รีวิว On The Basis of Sex (2018): หนังกฎหมายย่อยง่าย เมื่อชายและหญิงไม่เท่าเทียมกัน

ถ้าพูดถึงหนังกฎหมาย หลายคนอาจจะตั้งแง่ไปแล้วว่าต้องหนักหน่วง ดูไม่รู้เรื่อง น่าเบื่อ ชวนหลับคาโซฟา

แต่สิ่งนี้ไม่ใช่กับ On The Basis of Sex หนังสร้างจากชีวิตจริงของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก (Felicity Jones) ทนายความสาวแกร่งที่ชนะคดีมามากมาย และมีส่วนช่วยผลักดันให้กฎหมายของสหรัฐฯ มีความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น โดยตำแหน่งสุดท้ายของเธอก่อนจะเสียชีวิตในปี 2020 คือหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาประจำศาลสูงของสหรัฐ

เพราะกับ On The Basis of Sex หนังไม่ได้ยัดเยียดข้อความกฎหมายมาให้เราทื่อ ๆ แต่ผูกเรื่องให้น่าติดตาม ใส่ Humor เข้ามาเล็กน้อย และมีการดำเนินเรื่องที่ชวนลุ้นแม้เราจะรู้ผลลัพธ์กันอยู่แล้ว

On The Basis of Sex เล่าย้อนไปถึงช่วงยุคปี 1950 ที่รูธได้เข้าเรียนกฎหมายที่มหา’ลัยฮาร์วาร์ดได้ ซึ่งเธอก็เป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนท่ามกลางดงชายล้วน เธอต้องเผชิญกับการทรีตอย่างไม่เป็นธรรมเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง ไหนจะถูกเมินในห้องเรียนบ้างละ ไหนจะที่มหา’ลัยไม่มีห้องน้ำหญิงบ้างละ ราวกับว่าสังคมมองว่าผู้หญิงไม่มีที่ยืนในแวดวงกฎหมายงั้นละ

รูธจบมาด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ถูกปฏิเสธการรับเข้าทำงานเป็นทนายความจากสำนักงานกฎหมายถึง 12 แห่งเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง ลงเอยด้วยการมาเป็นอาจารย์วิชากฎหมายที่ทำได้เพียงแค่ยกเคสเก่า ๆ มาสอนนักเรียน ซึ่งแน่นอนว่าชวนอัดอั้นตัดใจมากสำหรับสาวไฟแรงอย่างรูธที่อยากจะออกไปว่าความเอง ไปลงมือเปลี่ยนแปลงสังคม ไม่ใช่แค่อยู่แต่ในห้องเรียน

แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของรูธก็เปลี่ยนไป เมื่อมาร์ติน (Armie Hammer) สามีที่เป็นทนายของเธอ ได้นำคดีหนึ่งมายื่นให้เธอลองตรวจสอบดู เป็นคดีของชายผู้หนึ่งซึ่งเลี้ยงดูแม่ผู้แก่ชรา เขาไม่ได้รับการลดหย่อนภาษีจากค่าเลี้ยงดูเหมือนผู้หญิงเพียงเพราะเขาเป็นผู้ชาย ซึ่งพอรูธเห็นเคสนี้ก็ตาลุกวาวทันที เพราะนี่มัน sex discrimination กับผู้ชายชัด ๆ! เธอและสามีจึงตัดสินใจรับทำคดีนี้ เพราะมองว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล้างระบบความไม่เท่าเทียมทางเพศได้

หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งตอนแรกก็หวาด ๆ ว่า ฉันจะหลับมั้ย ซึ่งเอาเข้าจริงปรากฎว่า หนังสนุกมากกว่าที่คาดไว้สุด ๆ ด้วยการดำเนินเรื่องที่ไม่ยืดยาดน่าเบื่อ แต่กระชับฉับไวชวนให้ลุ้นติดตามเรื่อย ๆ บวกกับบทสนทนาที่เฉียบคมของตัวละคร ซึ่งก็ต้องยอมรับแหละว่าอ่านซับเกือบทั้งเรื่องเพื่อกันหลุด 555 ก็นะ เพราะเป็นหนังกฎหมาย เลยต้องมีศัพท์แสงทางกฎหมายแทรกมาเรื่อย ๆ ถ้าใครไม่คุ้นชินก็อาจจะงงได้เหมือนกัน

ระหว่างดู หนังก็เหมือนชวนเราคิดไปด้วย กับเคสต่าง ๆ ที่หนังหยิบยกขึ้นมาให้เป็นประเด็กถกเถียงกัน ซึ่งก็จะพบว่าบางกฎหมายนี่โคตรเหมารวมและโลกแคบมาก เช่น กฎหมายภาษีที่อนุญาตให้แค่ผู้หญิงที่ดูแลคนแก่ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ เพียงเพราะกฎหมายมองว่ามันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงดูคน ไม่ใช่ผู้ชาย ดังนั้นผู้ชายที่มี role เดียวกันนั้นไม่มีสิทธิ์ หรือกฎหมายที่ให้ฝ่ายชายมีสิทธิ์เป็นผู้ดูแลมรดกเพราะผู้ชายเก่งเลขกว่าผู้หญิง คือแบบชวนอิหยังวะมาก

จินตนาการออกเลยว่าในยุคสมัยนั้น การเรียกร้องหรือล้มล้างอะไรแบบนี้ จะต้องเป็นเรื่องยากหินมากแน่ ๆ แต่รูธก็ยังคงยืนหยัดว่าจะทำ เพราะถ้าไม่เริ่มทำ แล้วเมื่อไรมันจะเกิดขึ้น? อย่างน้อยการเริ่มทำ ก็อาจจะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงก็ได้ หนังเรื่องนี้นอกจากจะเป็นชีวประวัติเพียงอย่างเดียวแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มความฮึกเหิมให้คนดูด้วย

ถึงแม้ว่าเราจะรู้ตอนจบอยู่แล้ว (เพราะสร้างจากเรื่องจริง) แต่หนังก็ยังชวนให้เราคอยติดตามเอาใจช่วยรูธและทีมอยู่ตลอด อยากรู้ว่าจะใช้คำพูดแบบไหน การโต้เถียงแบบไหนถึงจะสามารถชนะใจศาลได้ ซึ่งช่วงไคลแมกซ์ตอนสุดท้ายในศาล กับคำพูด 4 นาทีสุดท้ายของรูธ เป็นอะไรที่ชวนขนลุกและกินใจมาก ๆ แถมในตอนท้ายของหนัง คุณรูธตัวจริงยังให้เกียรติมาร่วมแจมในหนังด้วยลุคมาดมั่นอีกด้วย

โดยสรุปแล้ว On The Basis of Sex เป็นหนังกฎหมายชีวประวัติที่ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด มีความสนุกและน่าติดตาม ชวนให้ทึ่งไปกับวีรกรรมของรูธที่กล้าท้าทายและเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นคงเป็นเรื่องที่ดูเป็นไปไม่ได้สุด ๆ แต่เธอก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นไปได้ และมันก็ส่งผลดียาวนานต่อรุ่นลูกรุ่นหลานเลย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: