รีวิว In The Tall Grass (2019): ฝ่าพงหญ้า หาทางออกที่อาจไม่มีวันเจอ

ไม่รู้รู้สึกไปเองรึเปล่าที่ Netflix ไม่มีหนังออริจินัลที่เป็นแนวทริลเลอร์ออกมาได้สักพักแล้ว พอเห็นตัวอย่าง In The Tall Grass เลยดูน่าสนใจมากๆ แถมเรื่องนี้ยังถูกดัดแปลงมาจากนิยายขนาดสั้นของ Stephen King และ Joe Hill ลูกชายของเขาอีก ไอเดียพงหญ้าลึกลับนี่ก็แปลกใหม่ดี

In The Tall Grass เปิดเรื่องมาด้วยสองพี่น้อง แคล (Avery Whitted) กับ เบ็คกี้ (Laysla De Oliveira) ซึ่งกำลังท้องอยู่ พวกเขาขับรถกำลังจะไป ซาน ดิเอโก้ บนถนนที่ขนาบข้างด้วยพงหญ้าเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่ระหว่างทางเบ็คกี้คลื่นไส้ขออาเจียนข้างทาง พวกเขาได้ยินเสียงเด็กขอความช่วยเหลือมาจากพงหญ้าด้านใน พวกเขาจึงเข้าไปหาหวังว่าจะช่วยเด็กออกมาได้ แต่อนิจจายิ่งเดินเท่าไรก็ยิ่งลึก ยิ่งหลง ยิ่งพลัดจากกันเท่านั้น แถมพวกเขายังเจอสิ่งแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นซากสัตว์ เสียงแปลกๆ หรือเด็กชายท่าทางพิลึก เดินเท่าไรก็ดูเหมือนจะไม่เห็นหนทางออก แล้วพวกเขาจะรอดออกไปไหม?

in_the_tall_grass_netflix_review_fantastic_fest.jpg

นี่เป็นอีกเรื่องที่เริ่มต้นด้วยความกล้าเกินเบอร์ของตัวละคร มีอย่างที่ไหนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือในพงหญ้าที่ลึกมากๆ แล้วทะเล่อทะล่าเข้าไปหาเอง อันที่จริงน่าจะโทรเรียกเจ้าหน้าที่มากกว่าเสี่ยงเข้าไป แต่ก็นะถ้าทำแบบนั้นหนังก็ไม่เกิด ฮืมมม เอาเป็นว่ามองข้ามๆ ไป ช่วงแรกของหนังถือว่าตื่นเต้นใช้ได้ ทุกๆ ย่างก้าวเราหวั่นตลอดว่าจะมีอะไรโผล่มา และแม้ว่าจะเป็นช่วงตอนกลางวันที่ทัศนวิสัยยังชัดเจน มันก็ยังชวนให้ระแวงๆ อยู่ดี พอตกกลางคืนก็ได้ฟีลน่ากลัวไปอีกแบบ มองไม่ค่อยจะเห็นรอบด้าน อดกดดันแทนตัวละครไม่ได้

3587320-grass.jpg

สิ่งหนึ่งที่หนังทำได้ดีคือการไฮไลต์ความเคลื่อนไหวของธรรมชาติแบบโคลสอัพสุดๆ เช่น อีกากินแมลง น้ำค้างร่วงจากใบ นกบินเหนือพงหญ้า ใบไม้ปลิวสไวไปตามแรงลม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ยิ่ง intensify สถานการณ์ให้ดูน่ากดดันขึ้นอย่างบอกไม่ถูก และสามารถสร้างความน่าหวาดระแวงได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งลี้ลับเลย

แต่นั่นแหละ ขึ้นชื่อว่าสตีเฟน คิงย่อมมีสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยตัวหนังจะกระตุ้นให้เราเดาตลอดว่าเหตุการณ์พิลึกพิลั่นนี่เกิดขึ้นได้ยังไง หนังจะค่อยๆ พาเราคลายปริศนาทีละจุด แต่ขณะเดียวกันก็ขมวดปมใหม่เข้าไปด้วย พอดูไปสักพักก็จะพบกับสถานการณ์เหนือธรรมชาติดุจหนังไซไฟ ขณะเดียวกันก็มีเรื่องความเชื่อท้องถิ่นตามตำนานเข้ามาผสมด้วย ซึ่งเราจะไม่ขอระบุรายละเอียดมากไปกว่านี้ ไม่งั้นจะเป็นการสปอยล์แบบเต็มๆ อยากให้ไปลุ้นเองมากกว่า

GFLUUEYJP5HURNUVZAE5KUH2SM.jpg

หนังมีการดำเนินเรื่องที่ไม่เรียบง่ายสักเท่าไร โดยเฉพาะช่วงกลางๆ ถึงหลังๆ มีความซับซ้อนระดับหนึ่งเลย บางจุดอาจจะทำให้งงๆ ว่า เกิดอะไรขึ้น ไหงลงเอยแบบนี้ อ้าวคนนี้ยังไม่ตายเรอะ อะไรประมาณนั้น ก็ต้องตั้งใจดูระดับหนึ่ง ไม่งั้นอาจจะหลุดได้ บวกกับช่วงกลางๆ ถึงท้ายๆ เรื่องมีความอืดเนือยระดับหนึ่ง ประมาณว่าสถานการณ์ไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไร ปมไม่ค่อยคลาย ไล่ฆ่ากันอย่างเดียว ซึ่งมันก็อาจจะทำให้นอยด์ๆ ได้ นอกจากนั้นหนังก็ยังมีเหตุการณ์ชวนให้ลำไยอยู่หลายจุดอยู่ เช่น ทะเลาะกันตอนสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ทำซึ้งกันตอนหนี แทบอยากหยิบกระทะไปฟาดตัวละคร

แต่ถึงอย่างนั้น In The Tall Grass ก็ยังถือเป็นหนังที่ลุ้นอยู่ดีนะ และอย่างน้อยก็ไม่ได้น่าเบื่อชวนง่วง อย่างมากก็แค่อึดอัดที่ปมไม่คลาย หรือคลายไม่สมบูรณ์สักที ตอนจบของหนังก็ถือว่า complete อยู่ แต่ก็อาจจะมีความงงหลงเหลือค้างอยู่บ้าง แนะนำให้ไปเปิดอ่านพันทิปฮะ

ป.ล. พอดูจบก็แอบรู้สึกว่านี่เป็นหนังเชิงสัญลักษณ์เพื่อส่งสารอะไรบางอย่าง เดาว่าเรื่องหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องเนื้อแท้ของคน พื้นฐานจิตใจมนุษย์ ที่พอถูกกระตุ้นด้วยพลังอำนาจ ก็จะทำให้มนุษย์เผยธาตุแท้ออกมาได้

One thought on “รีวิว In The Tall Grass (2019): ฝ่าพงหญ้า หาทางออกที่อาจไม่มีวันเจอ

Add yours

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