รีวิว เคว้ง (2019): ติดเกาะไม่เดียวดาย แถมเจอเรื่องลี้ลับมากมาย (ซีซั่นหน้าต้องมา!)

ได้ยินมาตั้งแต่ประมาณปลายปีที่แล้วว่า Netflix กำลังจะมี Original Series ของไทย โดยในปีนี้ก็ได้มีเรื่องเคว้ง (The Stranded) ซึ่งโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ น่าจะชวนให้หลายคนอยากดูและคาดหวังไว้มาก เพราะถือเป็นซีรีส์ Netflix เรื่องแรกของไทยเลย จากกระแสก็เห็นได้ว่าแบ่งเป็นขั้วบวกขั้วลบชัดเจน จนทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าสรุปแล้วมันดีหรือไม่ดีกันแน่ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น งั้นจัดไป

ตัวซีรีส์มีทั้งหมด 7 ตอน ตอนละประมาณ 45-55 นาที ซีรีส์เล่าเรื่องของเหล่าวัยรุ่นมัธยมปลาย 36 คนที่ติดเกาะในภาคใต้หลังเจอคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่ม รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีใครมาช่วยสักที พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันหาทางเอาตัวรอดให้ได้ แต่ยิ่งอยู่ไปเรื่อยๆ เกาะแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะมีอะไรลึกลับเกิดขึ้นแบบที่หาคำอธิบายไม่ได้ ไหนจะยังความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเหล่าวัยรุ่นอีก ทำให้การเอาตัวรอดครั้งนี้อาจจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด

ดูจากพล็อตเรื่องและตัวอย่างหนังแล้ว เรารู้สึกว่านี่ต้องเป็นสไตล์ที่เราชอบแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดตามคาด เรารู้สึกว่าเราสนุกไปกับมัน และพร้อมจะละเลียดไปกับทุกช่วงเวลาของหนังนะ แม้ว่าจะมีบางช่วงที่รู้สึกว่าดำเนินเรื่องอืดๆ ช้าๆ ไปบ้าง แต่ในภาพรวมแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันสนุกอยู่ดี

พล็อตเหมือนใครเปล่าเอ่ย?

ถ้าอ่านรีวิวจากแหล่งต่างๆ ก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องนี้เหมือน LOST แบบถอดด้ามกันมา เราขอไม่คอมเม้นท์ตรงนี้ละกันเพราะดู LOST ไม่ทัน ดังนั้นการดูเคว้งสำหรับเราจึงไม่มีตัวเปรียบเทียบแบบชัดๆ เท่าไร แต่ก็ไม่ถึงกับดูแล้วรู้สึกว่ามันสดใหม่ซะทีเดียว สำหรับเรา เราดูแล้วนึกถึงเรื่อง The Society ซีรีส์ฝรั่งของ Netflix ที่มีพล็อตคล้ายๆ กันเพียงแต่ต่างสถานที่ อย่าง The Society คือกลุ่มวัยรุ่นกลับเมืองมาแล้วไม่เจอผู้ใหญ่หรือคนอื่นๆ นอกเหนือจากแก๊งตัวเองเลย นอกจากพล็อตจะคล้ายแล้ว ประเด็นหลายๆ อย่างก็คล้ายกัน เช่น การรวมตัวกันของกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่มีผู้ใหญ่คอยสั่งการ (เคว้ง มีผู้ใหญ่แต่ก็เหมือนไม่มี) การสร้างกฏระเบียบเพื่อให้ชีวิตรอดได้ การยึดครองอำนาจ การที่มีเด็กคนนึงยืนหนึ่งเรื่องปฐมพยาบาล เป็นต้น

หนังดำเนินเรื่องได้แบบชวนลุ้นในทุกตอนนะ แต่จะมีตอนแรกๆ กับตอนท้ายๆ ที่พีคขึ้นมาหน่อย เข้าใจว่าตอนแรกน่าจะอยากเปิดตัวให้แรง ไม่ว่าจะเป็นฉากสึนามิ หรือฉากเลิฟซีน ก็อัดกันอยู่ในตอนแรกนี่แหละ ทำให้เนื้อเรื่องดูหวือหวา ซึ่งพอจบตอนแรกไป ตอนต่อๆ มาก็ไม่ได้กราฟพุ่งขึ้นอะไรขนาดนั้น แต่ก็ยังคงจังหวะการดำเนินเรื่องได้อย่างตื่นเต้น ชวนลุ้นแบบเนิบๆ หลอนๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางช่วงแผ่วๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่แย่มากมาย จนในที่สุดซีรีส์ก็มาเร่งเครื่องในตอนท้ายๆ ที่เล่นเอาภาวนาว่า “อย่าเพิ่งจบๆๆ”

และแน่นอนว่าในตอนจบ ก็ “เคว้ง” อย่างที่เค้ารีวิวกันนั่นแหละ

กลับมาที่เนื้อเรื่อง เสน่ห์อย่างนึงคือความลึกลับแบบไทยๆ ที่หาไม่ได้จากซีรีส์ชาติอื่น มันมีความท้องถิ่นผสมอยู่ ซึ่งความท้องถิ่นนี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกสงสัยตลอดว่า เกาะแห่งนี้มันมีอะไรกันแน่ มันมีตำนานอะไรรึเปล่า มันเกี่ยวข้องกับเทพองค์ไหนไหม การไขปริศนาต่างๆ ก็มีการดึงองค์ประกอบแบบไทยๆ เข้ามาร่วมด้วย สำหรับคนอื่นไม่รู้เป็นไหม แต่สำหรับเราพอเจออะไรที่มีความเป็นไทยมากๆ ในบริบทของความลึกลับ มันยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นหลายเท่า บวกกับฉากทะเลและเกาะสวยๆ ยิ่งเพิ่มความพิศวงน่าค้นหาเข้าไปอีก เรื่องนี้ฉากสวยจริงๆ เล่นเอาอยากรู้เลยว่าไปถ่ายทำกันที่ไหน

หนังมีปมลึกลับเยอะมากกกก มากแบบนับนิ้วไม่ครบ แถมยังขยันสร้างปมเรื่อยๆ แล้วไม่แก้อีกแน่ะ ทั้งปมปริศนาปนเกาะ และปมของตัวละคร ที่จบซีซั่นนี้ก็ยังไม่เคลียร์สักอย่าง คนดูอย่างเราก็ได้แต่เดาไปเรื่อยว่าคำเฉลยคืออะไร ตอนจบก็จบกันได้แบบ ต้องมีภาคสองแล้ว จริงๆ

ตัวละครเยอะ ตัวเด่นก็เยอะ งานนี้ไม่เคว้งคนเดียว

มาว่ากันที่ฝั่งตัวละคร เรื่องนี้อย่างที่บอกคือมีเด็กถึง 36 คน ล้วนแล้วแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และเป็นลูกคุณหนูกันทั้งนั้น จึงขาดไม่ได้เลยกับซีนน่ารำคาญๆ จำพวกอยากได้นู่นได้นี่ ไม่ยอมทำนู่นทำนี่ ประมาณว่าช่างไม่คำนึงถึงสถานการณ์รอบตัวเอาซะเลยว่า crisis ขนาดไหน บางช่วงก็ทำตัวเล่นๆ เละเทะไปตามประสาเด็ก จนทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าเอองั้นแกติดเกาะไปเรื่อยๆ เถอะ

โชคดีที่ว่าเราพอมีตัวละครสติดีๆ ลงเหลือให้เกาะแน่นๆ ไว้บ้าง ซึ่งแน่นอนว่าแค่กลุ่มตัวหลักก็เยอะระดับนึงแล้ว แต่ถ้าให้แบ่งแบบเป็นขั้น คนที่เด่นกลุ่มแรกๆ น่าจะเป็น คราม เมย์ และอนันต์ ตัวครามนั้นเป็นเด็กหนุ่มชาวเกาะเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลือคือลูกคุณหนูจากที่อื่นที่มาเรียนที่นี่ (ก็งงอยู่ว่าทำไมต้องถ่อมาเรียนไกลถึงที่นี่) เราค่อนข้างชอบครามนะ ดูเป็นคนที่น่าเอาใจช่วยที่สุดแล้ว ด้วยบุคลิกซื่อๆ แต่ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ บวกกับได้บีม ปภังกร ที่รูปลักษณ์ตรงบทมาเล่นด้วย เลยยิ่งทำให้เชื่อในตัวละครนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าครามนี่แหละจะกุมความลับของตัวเองไว้เยอะสุด

