รีวิว One of Us is Lying (2021): หรือแท้จริงแล้ว คนโกหกมีมากกว่าหนึ่ง?

One of Us is Lying เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนิยาย YA ชื่อเดียวกัน เราเคยอ่านเล่มนี้แล้วเลยตื่นเต้นเมื่อรู้ว่ามีเวอร์ชั่นซีรีส์ด้วย

ว่ากันตามตรง เวอร์ชั่นนิยายไม่ค่อยประทับใจเราเท่าไร เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยตื่นเต้นอย่างที่นิยายสืบสวนควรจะเป็นมากนัก ดูจะให้น้ำหนักกับชีวิตและปัญหาวัยรุ่นมากกว่า แถมบทสรุปยังชวนให้เงิบว่าแค่นี้เองเหรอ เสียแรงที่ลุ้นมาตลอดทั้งเล่ม

แต่ด้วยพล็อตเรื่องนั้นเราก็สนใจว่าซีรีส์จะนำเสนอเรื่องราวมาในรูปแบบไหน และเมื่อได้ดูก็ไม่ผิดหวังเพราะซีรีส์ทำได้สนุกน่าติดตามมากเลยทีเดียว

เรื่องย่อ… ที่โรงเรียนมัธยมปลาย Bayview วันหนึ่ง มีนักเรียน 5 คนถูกกักบริเวณจากเหตุผลต่าง ๆ นานากันไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ชวนให้อิหยังวะ ฟีลเหมือนโดนจัดฉาก

สมาชิกของแก๊งนี้ประกอบไปด้วย บราววิน (Marianly Tejada) สาวติ๋มหัวกะทิ, คูเปอร์ (Chibuikem Uche) หนุ่มนักกีฬามาดเท่, แอดดี้ (Annalisa Cochrane) เชียร์ลีดเดอร์สาวสวยเซ็กซี่ , เนด (Cooper van Grootel) หนุ่มเซอร์แบดบอย และสุดท้ายคือไซมอน (Mark McKenna) หนุ่มเนิร์ดขวางโลกที่มีรอยยิ้มเยาะเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของแอปฯ About That แอปฯ แฉความลับเพื่อนในรั้วโรงเรียน

ทั้ง 5 คนโดนกักบริเวณในห้องเดียวกันได้ไม่นาน ไซมอนก็ลุกไปดื่มน้ำ แต่ปรากฏว่าหลังดื่มน้ำปุ๊บเขาก็มีอาการชักเหมือนหายใจไม่ออก ไซมอนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแต่ก็โชคร้ายที่สายเกินไป…เขาไม่รอด

เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่อง Talk of The School และสมาชิกอีก 4 คนที่เหลือก็ถูกอัปเลเวลกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยปริยาย ทั้ง 4 คนจะต้องหาทางพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ขณะเดียวกันความลับของพวกเขาที่อยู่ในแอปฯ About That ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผย ซึ่งความลับเหล่านั้นร้ายแรงถึงขั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตพวกเขาได้เลย

ภาพรวมของซีรีส์

นี่เป็นซีรีส์แนวสืบสวนวัยรุ่นที่เนื้อหาไม่ได้หนักมาก สามารถดูได้เพลิน ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ นอกจากปมเรื่องคดีของไซมอนแล้ว ปมความลับของตัวละครแต่ละคนก็น่าติดตามไม่แพ้กัน

ซีรีส์ตอนนึงความยาวประมาณ 50 นาที มีทั้งหมด 8 ตอน การดำเนินเรื่องทำได้ดีไม่สะดุด ค่อนข้างกระชับ ดู ๆ กำลังสนุกเลยอ้าวตัดจบซะละ แถมตัดจบแต่ละตอนก็ค้างใช้ได้

ตัวละครเอกทั้งหมดมีความโดดเด่นแตกต่างกันชัดเจน ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและอุปนิสัยภายใน อันที่จริงคือเหมือนทั้ง 5 คนเป็นตัวแทน Stereotype ของวัยรุ่นอเมริกันก็ว่าได้ (เด็กเรียน, นักกีฬา, สาวฮอต, แบดบอย, ขวางโลก)

ในส่วนของปมฆาตกรรม หนังพลิกไปพลิกมาชวนให้เราลุ้นได้เรื่อย ๆ ตอนแรกคิดว่าแบบนี้ แต่เมื่อมีปัจจัยใหม่เข้ามา ก็ชวนคิดเป็นอย่างอื่นละ กว่าจะเฉลยก็นู่นตอนสุดท้าย ถึงจะคลายปมฆาตกรรมได้ ซึ่งแอบสปอยล์เบา ๆ ว่าการคลายปมตรงนี้ไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นนิยาย ส่วนตัวเราว่ามีความซับซ้อนกว่า และน่าสนใจว่าซีรีส์จะต่อยอดไปเป็นซีซั่น 2 ยังไง

ตัวตนที่เห็นภายนอก อาจไม่ใช่ของจริง

ประเด็นนึงที่ซีรีส์ให้น้ำหนักค่อนข้างมากคือเรื่องของตัวตนแต่ละคน ภายนอกเรามักจะตัดสินคนนู้นคนนี้ไปแล้วว่าเป็นคนยังไง อย่างในซีรีส์ ช่วงแรก ๆ เราก็จะรู้จักตัวละครแค่ผิวเผิน ตามที่พวกเขาอยากให้เรารู้จัก แต่พอซีรีส์ดำเนินไปเรื่อย ๆ พอความลับแต่ละคนเริ่มแตก เราก็ได้เห็นตัวตนอีกฝั่งนึงที่ขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเขาอยากพรีเซ้นต์

ก็เหมือนที่ตัวละครนึงพูดในซีรีส์… “ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่ารู้จักใครแล้ว” นั่นเพราะเมื่อเรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ แต่ละคนเริ่มเห็นตัวตนอีกด้าน สิ่งที่เคยคาดหวังว่าคนนี้จะต้องเป็นอย่างนี้ก็หายวับ พอเจอความจริงอีกด้านหนึ่งก็เหมือนพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

นี่ก็คงเป็นพ้อยต์นึงของหนัง… เราไม่สามารถตัดสินใครจากตัวตนภายนอกได้เลย ความจริงแล้วเขาอาจจะมีบางมุมเก็บซ่อนไว้อยู่ บางมุมที่เรานึกไม่ถึงว่าคนแบบเขาจะมีด้วย

อีกพ้อยต์นึงก็คือ…ความลับของตัวละครบางคนก็เป็นตัวตนที่แท้จริง แต่ด้วยความกดดันทางสังคมทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยต่อสาธารณชน เขาไม่อยากทำให้สังคมและคนใกล้ตัวผิดหวัง จึงต้องเก็บงำความลับนั้นไว้เรื่อย ๆ แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้แฮปปี้ก็ตาม

ความน่าเศร้าคือ ในช่วงเวลาที่สับสนและต้องการใครสักคนมารับฟังตัวตนที่แท้จริง เขากลับไม่มีคนรอบข้างอยู่ใกล้ชิดเลย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน

นี่น่าจะเป็นปัญหานึงที่วัยรุ่นหลายคนพบเจอ การที่ต้องเก็บความลับบางอย่างไว้เพราะสังคมกดทับ หรือต้องพยายามกวดขันตัวเองให้ประสบความสำเร็จตามความคาดหวังของคนใกล้ตัว ล้วนแล้วแต่บั่นทอนจิตใจและความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง เพียงเพื่อแบกรับความต้องการของคนอื่น

สรุปรวม

One of Us is Lying เป็นซีรีส์ที่ดูสนุก เพลิน ลุ้นทุกตอนเพราะปัจจัยอะไรต่าง ๆ เปลี่ยนไปทุกตอน เดี๋ยวสงสัยคนนู้น เดี๋ยวสงสัยคนนี้ นอกจาก 4 คนที่เป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว ตัวละครอื่น ๆ ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้เรื่องได้ดี และยังมีเอี่ยวกับไซมอนไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งอีกด้วย เลยทำให้เรื่องราวมันมีมิติยิ่งขึ้น แนะนำสำหรับใครที่ชอบซีรีส์แนวไฮสคูลที่มีเอี่ยวกับการสืบสวนหน่อย ๆ ไม่หนักมาก เพราะมีปมปัญหาชีวิตวัยรุ่นเข้ามาผสมโรงด้วย

ส่วนใครที่อยากรู้ว่าหนังสือกับซีรีส์อะไรดีกว่ากัน เราไม่รู้สำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับเราเราประทับใจซีรีส์มากกว่า ทั้งในแง่การดำเนินเรื่องที่กระชับฉับไวกว่า กับการผูกปมที่สลับซับซ้อนมีมิติมากกว่าในหนังสือ และตอนจบของซีรีส์ที่ทำให้ว้าวได้ระดับหนึ่ง ค้างมากพอที่จะอยากดูซีซั่น 2 ต่อเลย (ส่วนหนังสือ เรายังไม่ได้หาเล่ม 2 มาอ่าน ไว้ถ้ามีโอกาสจะลอง)

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: