รีวิว 13 Reasons Why SS3: หรือคนไม่ดีจะไม่สมควรได้รับความยุติธรรม?

13 Reasons Why ซีซั่น 3 นี้ ดูเหมือนจะหลุดวงโคจรออกมาจากแฮนนาห์แล้ว เพราะซีรีส์เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า “ใครคือคนฆ่า ไบรซ์ วอร์คเกอร์?”

ใช่ ไบรซ์ วอร์คเกอร์ ไอ้ตัวร้ายที่มีคดีข่มขืนผู้หญิงนั่นแหละ

จากซีซั่นก่อนๆ ไบรซ์เป็นตัวละครที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเทความเกลียดชังไปให้ ด้วยความเป็นลูกคุณหนู เป็นนักฟุตบอลที่คิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุด เป็นเหมือนหัวโจกของโรงเรียน ใครๆ ก็ต้องคำนับ ฉะนั้นตัวเองก็จะทำอะไรก็ได้ หนักสุดก็คือไปข่มขืนผู้หญิงจนทำให้พวกเธอใจสลายไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นเจสสิก้า แฮนนาห์ โคลอี้ และสาวๆ อีกหลายคน

มาในภาคนี้ ดูเหมือนสิ่งที่ทุกคนหวังไว้จะเป็นจริง (และจริงมากไปหน่อย) เนื่องจากภาคที่แล้วเราหวังให้ไบรซ์เข้าคุก แต่ก็วืด ทว่ามาภาคนี้ ไบรซ์กลับถูกฆ่าตายไปซะเฉยๆ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เหนือคาดอยู่นะ โดยส่วนตัวแม้เราจะไม่ได้ชอบไบรซ์ แต่การได้รู้ว่าเขาตายแล้ว มันก็อดรู้สึกโหวงๆ ไม่ได้ และอดคิดไม่ได้ว่า “สมควรแล้วจริงๆ หรือ ที่ไบรซ์จะถูกตัดสินเอาชีวิตแบบนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีก็ตาม”

เรื่องราวของคนที่พร้อมจะฆ่าไบรซ์

นี่เป็นอีกซีซั่นนึงที่ดูสนุก และเข้มข้นไม่แพ้ซีซั่นก่อนๆ แม้ว่าช่วงต้นๆ ของซีซั่นจะมีความอืดๆ ชวนให้ง่วงอยู่บ้าง แต่ถ้าดูมาจนถึงครึ่งหลังได้ก็จะยิ่งสนุกขึ้น และใช่ ซีรีส์ออกทะเลไปมากแล้ว เพราะภาคนี้ไม่ได้พูดถึงแฮนนาห์อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องราวใหม่ๆ ที่แตกยอดออกมาให้เราตามไปค้นหาอยู่

สำหรับ 13 Reasons Why ซีซั่น 3 นี้ เล่าเรื่องย่อๆ ว่าเป็นเรื่องราวหลายเดือนต่อมาหลังจากเหตุการณ์ Spring Fling ที่ไทเลอร์ตั้งใจจะเอาปืนไปยิงกราดนั่นละ หลังผ่านเหตุการณ์นั้นมาไทเลอร์ก็ได้รับการดูแลประคบประหงมอย่างดีโดยเพื่อนๆ แก๊งของเคลย์ ปมหลักของซีซั่น 3 นี้เกิดขึ้นช่วงวัน Homecoming ที่ไบรซ์ วอร์คเกอร์ถูกฆ่าโดยใครก็ไม่รู้ ดูๆ ไปแล้วแต่ละคนก็มี motive หรือแรงจูงใจฆ่ากันทั้งนั้น ซีซั่นนี้ก็จะมาทำการเจาะไปที่เรื่องราวของแต่ละคน โดยมีตัวละครใหม่อย่าง อานิ เป็นคนที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางของเรื่อง คอยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้ชมรับรู้

อดีตที่ห่างไกล ปัจจุบันที่มืดหม่น

การเล่าเรื่องของซีซั่นนี้ ช่วงแรกๆ ที่ดูก็จะชวนให้งงๆ นิดหน่อย เพราะจะแบ่งเป็น 2 ส่วนซึ่งจะเล่าไปพร้อมๆ กัน ส่วนแรกคือช่วงเวลาหลัง Spring Fling ก่อน Homecoming ส่วนที่สองจะเป็นช่วงหลัง Homecoming (ปัจจุบัน) ที่ไบรซ์ตายแล้ว สองทามไลน์นี้จะตัดสลับไปสลับมา แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนังจะมีลูกเล่นในการบอกว่าเราอยู่ในช่วงเวลาไหน ด้วยการเปลี่ยนโทนสีและกรอบจอ ถ้าเป็นในอดีตกรอบจะกว้างและโทนจะเป็นสีสันกว่า แต่ถ้าเป็นปัจจุบัน กรอบจะแคบและโทนสีจะมืดหม่นกว่า ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่สะท้อนสถานการณ์ได้ดีเลย เพราะในอดีตนั้นจะดูเหมือนว่าทุกอย่างไปได้ดี ราบรื่นแล้ว แต่พอตัดกลับมาปัจจุบัน ดันมีคนตาย สถานการณ์ตึงเครียด

ในแต่ละตอนนั้น ก็จะเป็นการโฟกัสที่ตัวละครแต่ละคน ว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับไบรซ์ยังไงบ้าง แต่ละคนจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย คนนี้อาจจะเป็นคนฆ่า แต่ละตอนก็จะเจาะไปเรื่อยๆ ว่าแท้จริงแล้วที่เราคิดว่าคนนี้ฆ่า มันจริงไหม พอจบตรงที่คนนี้ไม่ได้ฆ่า ก็จะไปเล่นคนอื่นต่อ เล่นจนจะครบแก๊งตัวเอกนั่นแหละ

การมาของอานิ… ผู้ดำเนินรายการคนใหม่

ตัวละครเด่นในภาคนี้ไม่ใช่เคลย์ เจนเซนอีกต่อไปแล้ว เพราะบทบาทถูกโอนถ่ายไปให้อานิ เด็กสาวที่เป็นนักเรียนเข้ามาใหม่แทน อานินี่ไม่ธรรมดาเพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้ดูแลคุณตาของไบรซ์ที่ป่วยอยู่ นั่นจึงหมายความว่าอานิกับไบรซ์ก็อยู่บ้านเดียวกันนั่นเอง ด้านบุคลิกนิสัย อานิเป็นคนที่ไหลลื่นปานสายน้ำ สามารถทำตัวเนียนเข้ากับทุกคนได้อย่างดี บางทีก็ดีเกินไปจนเราสงสัยว่า เฮ้ย ทุกคนเชื่อใจอานิขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้อานิฟังหมด จนอานิแทบจะกลายเป็นคนวงในไปแล้ว รู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่สมัยแฮนนาห์ อย่างกับว่าเคยอยู่ในแก๊งนี้ตั้งแต่ต้นงั้นแหละ

เอาจริงๆ หลายคนรำคาญอานิ เพราะนางเป็นคนสอดรู้สอดเห็น โผล่ไปทุกที่ และยังชอบโกหกในหลายๆ เรื่อง ทำตัวดูเกินหน้าเกินตาไปหน่อยทั้งๆ ที่เป็นเด็กใหม่ แต่แปลกที่เราไม่รำคาญนางแฮะ 555 มองว่านางเป็นสีสันใหม่ๆ ให้ซีซั่นดี และเราเองก็ชอบการพูดคุยหลายๆ ครั้งของนาง ดูมีความฉลาดเฉลียวและเชี่ยวชีวิตดี ไม่ถูกใครหลอกและไม่ยอมใครง่ายๆ

ไบรซ์ วอร์คเกอร์ น่าสงสาร ??

ทีนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญของเรื่อง นั่นก็คือการตายของไบรซ์ วอร์คเกอร์ ซีซั่นนี้ตั้งคำถามได้อย่างเข้มข้นดีมากว่าสมควรหรือไม่ที่ไบรซ์จะตาย? บางคนบอกว่าก็ดีแล้วนี่ สมควรแล้ว คนชั่วตายไปก็ดี สังคมจะได้สงบสุขขึ้นอีกอย่างน้อยก็ระดับหนึ่ง แต่บางคนก็มองว่า เฮ้ย ถึงไบรซ์มันจะทำชั่วมาขนาดไหน แต่ไบรซ์ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งนะ ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์ไปพรากชีวิตเขาแบบนั้น ยังไงมันก็ไม่สมควร

และดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกร้าย ที่ซีซั่นนี้ไบรซ์ทำตัวดีขึ้นมาก ทำให้เราเริ่มจะเกลียดเขาไม่ลง ในช่วงเวลาหลังจาก Spring Fling ไบรซ์เริ่มสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองก่อ ส่วนหนึ่งคือเขาถูกย้ายไปเรียนที่ Hillcrest แล้วก็โดนบูลลี่เหมือนที่ตัวเองเคยทำกับคนอื่นไว้ แต่อีกส่วนก็คือเขาเริ่มมาคิดทบทวนว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันทำร้ายชีวิตของคนอื่นนะ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี เราจะได้เห็นว่าไบรซ์พยายามปรับปรุงตัวเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นคนที่พยายามจะมีคุณค่าให้กับโลกนี้ เป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือใครก็ตามที่ลำบาก เรียกได้ว่าเขาเป็นคนที่ใจใจกับเพื่อนมาก เขาอยากเป็นคนหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้คนอื่นบ้าง

แต่ใช่ว่าเรื่องราวทุกอย่างจะง่ายสำหรับไบรซ์ เพราะสังคมตีตราเขาไปแล้วว่าเป็นคนไม่ดี เป็น rapist ที่สมควรถูกกำจัด หลายคนที่เคยโดนไบรซ์รังแกก็ฝังใจ ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีก นี่จึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับไบรซ์มากที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ท่ามกลางผู้คนที่ไม่หลงเหลือความเชื่อให้เขาอีกแล้วว่าเขาจะพัฒนาเป็นคนดีขึ้นมาได้

ณ จุดนี้ เราสงสารไบรซ์เลย เพราะดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับโอกาสที่สองจากสังคมแล้ว มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังเชื่อในตัวเขาอยู่

พอไบรซ์มาตายจากไป เลยยิ่งรู้สึกเหมือนไบรซ์โดนชีวิตซ้ำเติม เพราะกำลังจะเป็นคนดีขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ก็ดันมาตายซะก่อน รู้สึกเสียดายเหมือนกันเพราะไบรซ์น่าจะมีโอกาสให้พิสูจน์ตัวเองได้มากกว่านี้ จากที่เคยคิดว่าจะสมน้ำหน้าไบรซ์ถ้ากรรมตามสนอง เลยกลายเป็นว่าซีซั่นนี้กลับสงสารไบรซ์แทนซะอย่างนั้น

หรือความยุติธรรมจะแพ้ให้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน?

ในตอนจบ ประเด็นของหนังยิ่งเข้มข้นและชวนติดตามขึ้นไปอีก เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นในแง่มุมมองและการกระทำ ทำให้เราตั้งคำถามว่า ในเมื่อตอนแรกเหล่าตัวละครโหยหาความยุติธรรม แล้วตอนสุดท้ายความยุติธรรมมันหายไปไหน หรือมันขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นเป็นใคร? หากคนคนนั้นทำร้ายพวกพ้องของเรา การที่เขาลอยนวลไปก็ถือว่าไม่ยุติธรรม แต่พอคนร้ายอยู่ในวงกลุ่มของเราเอง เรากลับเลือกที่จะปกป้อง และลืมเรื่องความยุติธรรมไป เช่นนั้นหรือ?

ประเด็นนี้น่าจะถูกขยายต่อในซีซั่น 4 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายแล้ว เราคิดว่าน่าจะเข้มข้นไม่แพ้ซีซั่นก่อนๆ เลย ก็ต้องมาติดตามกันละ