รีวิว Love and Leashes (2022): จับรองหัวหน้ามาเฆี่ยน รองหัวหน้าบอก “เอาอีก!”

ความสัมพันธ์แบบ BDSM ได้ยินผิวเผินหลายคนอาจจะชักสีหน้า เมื่อจินตนาการถึงความรุนแรงและความทรมานต่าง ๆ อารมณ์แบบโซ่ แส้ กุญแจมือ และเสียงร้องโอดครวญ อาจจะไม่ใช่อะไรที่หลายคนรู้สึก comfortable กับมันนัก

แต่ในหนังเรื่อง Love and Leashes ของทาง Netflix จับ BDSM มาเล่าในโทนที่ต่างออกไป มีความนุ่มนวล ตะมุตะมิ สีพาสเทลมากขึ้น ไม่ดาร์กเหมือนหนังรุ่นพี่อย่าง Fifty Shades of Grey และไม่ได้ติดเรตอย่างที่หลาย ๆ คนคิด (อยากให้เป็น)

Love and Leashes ดัดแปลงมาจาก Webtoon เล่าเรื่องของ “จองจีอู” (Seohyun) พนักงานสาวที่ทั้งสวยทั้งเก่ง แต่มีความขรึม ๆ ดุ ๆ และมักจะโดนหัวหน้าเขม่นเสมอ เธอใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายจนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอกับรองหัวหน้าคนใหม่ที่เพิ่งย้ายแผนกมาอย่าง “จองจีฮู” (Joon-Young Lee) (ใช่ อ่านชื่อไม่ผิด ชื่อทั้งคู่คล้ายกันมาก) หนุ่มอัธยาศัยดี เสน่ห์แรง เป็นที่รักของทุกคนในบริษัท แม้กระทั่งสาวนิ่งอย่างจองจีอูก็มองว่าเขาน่ารัก

แต่อยู่มาวันหนึ่ง ก็เกิดเรื่องชวนช็อก เมื่อจีอูเผลอรับพัสดุที่เป็นของจีฮูมาเปิดเพราะนึกว่าเป็นของตัวเอง ถึงได้ค้นพบว่าพัสดุนั้นคือปลอกคอแนว BDSM ความลับเรื่องรสนิยมของจีฮูจึงถูกเปิดเผย

จีฮูอับอายมากและกลัวอีกฝ่ายรับไม่ได้ ทั้งคู่เริ่มเคอะเขินเมื่อต้องเจอหน้ากัน แต่สุดท้ายก็เผชิญหน้าปรับความเข้าใจกัน นำไปสู่ความสัมพันธ์แบบ นายหญิง-ทาสหนุ่ม ที่จีฮูชวนจีอูมาลอง Role Play กัน ตัวฝ่ายหญิงก็แอบชอบ ๆ ฝ่ายชายอยู่แล้ว ด้วยความอยากลองอะไรใหม่ ๆ ก็เลยก้าวเข้ามาในวงการนี้โดยปริยาย

พาไปรู้จัก BDSM แบบ Beginner

หนังเรื่องนี้เรียกได้ว่า Friendly สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้จัก BDSM หรือแม้กระทั่งผู้ที่รู้จัก แต่ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้

เพราะด้วยความที่นางเอกก็เป็นมือใหม่ ต้องหาข้อมูลเพิ่มเหมือนกัน ระหว่างทางเราเลยได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับนางเอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอย่าง Dominant กับ Submissive / การยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าฝ่ายใดฝ่ายนึงโดนบังคับ / ของเล่นต่าง ๆ นานาที่ใช้ในการ Role Play ล้วนเป็นอะไรที่ใหม่มาก ๆ สำหรับนางเอก และสำหรับคนดูหลาย ๆ คนก็เช่นกัน

ฉะนั้น ระหว่างทางเราเลยเหมือนได้เดินทางไปพร้อม ๆ กับนางเอก เข้าสู่โลกใหม่ที่สุดจะตื่นเต้นเร้าใจ แม้จะไม่มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้องแม้แต่นิด แต่หนังก็ทำให้แต่ละฉากออกมาดูเซ็กซี่ได้

แม้จะเฆี่ยนตีกัน แต่ก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน

สิ่งที่น่าสนใจของ BDSM คือความสัมพันธ์นี้แม้ผิวเผินจะดูรุนแรง บ้าอำนาจ แต่มันตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ให้เกียรติอีกฝ่าย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่ยอม อีกฝ่ายก็ต้องหยุด จะไม่มีการบังคับฝืนใจอะไรทั้งนั้น

นั่นหมายความว่า แม้แต่คนที่ถูกทรมาน นั่นก็เป็นเพราะเขาอยากโดนทรมานเอง ไม่ได้มีการล็อกคอหรือเอาปืนจี้ว่าแกต้องรองรับอารมณ์ฉัน

ซึ่งพอดูแบบนี้ ความสัมพันธ์แบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องน่าอาย เพราะยินยอมและให้เกียรติกันทั้งสองฝ่าย แต่ BDSM กลับถูกมองอย่างเหยียดหยามจากคนภายนอกที่ไม่เปิดใจ หนำซ้ำยังดูถูกพวกเขาอีก

หากมองว่าการเคารพซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐานและมารยาทของการเป็นปัญญาชน คู่ BDSM บางคู่อาจจะมีความเป็นปัญญาชนมากกว่าคนที่ไม่ได้เป็น BDSM หลาย ๆ คนซะอีก

ทาสชาย VS นายหญิง

นอกจากเรื่องรสนิยมทางเพศแล้ว หนังก็เหมือนจะแตะประเด็นเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศอีกด้วย

อย่างเช่นในที่ทำงาน จีอูที่ทำงานเก่ง กลับโดนหัวหน้าชายเหน็บแนมและต่อว่าอยู่บ่อย ๆ เพื่อนในออฟฟิศของเธอก็คุยกับเธอว่า ยิ่งทำตัวเก่ง ก็จะยิ่งโดนหาเรื่อง ไหนจะมุกตลกแนว Sexual Harassment ที่คุกคามเพศหญิง พอโดนปรามก็แก้ต่างว่าแค่ขำ ๆ น่า

หรือแม้กระทั่งตอนท้ายที่ทั้งจีฮูและจีอูโดนจับได้ว่ามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กัน ฝ่ายที่โดนต่อว่าและดูถูกอย่างหนักก็คือฝ่ายหญิง

ซึ่งหนังก็บาลานซ์จุดนี้ด้วยการให้นางเอกของเราเป็น Dominant ส่วนพระเอกที่ดู perfect ไปซะทุกด้าน กลายเป็นคนที่ชอบ Submissive แทน เป็นการโอนอำนาจให้ฝ่ายหญิงถือครอง และฝ่ายชายต้องเดินตาม เหมือนเป็นโลกแฟนตาซีเล็ก ๆ ที่สลับขั้วกันชั่วครู่ และเหมือนจะเป็นการส่งเมสเสจว่า ผู้ชายไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งเสมอไป ส่วนผู้หญิงก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเช่นกัน

ไม่ว่าจะมีรสนิยมแบบไหน ก็ควรจะมีอิสระในการแสดงออก

จองจีฮู พระเอกของเรามีปมกับรสนิยมความชอบ BDSM ของตัวเอง เขาโดนแฟนเก่าทิ้ง หาว่าเขาเป็นพวกวิตถาร นั่นทำให้เขาไม่มั่นใจที่จะมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับใคร

พอมาเจอจีอู แม้ว่าเขาก็จะชอบเธอ แต่ด้วยปมในอดีต มันก็ทำให้เขาไม่กล้าที่จะจริงจังกับเธอ ด้วยกลัวว่าจะผิดหวังเช่นกัน

แต่นางเอกเป็นคนที่เปิดใจ แม้ภายนอกจะดูนิ่ง ๆ ดุ ๆ แต่ก็พร้อมรับฟังมุมมองของพระเอก ตัวเธอเองตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าตัวเองจะใช่คนที่สามารถเล่น BDSM ได้ไหม แต่ตอนหลังเธอก็กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองอย่างไม่แคร์สื่อใด ๆ

ต้องถือว่าเป็นโชคดีของพระเอกที่ได้เจอนางเอก เธอทำให้เขารู้สึกว่าสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ สามารถเผยรสนิยมของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัว บางทีเราก็อาจจะต้องการคนแบบนี้แหละ คนที่รับเราได้ไม่ว่าเราจะมีความชอบแบบไหนก็ตาม

ซอฮยอน – อีจุนยอง เคมีที่เข้ากันได้ดีมาก ๆ

ซอฮยอน SNSD รับบทเป็นจีอู สาวหน้านิ่งที่แค่ปรายตามองก็ขนลุกซู่ อยากจะบอกว่าซอฮยอนเหมาะกับบทนี้จริง ๆ ด้วยบุคลิก ท่าทาง แววตา ทุกความเคลื่อนไหวให้ความรู้สึกลึกลับชวนค้นหา มีความเด็ดเดี่ยวแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ ซึ่งตรงกับบุคลิกนายหญิงสุด ๆ

อีจุนยอง หนุ่มหน้าใสที่เคยอยู่วง U-KISS ก็เข้ากับบททาสชายได้อย่างไม่มีที่ติ ด้วยหน้าตาใส ๆ ซื่อ ๆ ไม่มีพิษมีภัย ก็คือยอมตามนางเอกทุกฝีก้าว ยอมเป็นหมาให้เธอจูง ยอมโดนเฆี่ยน โดนตี โดนหยดน้ำตาเทียน จัดมาเลย พร้อมยิ้มสู้มาก ๆ

แม้หนังจะไม่ได้มีฉากสวีตมากมายนัก แต่ฉากที่มีทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้วให้หลาย ๆ คนฟินจิกหมอน

สรุป

Love & Leashes เป็นหนังแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่ไม่ได้สยิวกิ้วอย่างหน้าหนังที่แสดงความ BDSM ออกมา ค่อนข้างจะละมุนละไมตามสไตล์หนังเกาหลีเขาแหละ ฉะนั้นถ้าใครกลัวว่ามันจะติดเรต มันจะเถื่อน มันจะเลือดสาด ก็สบายใจหายห่วงได้เลย

และสำหรับใครที่คาดหวังว่าจะมีฉากเรต เสียใจด้วยจ้า ยังห่างไกลจากจุดนั้นมาก

สิ่งที่ดีของเรื่องนี้คือนอกจากจะขายความน่ารักกุ๊กกิ๊กของพระนางแล้ว มันยังแฝงไปด้วยประเด็นทางสังคมและความเท่าเทียมทางเพศ แฝงไว้แบบเนียน ๆ แสบ ๆ คัน ๆ ให้เรากลับมามองย้อนดูสังคมรอบตัวเราว่าเป็นแบบนั้นจริงไหม

แนะนำสำหรับใครที่หาหนังสบาย ๆ แต่แฝงข้อคิด ที่สำคัญคือพระนางดาเมจแรงมาก เตรียมหมอนไว้ให้ใกล้มือเลย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: