รีวิว Love, Death and Robots (2022): กลับมารอบนี้เลือดสาดกว่าเดิม

กลับมาอีกครั้งกับอนิเมชั่นภาพเนียนกริบแนวไซไฟที่พล็อตเรื่องล้ำและดาร์กไม่แพ้ Black Mirror กับ Love, Death and Robots ที่ในปี 2022 นี้ขน 9 ตอนใหม่ล่าสุดมาให้ดู โพสนี้เลยจะขอเขียนเก็บความประทับใจ + เล่าเรื่องย่อของแต่ละตอนคร่าว ๆ เก็บไว้อ่านอีกที

— มีสปอยล์ —

Three Robots: Exit Strategies

เปิดซีซั่นมาด้วยเจ้าหุ่นยนต์ 3 ตัวที่เราเคยพบเจอกันไปแล้วในซีซั่น 1 สำหรับครั้งนี้ทั้งสามก็ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ที่มนุษย์สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว พวกเขาเดินทางไปตามร่องรอยต่าง ๆ จนสุดท้ายก็เจอว่าดูเหมือนจะมีมนุษย์ส่วนหนึ่งขึ้นจรวดหนีไปอยู่ดาวอังคารแล้ว… เอ๊ะ หรือว่าจะไม่ใช่มนุษย์

ตอนนี้เป็นตอนสั้น ๆ ดูสบาย ๆ ไม่เครียด สามหุ่นยนต์ยังคงมีอารมณ์ขันและเหน็บแนมมนุษย์ได้อย่างคมกริบเหมือนเดิม ซึ่งเอาจริงมันก็แอบเสียดสีความเป็นจริงนะ โดยเฉพาะจุดที่หุ่นยนต์มองว่า แทนที่จะสร้างจรวดหนีไปอยู่ดาวใหม่ มนุษย์เราก็มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะปกป้องโลกที่ตนอาศัยอยู่ แต่มนุษย์ก็เลือกความโลภและใช้ประโยชน์จากโลกจนถึงที่สุด

ตอนท้ายยังตลกร้ายด้วยการเฉลยว่า ที่ออกไปอยู่ดาวอังคารน่ะไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ แต่เป็นแมว! ซึ่งถ้าใครตาดี ๆ จะพบว่า มันคือแมวเสียงหล่อจากซีซั่น 1 นั่นแหละ

Bad Travelling

ตอนนี้จะมีความค่อนข้างดาร์ก เล่าถึงเรือที่ถูกโจมตีด้วยสัตว์ประหลาดนามว่า Thanapod ซึ่งมันฆ่ามนุษย์กินอย่างไร้ความปรานี แล้วมันดั๊นนนขึ้นมาอยู่ใต้เรือซะนี่ สมาชิกเรือคนนึงนามว่าทอร์รินถูกส่งไปหามัน แต่ไป ๆ มา ๆ ดันเจรจากันรู้เรื่อง เจ้า Thanapod อยากไปเกาะที่ชื่อ Phaiden เพื่อไปหาอาหารเพิ่ม (aka กินคนบนเกาะ) ทอร์รินยอมสัญญากับมัน แต่ในใจก็มีแผนว่า หลอกไปปล่อยเกาะใกล้ ๆ ที่ไม่มีคนดีกว่า แม้จะไกลหน่อยแต่ก็จะได้ไม่ทำร้ายคนอื่น (ฟังดูดีเนอะ)

แต่เรื่องไม่ง่าย เพราะเมื่อให้ลูกเรือคนอื่นโหวตว่าจะเลือกไปเกาะไหน ดันเลือกเกาะ Phaiden ที่อยู่ใกล้กว่า ทอร์รินจึงฆ่าคนแก๊งนี้แล้วส่งให้สัตว์ประหลาดเขมือบ ซึ่งเรื่องดราม่า ๆ บนเรือก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สุดท้ายเหลือทอร์รินรอดชีวิตอยู่คนเดียว ทอร์รินจัดการฆ่าสัตว์ประหลาดด้วยการจุดไฟเผาซะ และหนีรอดออกมาได้คนเดียว

