับการที่เธอต้องกินของดิบคาวเลือด และถอดหัวถอดไส้กลายเป็นกระสือตอนกลางคืน ซึ่งก็สายไปสำหรับดาวแล้วเพราะดาวกินน้ำยานั้นไปแล้ว
สำหรับตอนนี้ก็สะท้อนถึง Beauty Standard ได้ดี เหมือนเตือนกลาย ๆ ว่าอย่าหลงเชื่อสินค้าอะไรที่โฆษณาเกินจริง เพราะมันอาจจะเป็นอันตรายก็ได้
EP4: The Book of Corpses – นิทานอีศพ

เล่าถึง “สายป่าน” (อร พัศชนันท์) เด็กสาวที่บังเอิญเจอหนังสือประหลาดชื่อ “นิทานอีศพ” ในห้องสมุดของโรงเรียน ในหนังสือเล่มนั้นมีบันทึกของเด็กสาวที่เคยถูกบูลลี่จนต้องฆ่าตัวตาย สายป่านค้นพบว่า หากเขียนอะไรก็ตามไปในหนังสือเล่มนี้ สิ่งนั้นจะเป็นจริง จุดนึงสายป่านเลยเขียนให้คนที่บูลลี่เธอนั้นตายไม่ดี
แต่แล้วเธอก็ต้องตะลึงเมื่อ “ครูนาริน” (ฟ้า ษริกา) บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดที่เธอไปมาหาสู่บ่อย ๆ ก็ใช้หนังสือเล่มนี้เขียนฆ่าคนเช่นกัน และตอนนี้ครูนารินก็เหมือนจะโดนปีศาจสิงเข้าให้แล้ว รอคอยวันที่จะส่งต่อปีศาจสู่คนอื่น ซึ่งอนิจจาคนนั้นก็คือสายป่านนั่นเอง
สำหรับตอนนี้ จะมีความงง ๆ นิดนึงว่าปีศาจมายังไง มีความซีจีอยู่เหมือนกัน ส่วนประเด็นบูลลี่ก็ยังคงมีให้เห็น ดูแล้วก็อึดอัดและหดหู่โดยเฉพาะน้องที่โดนขังในห้องน้ำ
EP5: Headless Teacher – หัวครูวัยวรรณ

เล่าถึง “ครูวัยวรรณ” (ปิงปอง ธงชัย) ครูสุดเนี้ยบที่เคร่งกฎระเบียบสุด ๆ จนเด็กไม่ชอบหน้า พากันกลั่นแกล้ง แต่อยู่มาวันหนึ่งครูวัยวรรณก็ถูกฆ่า โดยที่ศีรษะกับตัวนั้นถูกแยกออกจากกัน เด็กหนุ่มสองคนเผลอไปเจอร่างอาจารย์เข้า ร่างอาจารย์พยายามสื่อให้เด็กหนุ่มช่วยไปหาหัวให้หน่อย เด็กหนุ่มตอนแรกก็อิดออดแต่สักพักก็สงสารอาจารย์เลยยอมตอบตกลง พวกเขาจึงได้ล่วงรู้ว่า คนที่ฆ่าครูก็คือครูอีกคนที่โดนครูวัยวรรณจับได้ว่ากำลังจะกระทำชำเราเด็กนักเรียน จึงฆ่าปิดปากซะ
ตอนนี้เหมือนได้พักเบรก เพราะถือได้ว่าเป็นตอนที่เบาสมองและเน้นขายฮามากกว่าความน่ากลัว ด้วยบุคลิกครูวัยวรรณก็เรียกเสียงฮาปนเอ็นดูได้แล้ว มาเจอเด็ก ๆ ทะเล้นก็ยิ่งสนุก แม้จะชวนตั้งคำถามว่าทำไมร่างถึงออกมาดุ๊กดิ๊กเดินเล่นได้เหมือนคนทั่วไป แถมยังจับนู่นจับนี่ได้ก็ตาม
EP6: Lunch – สูตรลับร้านป้าจง

เล่าถึง “ก้อง” (ต้นหน ตันติเวชกุล) เด็กหนุ่มที่ชอบการไลฟ์สด เขาพยายามจะไลฟ์แกะสูตรเล้งต้มแซ่บสุดอร่อยของร้านป้าจง ที่ขายอยู่ในโรงอาหารโรงเรียน ก้องไปวุ่นวายจนเผลอทำหม้อร่วง เผยให้เห็นกระดูกที่คล้าย ๆ กับกระดูกหมา ทุกคนในโรงเรียนจึงแตกตื่นและประณามป้าจงกัน ส่วนก้องก็กลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยตีแผ่ความจริง
แต่แล้วความจริงก็ถูกเปิดเผยว่านั่นไม่ใช่กระดูกหมา แต่เป็นกระดูกไก่ทั่วไปนี่แหละ กระแสตีกลับ ก้องกลายเป็นเด็กพาลจอมหาเรื่อง ซึ่งเขาก็รับไม่ได้และอยากจะได้แสงสปอร์ตไลต์กลับมาอีกครั้ง ถึงขั้นพยายามใส่ร้ายป้าจงด้วยการเอาศพแมวไปไว้ในครัว แต่เรื่องก็พลิกเมื่อก้องดันค้นพบความลับที่พีคยิ่งกว่า คือป้าจงเอาหัวลูกชายที่ตายไปแล้วมาต้มน้ำซุป! เป็นหนึ่งในวิธีที่ป้าจงใช้เพราะเชื่อว่าจะได้อยู่กับลูก ก้องช็อกมากจนไม่ทันหนีป้าจงที่คว้ามีดมาฆ่าก้อง และนำชิ้นส่วนศพเขาไปทำต้มแซ่มในวันต่อไป
เป็นตอนที่ลุ้นมากว่าป้าจงมีความลับดาร์ก ๆ อะไรซ่อนอยู่ คือระหว่างดูก็คิดแล้วแหละว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ แล้วก็เป็นตามนั้นจริง ๆ ส่วนก้องก็สะท้อนพวกหิวแสงได้ดี อะไรที่เป็นกระแสได้ก็ทำหมด แต่ผิดที่พอตัวเองผิดแล้วไม่ยอมรับผิดชอบนี่แหละ ยังจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ ตรงนี้ก็เพลียเหมือนกัน
EP7: Curse – พรต้องสาป

