ในบ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่งที่กำลังเลือกสรรหาหนังใน Netflix ดู เราก็พบเจอ After Life of the Party โดยบังเอิญ หน้าหนังดูบันเทิงหรรษา พล็อตไม่แปลกใหม่เท่าไร และเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าความตลกโปกฮา
แต่เอาเข้าจริง หนังเรื่องนี้มีมิติกว่านั้นมาก อาจถึงขั้นทำให้คนดูน้ำตาไหลได้เลย

After Life of the Party เปิดตัวด้วยสองเพื่อนสนิทสาวอย่าง “แคสซี่” (Victoria Justice) และ “ลิซ่า” (Midori Francis) ซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่แบเบาะจำความไม่ได้ ทั้งคู่มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว โดยแคสซี่ นางเอกนั้นจะเป็นสาวนักจัดปาร์ตี้ ชอบสังคม ชอบเที่ยว ส่วนลิซ่าเป็นสาวเรียบร้อย วัน ๆ วุ่นอยู่กับงานการศึกษาฟอสซิล จะเรียกว่าเป็นเนิร์ดก็ได้
หนังไม่ได้ปูว่าทั้งสองคนนี้มีเรื่องราวผูกพันกันมายาวนานยังไง แต่เราก็พอจะเดาได้ว่าพวกเธอสนิทกันตั้งแต่เด็ก แต่เหมือนว่าพอโตขึ้นต่างคนต่างก็เริ่มมีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ในวันเกิดครบเบญจเพศของแคสซี่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แคสซี่เลือกที่จะจัดปาร์ตี้แบบสนุกสุดเหวี่ยง ไม่ได้สนคำทัดทานของลิซ่าที่อยากให้เธอขลุกอยู่ในห้องด้วยกันมากกว่า และนั่นก็เป็นชนวนที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน

อนิจจานั่นเป็นการปะทะกันครั้งสุดท้ายของสองเพื่อนรัก ก่อนที่แคสซี่จะ hangover จนสะดุดล้มหัวฟาดชักโครกตายในวันต่อมา
แคสซี่ตื่นขึ้นมาในห้องรับรองตกแต่งชิค ๆ สไตล์ที่เธอชอบ แล้วได้พบกับ “วาล” (Robyn Scott) คุณป้าท่าทางใจดี ซึ่งเผยว่าเธอเป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ของแคสซี่ และจะมาช่วยให้ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านภพภูมิของแคสซี่ง่ายขึ้น (แน่นอนว่าแคสซี่ช็อกไปหลายวิกับความจริงที่ว่าเธอตายแล้ว)
เนื่องด้วยเส้นทางของแคสซี่ยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรก เธอจึงอยู่ในมิติที่เหมือนเป็นกึ่งกลาง และภารกิจที่เธอต้องทำเพื่อที่จะกำหนดว่าเธอจะได้ไปที่ไหนต่อนั้น ก็คือการสะสางปัญหาคาใจกับบุคคล 3 คน อันได้แก่ ลิซ่า พ่อที่ห่างเหินกัน และแม่ที่หย่าร้างกับพ่อไปตั้งแต่เธอยังเด็ก
เป็น 3 คนที่ต่อกรด้วยไม่ง่ายเลย… แคสซี่คิด แล้วเธอจะต้องยังไงถึงจะเคลียร์ปัญหาใจ และปล่อยวางทุกอย่างได้?
โลกหลังความตายในยุคโมเดิร์น