เป็นเรื่องที่ดูแล้วกดดันตลอด เพราะสมาชิกเรือมีความหักเหลี่ยมกัน โดยเฉพาะทอร์รินนี่ละที่ลูกไม้เยอะเหลือเกิน หาเรื่องฆ่าคนฟีดสัตว์ประหลาดถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ แม้เจตนาเบื้องต้นของทอร์รินจะดูเป็นพ่อพระที่ไม่อยากให้ชาว Phaiden ตาย แต่พี่แกดันมาฆ่าเพื่อนร่วมเรือตัวเองเพื่อให้บรรลุเจตนาซะอย่างนั้น ฟังดูขัดแย้งกันดี

The Very Pulse Of The Machine

ตอนนี้โลเกชั่นเป็นนอกโลกบ้าง เล่าถึงนักบินอวกาศ 2 คนที่กำลังสำรวจดวงจันทร์ IO ของดาวพฤหัสฯ ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำขึ้นทำให้หนึ่งในนั้นตาย มาร์ธา คนที่ยังมีชีวิตรอดจึงต้องลากศพเพื่อนเพื่อไปถึงฐานให้เร็วที่สุดก่อนออกซิเจนจะหมด ซึ่งตัวมาร์ธาเองนั้นก็กระดูกแขนหักจากอุบัติเหตุ เธอจึงต้องสูดยาแก้ปวดเข้าไป แต่ดูเหมือนว่ายานี้จะทำให้เธอเห็นภาพหลอนมั่วไปหมด และเหมือนจะทำให้เธอสื่อสารกับ IO ได้ด้วย

สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่ชวน…งงพอสมควร อาจจะเพราะบทสนทนาของมาร์ธากับ IO มีความเจ้าบทเจ้ากลอน มีความปรัชญา ที่ถ้าไม่คุ้นชินก็อาจจะสับสนว่าเค้าพูดอะไรกันวะ ดูไปดูมาเริ่มเหมือน spiritual journey บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบตัวเอง และการพร้อมจะละทิ้งสสารเพื่อค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า (เขียนเองก็งงเอง เอ้อ) ในตอนสุดท้ายมาร์ธาค้นพบว่าเธอไปที่ฐานไม่ทัน ออกซิเจนไม่พอ ต้องตายแน่นอน เธอจึงยอมกระโดดลงไปในทะเลสาบลักษณะแปลก ๆ ของดวงจันทร์ เป็นเชิงว่ายอมต่อโชคชะตาและขอเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติไปแล้ว ซึ่งในตอนจบ เราก็จะยังได้ยินเสียงเธอติดต่อกลับหาฐานอยู่ ตรงนี้ก็ต้องไปตีความกันต่อว่า มาร์ธายังมีตัวตนอยู่มั้ย

Night Of The Mini Dead

ตอนนี้เป็นตอนสั้น ๆ พล็อตง่าย ๆ เลยคือซอมบี้บุกโลก… เพียงแต่มุมมองที่ฉายในหนังจะเป็น miniature คือย่อส่วนทุกอย่างหมด และทำเอ็ฟเฟ็กต์ให้เหมือนการ์ตูน แค่เปลี่ยนมุมมองแค่นี้ พล็อตเดิมที่เคยน่ากลัวและกดดันก็กลายเป็นตลกขำขันไปเลย (สำหรับตอนนี้ถ้าใครตาดี จะเจอว่ามีฉากเมืองไทยด้วย)

ตอนจบก็เรื่องนี้ก็คือ ผู้นำต่างตัดสินใจระเบิดโลกทิ้งซะ เพราะซอมบี้กลายพันธุ์ไปทั่วหมดแล้ว ซึ่งหนังก็นำเสนอออกมาเชิงฮา ๆ ว่าเสียงระเบิดของโลกเป็นเพียงเสียงตดของกาแล็กซี่เท่านั้น เหน็บแนมว่าจริง ๆ แล้วมนุษยชาติช่างเล็กจ้อยนักเมื่อเทียบกับจักรวาลทั้งหมด

Kill Team Kill

ตอนนี้จะเป็นการ์ตูนที่ค่อนข้างเลือดสาด ว่าด้วยหน่วยปฏิการพิเศษที่ต้องต่อสู้กับหมีกริซลีย์ที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมแล้วเกิดบ้าคลั่งฆ่าทุกคนขึ้นมา

