รีวิว Locke and Key ซีซั่น 3 (2022): หมดเวลาสนุกแล้วสิ…เมื่อต้องปิดฉากตระกูลกุญแจวิเศษ

หนึ่งในซีรีส์ที่เราติดตามและรอคอยซีซั่นใหม่ก็คือ Locke & Key นี่แหละ เพราะภาคก่อนจบได้ค้างคามาก แบบยังไงก็ต้องมีภาคต่อแน่ ๆ

โดยภาคนี้ก็ถือว่าไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะโดยรวมเนื้อเรื่องยังคงสนุก แต่ละตอนเหมือนจะสั้นลง ทำให้รู้สึกว่าดูแต่ละตอนไปแป๊บ ๆ ก็จบแล้ว (แถมยังจบได้ค้างมากในแต่ละตอน)

อย่างไรก็ดี นี่เป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้แล้ว ซึ่งซีรีส์ก็ไม่ได้ใจร้ายจบให้ค้างแต่อย่างใด

–มีสปอยล์ตอนจบเล็กน้อย–

ภาคนี้เล่าเรื่องต่อจากภาคที่แล้ว ที่ทิ้งท้ายไว้ว่านายพลปีศาจจากยุคอดีตได้เดินทางข้ามเวลามายังปัจจุบันที่สามพี่น้องอยู่กัน โดยเป้าหมายของนายพลก็คือช่วงชิงกุญแจมาจากตระกูลล็อค เพื่อเชื่อมมิติปีศาจกับมนุษย์เข้าด้วยกัน (ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าทำไมถึงอยากทำอย่างนั้น) เหล่าพี่น้องตระกูลล็อคอันได้แก่ ไทเลอร์ (Connor Jessup) คินซีย์ (Emilia Jones) และโบดี้ (Jackson Robert Scott) รวมถึงพันธมิตรหลายคน จึงต้องช่วยกันหาทางกำจัดศัตรูอีกแล้ว

ภาคนี้มีเพียง 8 ตอน ตอนละประมาณ 40-50 นาทีเท่านั้น เลยรู้สึกว่าแป๊บ ๆ ก็จบตอนแล้ว แถมแต่ละตอนก็จบแบบอยากดูต่อเลย ถือว่าการร้อยเรียงเรื่องทำได้ดี

ในภาคนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนไปหลาย ๆ อย่าง อย่างแรกเลยก็มีประเด็นเรื่องของไทเลอร์ที่ลืมเวทมนตร์ไปหมดแล้วพออายุ 18 ปี เขาย้ายไปทำงานเมืองอื่นและมีโอกาสกลับมาเยี่ยมคีย์เฮ้าส์ ซึ่งหนังก็ใช้เวลาดีลกับปมนี้ของไทเลอร์สักพักหนึ่งกว่าจะให้ไทเลอร์กลับมา catch up กับน้อง ๆ ได้ ซึ่งในตอนแรก ๆ เราก็จะรู้สึกเหมือนไทเลอร์ไม่ใช่คนเดิม ดูห่างเหินกันออกไป แต่พอความทรงจำกลับมา ก็กลับมาเป็นไทเลอร์ที่เราคุ้นเคยอีกครั้ง

ศัตรูในภาคนี้คือนายพลเฟรดเดอริก กิเดียน (Kevin Durand) ที่หลงยุคมาจากอดีต ความบ้าบอของตัวละครนี้คือนางมีพลังเยอะมากเพราะโดนปีศาจเข้าสิง นางใช้กำลังเข้าสู้ทุกสิ่งอย่าง จนดูเหมือนไม่ว่าเหล่าพี่น้องจะสู้ด้วยกลวิธีอะไรก็สู้แรงนางไม่ได้เลย โดยส่วนตัวไม่ค่อยรู้สึกว่านายพลกิเดียนมีเสน่ห์ในแบบของตัวร้ายเท่าไร ไม่เหมือนดอดจ์ที่จะมีลูกเล่นต่าง ๆ แต่อันนี้คือเหมือนใช้กำลังแล้วก็ปั้นหน้าปั้นเสียงให้เข้ม ๆ โรคจิต ๆ อย่างเดียว

กุญแจในภาคนี้มีเพิ่มมาแค่ 3 ดอกเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้แฟนตาซีหลุดโลกเท่าภาคก่อน ๆ เท่าไร แต่ก็มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องอยู่เหมือนกัน อย่างกุญแจบ้านหิมะที่โยงไปยังการพบเจอกันของตัวเอกกับศัตรู กุญแจหีบแกร่งที่กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของเรื่อง และสุดท้ายกุญแจย้อนเวลา ที่ทำให้เราได้เห็นโมเม้นต์ซึ้ง ๆ ของครอบครัวล็อคกันอีกครั้งหนึ่ง

และที่ขาดไม่ได้ของเรื่องนี้คือ มันจะต้องมีตัวละครที่ทำเสียเรื่อง ซึ่งรอบนี้ก็ยังเป็นน้องโบดี้คนดีคนเดิมของเรา ที่สร้างเรื่องทำให้ศัตรูในอดีตอย่างดอดจ์ (Laysla De Oliveira) กลับมาจากอดีตอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ภาคก่อนก็กำจัดไปได้แล้ว เชื่อว่าใครดูมาถึงตรงนี้คงมิวายร้องลั่นว่า “อิเด็กเวรรรร” เพราะแค่นายพลกิเดียนก็เหนื่อยแล้ว ยังจะพ่วงมาด้วยดอร์จอีกคน

แต่ถึงอย่างนั้น การกลับมาของดอร์จในภาคนี้ ก็ไม่ได้ impact มากมายเท่าไร นางโผล่มาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น แถมสุดท้ายยังกลายมาเป็นกึ่ง ๆ พันธมิตรกับตระกูลล็อคด้วย ดูไปแล้วก็งง ๆ เหมือนกัน

และเมื่อมาถึงตอนจบ ศัตรูอย่างนายพลกิเดียนก็ถูกกำจัดไปอย่างง่าย ๆ ทำเอาเราสงสัยว่า “แค่นี้เองเหรอ” เพราะเมื่อเทียบกับวีรกรรมที่ผ่านมา นายพลก็สร้างเรื่องไว้เยอะ แถมตระกูลล็อคก็สู้จะไม่ค่อยไหว แต่สุดท้ายแค่โดนผลักตกประตูมิติก็จบเลย มันเลยมีความอึ้ง ๆ งง ๆ เหมือนกัน

แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น ตัวซีรีส์ complete ด้วยการที่ตระกูลล็อคต้องทิ้งกุญแจลงประตูมิติ เพื่อปิดประตูไม่ให้ปีศาจย่ำกรายออกมาได้อีก นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้อง give up magic ที่แสนสะดวกสบายและสนุกสนาน (แต่ก็นำพาเรื่องวุ่นวายมาให้) และนั่นก็แปลว่า นี่คือตอนจบของซีรีส์แล้วจริง ๆ

โดยรวมแล้ว Locke & Key ภาคนี้ ก็ยังถือว่าทำได้ดี ดำเนินเรื่องได้สนุก แม้ว่าจะมีฉากไม่ make sense หลาย ๆ จุดที่ทำให้รู้สึกว่าตัวละครน่าจะฉลาดได้กว่านี้ แต่โดยรวมก็ถือว่าบันเทิงอยู่ ตอนจบง่ายไปนิด แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรค่ะ