ในหนังเรื่องนี้เราจะได้เจอทีมงานเทวดานางฟ้าทำงานหน้ามอนิเตอร์สุดไฮเทคราวกับเป็น Data Analyst แห่งโลกหลังความตาย ได้เห็นห้องรับรองสุดชิคที่เหมือนเวลาไปร้านทำเล็บ การขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็โดยสารผ่านลิฟต์ นางเอกสามารถเสกนิ้วเปลี่ยนชุดตัวเองได้วันละครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการเสริมความครีเอทีฟเข้าไปในโลกหลังความตาย ทำให้เข้าถึงง่ายขึ้นมาก ๆ
รวมถึงคุณป้าวาล นางฟ้าผู้พิทักษ์ของนางเอกเรา ก็มาแนวคุณป้าใจดีแต่ก็คอยตักเตือนเรื่อย ๆ เวลาแคสซี่ทำผิด ให้ฟีลเหมือนครูโรงเรียนอนุบาลหรือผู้ดูแลคนชรา ทำให้รู้สึกเอ็นดูตามไปด้วยเลย
โอกาสครั้งที่ 2 ของการใช้ชีวิต

หนังเรื่องนี้เล่นกับพล็อต “โอกาสที่ 2” เหมือนหนังหลาย ๆ เรื่องที่มาธีมเดียวกัน แต่เรื่องนี้ขยี้ปมแต่ละจุดได้ดีมาก ๆ
ในเรื่องของมิตรภาพที่สะท้อนระหว่างแคสซี่กับลิซ่า เราก็จะได้เห็นทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังครั้งสุดท้ายที่บาดหมางกัน ได้เห็นการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ได้เห็นแคสซี่ช่วยลิซ่าให้มีความมั่นใจมากขึ้น ที่จะสานสัมพันธ์กับคนที่ชอบ และไล่ตามงานในฝัน จนเรารู้สึกเสียใจแทนไม่ได้ที่หลังจากนี้แคสซี่กับลิซ่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ทางด้านพ่อของแคสซี่ ที่ทั้งคู่ไม่ค่อยได้ติดต่อหากัน เมื่อแคสซี่เสียชีวิตพ่อก็เสียศูนย์ ไม่ทงไม่ทำงานทำการแล้ว จนกระทั่งแคสซี่กลับมาพยายามปรับจูนชีวิตพ่อให้ใหม่ ให้มีความสุข และพร้อมเปิดใจรับคนใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต
และในฝั่งของแม่ที่แคสซี่มีปมฝังใจเรื่องแม่ทิ้งไป ลึก ๆ เธอยังสงสัยว่าทำไม และยังไม่ให้อภัยแม่ การสะสางอดีตครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไป ผ่านการเล่าความในใจของแม่ที่แคสซี่อยากรู้มาตลอด
การได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งหลังจากตายไป 1 ปี ทำให้แคสซี่ได้เห็นการใช้ชีวิตผ่านมุมมองของคนอื่น ๆ บ้างนอกเหนือจากตัวเอง เธอลดความเป็นศูนย์กลางของโลกลง พร้อมเปิดใจรับฟังคนอื่นมากขึ้น และทำให้ได้เห็นว่าคนอื่นก็มีปมของตัวเองที่ทุกข์ทรมานไม่แพ้เธอเลย
พล็อตเหมือนจะดราม่า แต่หนังเล่าออกมาได้ไม่เครียด
ทั้งความตาย ทั้งปมปัญหาชีวิต ฟังดูแล้วหนังน่าจะเครียดไม่ใช่น้อย แต่เปล่าเลย หนังเล่าด้วยมุมมองที่ค่อนข้าง Positive และออกจะผ่อนคลายด้วยซ้ำ ทำให้เราไม่ได้เครียดตามตัวละคร แต่ลุ้นและเอาใจช่วย รวมไปถึงน้ำตาคลอในบางฉาก เป็นหนังที่ถ้าใคร sensitive กับเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง น่าจะอินตามได้ง่าย ๆ เลย
โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูแล้วฟีลกู๊ด การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่น บทสนทนาไหลลื่นมีมุกตลกแทรกเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ สอดแทรกข้อคิดในเรื่องของการดูแลคนรอบตัวเรา การกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน เพราะชีวิตมันไม่แน่นอน เราไม่รู้เลยว่าเราจะตายเมื่อไร จะมามัวกลัวไปทำไม แนะนำเลย 🙂
Leave a Reply