สำหรับตอนนี้พล็อตไม่มีอะไรซับซ้อนมาก เน้นการต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างเดียว และตอนสุดท้ายก็จบที่หมีกริซลีย์ระเบิดตัวเอง ทำลายฐานและคนที่รอดชีวิตจนหมด (ฟังแล้วหดหู่ชะมัด)

Swarm

เป็นหนึ่งตอนที่สร้างซีจีคนได้เหมือนคนจริงมาก ๆ แถมบรรยากาศในเรื่องยังชวนให้รู้สึกพิศวง ตอนนี้เล่าถึงนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะศึกษาความลับของ Swarm ระบบนิเวศวิทยาของเอเลี่ยนชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างและควบคุมสิ่งมีชีวิตให้ทำงานตามระบบได้ ซึ่งหากนำไปใช้กับมนุษย์ก็จะทำให้เกิดการสร้างแรงงานที่ไม่บ่นไม่หนี ทำงานอย่างแข็งขัน แต่ปรากฏว่า Swarm ดันรู้ทันมนุษย์ เลยยื่นข้อเสนอ (ปนขู่ ๆ) ว่าจะสร้างสปีชีส์มนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ ซึ่ง Swarm เคยทำมาแล้วกับเอเลี่ยนสปีชีส์อื่น ๆ

สุดท้ายแล้ว นักวิทยาศาสตร์ตัวเอกก็ไม่รับข้อเสนอ ท้าทายว่ายังไงมนุษย์ก็ไม่เหมือนสปีชีส์อื่น ซึ่งหนังก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แบบนั้น เลยแอบค้างคาใจอยู่เหมือนกันว่าเอเลี่ยนจะปล่อยพี่แกให้รอดต่อไปมั้ย

Mason’s Rats

ตอนนี้เล่าเกี่ยวกับเมสัน ชาวนาสก็อตติชที่พบเจอปัญหาหนูแย่งข้าวโพดของเขา พอเจอว่าหนูพวกนี้ติดอาวุธ (ใช่…อ่านไม่ผิด) เขาจึงหาซื้อเครื่องมือต่าง ๆ มากำจัดหนู โดยอันที่โหดสุดคือหุ่นยนต์หน้าตาเหมือนแมงป่องที่พร้อมฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ขวางหน้า (ไม่เว้นแม้แต่แมวของเมสัน กรรม…) หนูเหล่านั้นถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งพอเมสันสังเกตการณ์ก็เริ่มรู้สึกเห็นใจเหล่าหนูจึงจัดการยิงทิ้งหุ่นยนต์ซะ แล้วกลายเป็นเพื่อนกับหนูแทน… เอ้า ง่าย ๆ อย่างนี้แหละ

เป็นตอนที่เลือดสาดอีกแล้ว ดูแล้วสงสารเหล่ากองทัพหนูนะ คืออนิเมชั่นออกแบบให้น้อง ๆ แสดงสีหน้าได้ชัดเจนมาก อย่างตอนที่น้อง ๆ เห็นเพื่อนตายไปต่อหน้าต่อตา โหมัน trigger ต่อมคนดีจริง ๆ ตอนท้ายเมสันยอมช่วยกองทัพหนู และชมเครื่องดื่มที่เหล่าหนูบ่มจากข้าวโพดของเขาว่าดีเยี่ยมมาก เอาจริง ๆ แอบคิดว่ากองทัพหนูยกโทษให้เร็วไปหน่อย เพื่อนตายเป็นเบือ แต่ก็นะคงไม่มีทางเลือกอื่นละ ไหน ๆ เมสันก็ช่วยไว้

In Vaulted Halls Entombed

ตอนนี้อนิเมชั่นคนเหมือนจริงอีกแล้ว เล่าเรื่องของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เข้าไปในถ้ำเพื่อช่วยตัวประกัน แต่พวกเขาก็ต้องเจอสัตว์ประหลาดที่ฆ่าพวกเขาไปทีละคน ๆ และด่านสุดท้ายคือไปเจอสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่ถูกกักขัง มันใช้พลังสะกดจิตให้เหล่าทหารปลดปล่อยมัน ซึ่งทหารคนสุดท้ายนางไม่ยอม จึงควักลูกตาและตัดหูตัวเองทิ้ง รอดชีวิตมาแบบอ่วม ๆ