เล่าถึงโรงเรียนที่มีตำนานว่าในห้องพยาบาลเก่า หากใครไปนั่งที่เก้าอี้พยาบาลแล้วหันหลังให้ประตู จะเจอกับผีครูห้องพยาบาล และจะสามารถขออะไรก็ได้ “กร” (เฟียต พัทธดนย์) เด็กหนุ่มหัวดีที่ถูกเพื่อนบูลลี่ (อีกแล้ว) ถูกบังคับให้ไปนั่งเก้าอี้แล้วขอพรให้แก๊งบูลลี่สอบผ่าน มีหรือกรจะทำ กรถือโอกาสขอให้เพื่อนที่บูลลี่เขาตาย ๆ ไปซะ ซึ่งผลลัพธ์ก็เห็นทันตา กรจึงได้ใจกลับมาขอให้เพื่อน ๆ คนอื่น (นับ ๆ แล้วก็เกือบ 40 คน) ที่รังแกเขา ตายไปบ้าง แต่โชคร้ายที่กรเพิ่งได้รู้ทีหลังว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เพราะ 1 ศพ = 1 อวัยวะที่กรจะต้องสละให้กับผีครูพยาบาล!
ตอนนี้เอาจริง ๆ ไม่อยากให้มี drawback เลย เพราะดูแล้วก็สงสารกรอยู่ อยากให้กรเอาคืน แต่สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี ในด้านฉากการตาย ทำได้เลือดสาดและสยองพอสมควรเลย
EP8: A Walk in School – เดินล่าท้าผี

เล่าถึงคู่เพื่อนซี้ “บอย” (เซ้นต์ ศุภพงษ์) กับ “ตั้ม” (ชิม่อน วชิรวิชญ์) ที่ไลฟ์ท้าพิสูจน์ตำนานผีของโรงเรียนตอนดึก โดยบอยนั้นเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผี พยายามมองทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ขณะที่ตั้มก็กล้า ๆ กลัว ๆ ติดสอยห้อยตามไปด้วย ระหว่างทางเราก็จะพบเจอตำนานผีของโรงเรียนนี้ เช่น ผีนางรำ ผีหนุมาน ผีนักยิมนาสติก ซึ่งก็ชวนหลอนเหมือนกัน
แต่สิ่งที่พีคกว่าก็คือตอนท้าย บอยมารู้ทีหลังว่าตั้มตายไปแล้ว เพราะรถคว่ำก่อนจะมาถึงโรงเรียน ซึ่ง ณ ตอนนั้นพวกเขาอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียนที่มีประตูลึกลับหน้าตาน่ากลัว บอยจำได้อีกครั้งว่าตนเคยมายืนตรงนี้กับเพื่อนอีกคน เพื่อนอีกคนเข้าไปในประตูนี้แล้วขอร้องให้บอยช่วย แต่บอยก็หนี ทว่าคราวนี้ตั้มไม่ปล่อยให้บอยหนีไปไหน พาเข้าประตูประหลาดไปด้วยซะเลย ซึ่งก็ไม่รู้หลังประตูบานนั้นมีอะไรเหมือนกัน ซีรีส์ปล่อยให้งงไป
เป็นตอนที่ชวนให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งดี อาจจะเพราะรูปแบบมีความไลฟ์สดผสมลงไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นตอนจบก็ทำให้งงจนเลิกหลอน งงว่าประตูนั้นคืออะไรแหละหลัก ๆ
สรุป
ถือเป็นซีรีส์ที่แต่ละตอนมีพล็อตน่าสนใจเลย ซีรีส์มีกลิ่นอายความ surreal เหมือนแนนโน๊ะนะเราว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์สังคมเบา ๆ โดยเฉพาะเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียนซึ่งแทบจะมีในทุกตอน ในฝั่งของความน่ากลัว เรายังรู้สึกว่าผีมีความซีจีค่อนข้างชัดไปหน่อย แต่งานเลือดสาดนี่เยอะจริง บางฉากก็ชวนแหวะเลย เอาเป็นว่าถ้าขวัญอ่อนอาจจะต้องเตรียมใจ แต่ถ้าสู้ไหวก็แนะนำนะ ทุกตอนสนุกในแบบของมันเองค่ะ
Leave a Reply