ทางด้านเมย์ เป็นเด็กสาวที่เก่งด้านการปฐมพยาบาล เปรียบเสมือนหมอประจำเกาะเลยก็ว่าได้ เมย์มีบุคลิกเรียบร้อยใสๆ แต่ก็มีความแกร่งเหมือนกัน ตัวละครนี้ แพต ชญานิษฐ์ ถ่ายทอดออกมาได้ดีนะ ทำให้เห็นทั้งมุมอ่อนไหวอ่อนแอ แล้วก็มุมที่เข้มแข็งเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น ส่วนบท อนันต์ ที่เล่นโดย มาร์ช จุฑาวุฒิ เป็นหนึ่งในตัวละครที่น่ารำคาญที่สุด เป็นเด็กมีปมที่อยากได้รับการยอมรับจากคนอื่น จนทำอะไรที่วู่วามขาดการไตร่ตรองไปหลายครั้ง มีหลายฉากที่ถึงขั้นอยากกุมหัวเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีตัวละครเสริมอื่นๆ ที่เด่นรองลงมา ที่น่าสนใจคือ อริสา สาวเนิร์ดที่กล้าบุกลุยทำอะไรด้วยตัวเอง มีความกวนๆ ปากหมา และไม่เป็นที่รักของเพื่อนคนอื่นๆ (แต่เราชอบนะ), น้ำ สาวมาดผู้ใหญ่ที่มีเซ้นส์หยั่งรู้, พี่หญิง รุ่นพี่สาวเพียงหนึ่งเดียวที่ตอนแรกคิดว่ามีแค่ความเซ็กซี่ แต่กลายเป็นว่าพี่ซ่อนของไว้เยอะกว่านั้น ดูไปเรื่อยๆ หลงพี่หญิงมาก อ้อ อย่าลืมนก สินจัย กับ วินัย ไกรบุตร ด้วย แม้จะมีซีนออกไม่เยอะ แต่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดี อย่าง นก สินจัย กับบทครูหลินนั้น โผล่มาทีก็หลอนที

ความ extreme ของการกระทำ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยฮอร์โมนและอารมณ์

หนังมีความแอบใส่องค์ประกอบความสากลเข้าไป ที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือเลิฟซีนที่ค่อนข้างอล่างฉ่างกว่ามาตรฐานไทย (ในความรู้สึกเรา) แต่ถ้าเทียบกับของฝรั่งแล้ว อันนี้ก็คงเด็กๆ, การใส่ตัวละคร LGBTQ เข้าไปในเรื่อง ดูเหมือนเดี๋ยวนี้เรื่องไหนๆ ก็ต้องมี, การใช้คำพูดคำจาที่บางครั้งก็แอบไม่ลื่นไหล ดูไม่เหมือนสิ่งที่คนไทยพูดกัน เหมือนแปลคำพูดจากภาษาอังกฤษมามากกว่า

ในฝั่งของความไม่สมเหตุสมผล มันก็มีหลุดมาบ้าง แต่เราก็พยายามมองข้ามๆ ไปและสนุกไปกับมันมากกว่า ยิ่งหลังๆ เนื้อเรื่องเริ่มเหนือจริงมากยิ่งขึ้น เลยปล่อยทิ้งความมีเหตุผลไปหมดแล้ว ในขณะเดียวกัน ยิ่งซีรีส์ดำเนินเรื่องไปมากเท่าไร ความสำนึกถึงเหตุและผลของตัวละครก็น้อยลงเท่านั้น กลายเป็นใช้อารมณ์และสัญชาตญาณดิบนำพาล้วนๆ ซึ่งบางฉากก็ทำให้เรา เอ๊ะ เหมือนว่าต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ดูเว่อร์วังไปมาก หรือบางฉากก็แบบ เฮ้ย ทำอะไรไม่ปรึกษาคนอื่นก่อน คิดจะทำก็ทำ… แต่ใครจะรู้ว่าในสถานการณ์ผิดแปลกเช่นนี้ ภายใต้ความบ้าบอป่าเถื่อนนั้น อาจจะซ่อนความรู้สึกไม่ปลอดภัยและสภาวะความหวั่นไหวด้านอารมณ์ไว้มหาศาล เราก็พยายามเออออไปกับเขาละนะ

ในภาพรวมแล้ว เคว้ง ถือเป็นซีรีส์ที่เราชอบนะ

เราสนุกไปกับมัน และหวังว่าจะมีซีซั่นสองมาให้รับชมกันเร็วๆ นี้ (ควรมีเพราะจบได้ค้างมากกก) ใครที่ชอบซีรีส์ลุ้นๆ ลึกลับ มีปริศนา (ที่ไม่ยอมไขสักที) ฮอร์โมนวัยรุ่นพุ่งพล่าน ก็ลองรับชมกันได้ สำหรับเรา นี่เป็นซีรีส์ไทยที่คุณภาพงานหนึ่งเลย อยากให้มีแบบนี้อีกเยอะๆ แม้จะไม่สดใหม่ในระดับสากล แต่อย่างน้อยก็สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการหนังไทยได้ละ