เป็นตอนที่ดูแล้วลุ้นมาก เรียกว่าละสายตาไม่ได้เลย เพราะฉากในถ้ำคือทหารต้องสู้กับสัตว์ประหลาดแมงมุมที่งาบพวกเขาทั้งเป็นได้ แถมตอนที่พวกเขาเข้ามาในโถงของถ้ำ ฉากตรงนี้คืออลังการและขลังมาก ดูแล้วเหมือนถูกดูดเข้าไปในจอ ชวนลุ้นแทนทุกก้าวเลย

Jibaro

นี่เป็นหนึ่งในตอนที่ตั้งตารอคอยเลย เล่าถึงทหารกลุ่มหนึ่งที่ไปเจอนางไซเรน (มั้ง) เข้า นางไซเรนร้องรำทำเพลง (ที่ฟังดูเหมือนกรี๊ดมากกว่า) ล่อให้เหล่าทหารเป็นบ้าแล้วพุ่งลงมาในบึงจนจมน้ำตาย มีเพียงทหารหนึ่งเดียวที่รอดเพราะเขาหูหนวกเลยไม่ได้ยินเสียง ซึ่งนางไซเรนก็เอ๋อไปเลยจึงตามเขามาว่าเอ๊ะไอ้หมอนี่ทำไมไม่สะทกสะท้าน ส่วนทหารคนนี้ก็ถูกดึงดูดด้วยแก้วแหวนเงินทองของนางไซเรน จนในที่สุดทหารคนนี้ก็ไปชิงสมบัติทั้งตัวของนางมาได้ เท่านั้นแหละนางก็กรีดร้องโหยหวนทำบึงทั้งบึงกลายเป็นเลือดของนาง ทหารคนนี้หนีไม่ทันและเหมือนเลือดนางจะเยียวยาความหูหนวกของเขา ทีนี้ซวยเลย ได้ยินเสียงของนางไซเรนละ ทหารคนนี้จึงไม่รอดอยู่ดี

ตอนนี้เป็นตอนที่ดำเนินเรื่องแบบเบลอ ๆ นิดนึง มีความตัดฉับ ๆ เร่งจังหวะย่นจังหวะบ้าง บทพูดแทบไม่มี ถึงอย่างนั้นก็ชวนลุ้นตลอด วิชวลของนางไซเรนทำออกมาได้ชวนขนลุกปนขลัง ฟีลเหมือนนางรำ ดูแล้วก็เซ็งแทนทหารหูหนวกที่ไม่หนีไปแต่เพราะโลภเลยไปเอาสมบัติของนางไซเรน ทำให้ต้องตายในที่สุด ทั้งที่ถ้าหนีไปได้ก็คงรอดไปแล้วแท้ ๆ

สรุป

Love, Death and Robots ซีซั่นนี้ก็ยังงานดีเหมือนเดิม ส่วนใหญ่ตอนในซีซั่นนี้จะค่อนข้างดาร์ก รุนแรง เลือดสาด จบไม่สวยบ้าง หรือระหว่างทางโหดร้ายไปบ้าง มีไม่กี่ตอนที่เน้นความขำขันจิกกัดหรือบันเทิงแบบไร้เลือด เทียบกับ 2 ซีซั่นก่อนหน้าเลยรู้สึกว่าซีซั่นนี้เหมือนมีรสชาติเดียวไปหน่อย อันนี้ในเชิงพล็อตนะ ถ้าเป็นในเชิงวิชวล ก็ยังถือว่าหลากหลายดีอยู่ แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นอีกซีซั่นที่ดูสนุก ย่อยค่อนข้างง่าย ดูแล้วบันเทิงไม่แพ้ซีซั่นก่อนหน้านี้เลย

2 thoughts on “รีวิว Love, Death and Robots (2022): กลับมารอบนี้เลือดสาดกว่าเดิม

Add yours

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: