รีวิวหนังสือ 100 กลเม็ดที่ทำให้คุณดูโคตรฉลาดในห้องประชุม

เชื่อว่าเป็นหนังสือที่มนุษย์ทำงานหลายๆ คนเห็นปกแล้วต้องสะดุดตา หยิบขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลังแล้วไถหน้าเปิดดูเนื้อหาแน่นอน

พอเห็นเนื้อหา หลายคนอาจจะนึกว่าไก่ก่า เป็นหนังสือขำขันไม่มีสาระ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสิน

100 กลเม็ดที่ทำให้คุณดูโคตรฉลาดในห้องประชุม (195.-) หรือ 100 Tricks to Appear Smart in Meetings เล่มนี้เขียนโดย Sarah Cooper แปลโดยคุณพรเลิศ อิฐฐ์ ตีพิมพ์โดย สนพ. DRIVE เครือเดียวกับ We Learn

Sarah Cooper เคยทำงานที่บริษัทระดับโลกอย่าง Google และ Yahoo! มาก่อน การันตีได้ว่ามันไม่น่าจะใช่หนังสือไร้สาระซะทีเดียวหรอก โปรไฟล์นักเขียนโหดขนาดนี้ หนังสือเล่มนี้คือคัมภีร์ที่รวบรวมเทคนิคการดูดีดูฉลาดในห้องประชุม (หรือการประชุมโดยทั่วไป) ซึ่งคูเปอร์ลักเล็กเก็บน้อย คอยสังเกตการณ์ตลอดเวลาที่เธอประชุม (ขณะที่ยังคงดูฉลาดไปด้วย) เมื่อรู้ต้นกำเนิดอย่างนี้แล้วก็ชักไม่ธรรมดา เพราะนี่ถือเป็นเคล็ดลับจากแวดวงบริษัทเทคแนวหน้าของโลกเลย

เนื้อหาของหนังสือแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ

1. จัดฉาก
2. เข้าประเด็น
3. ก้าวต่อไป

โดยก่อนจะเริ่มแต่ละส่วน ก็จะมี “กลยุทธ์ยึดห้องประชุม” เป็นตัวเปิดโรง ซึ่งเป็นการรวบรวมกลเม็ดหลายๆ อย่างมาใช้สร้างเป็นกลยุทธ์สำหรับการประชุมหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นหนังสือก็จะไล่เทคนิคไปเรื่อยๆ จนครบ 100 เทคนิค ซึ่งก็จะมีแยกเป็นสถานการณ์แตกต่างกันไป เช่น การประชุมทั่วไป การประชุมผ่านโทรศัพท์ การเข้างานเลี้ยง การประชุมแบบกะทันหัน การร่วมงานบริษัท เป็นต้น

สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับหนังสือคือความตลกจิกกัดความเป็นจริง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่มันตลกก็เพราะมันจริงนี่แหละ บางอย่างอ่านๆ ไปก็เฮ้ย เราเคยเผลอทำนี่หว่า และหลายๆ อันที่อ่านก็ทึ่งว่า เออ มีด้วยเหรอวะ คิดได้ไง อะไรแบบนี้ ซึ่งเราว่าการจะรวบรวมเทคนิคให้ได้ขนาดนี้ ต้องใช้วิชาช่างสังเกตและอึดถึกทนมาก เพราะบางอย่าง ถ้าไม่ตั้งใจจับสังเกตจริงๆ คงไม่รู้เลย

ถามว่า กลเม็ดเคล็ดลับพวกนี้นำไปใช้จริงได้ไหม?

โดยส่วนตัว เรามองว่าได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่งั้นจะกลายเป็น asshole ทันที เราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เหมาะ และขึ้นอยู่กับว่าเรามี “ของ” แค่ไหนด้วย คือถ้าเราเป็นแค่เด็กเข้าใหม่ ยังอ่อนด้อยประสบการณ์อยู่ ก็อาจจะไม่สามารถใช้วิธีที่มันอาจถูกตีความเป็นกร่างได้ อาจจะเลือกมาแค่เทคนิคที่ช่วยในเชิงเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี ดูเตรียมตัว อะไรแบบนี้แทน เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้อะว่าบางเทคนิคก็เล่นใหญ่โตเกิ๊น เหมือนไปสร้างความวุ่นวายให้คนอื่นเค้าอะ 555

เทคนิคส่วนใหญ่ในหนังสือ จะเน้นเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก หรือเรียกแบบบ้านๆ ว่าสร้างภาพนั่นแหละ เรื่องภาพลักษณ์ภายนอกนี่สำคัญนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่คนอื่นเห็นเป็นอย่างแรก และสัมผัสรับรู้ได้ง่ายกว่าสิ่งอื่นๆ นั่นคือ ถึงแม้เราจะมีของ มีความรู้ เตรียมตัวมาดี ข้อมูลแน่น ฯลฯ แต่ถ้าภาพลักษณ์ไม่ดี แสดงออกท่าทางไม่ถูก พูดไม่เข้าหู ก็อาจจะทำให้สถานการณ์เป๋ไปได้เหมือนกัน ดังนั้น เราว่าสำหรับใครที่เก่งภายในอยู่แล้ว การหยิบเทคนิคจากหนังสือมาช่วยเสริมสร้างภายนอกให้ดูคูลดูแม่นยิ่งขึ้น ก็จะยิ่งช่วยขับพาวเวอร์ในตัวออกมามากขึ้น

แต่สำหรับใครที่ไม่ได้มีของ ไม่ได้เก่งจริง หรือไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับการประชุม เรามองว่าก็ใช้ได้ แต่เป็นในแง่การเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันมากกว่า เป็นการตลบแตลงสถานการณ์ไม่ให้เข้าตาจน อะไรทำนองนี้ ซึ่งเราว่ามันก็เป็นประโยชน์ดี แต่สิ่งที่ไม่แนะนำคือใช้เทคนิคเหล่านี้ไปข่มไป bluff คนอื่น หรือ ทำให้คนอื่นคาดหวังว่าเราจะต้อง deliver บางอย่างที่เจ๋งๆ ออกมาได้ เราว่าแบบนั้นมันเหมือนฆ่าตัวตายทางอ้อม ถ้าเล่นเข้าตัวเองแบบนี้ ไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องโป๊ะแตกว่าเรากลวง ไม่ได้เหมือนที่โอ้อวดเอาไว้

นอกจากเทคนิคในที่ประชุมแล้ว หนังสือยังสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเรื่องอื่นๆ เช่น การแสดงสีหน้า การวางลักษณะมือ การเลือกใช้คำพูด ตัวอย่างการประชุมเด็ดๆ ที่เคยเกิดขึ้นจริง ฯลฯ ทำให้เนื้อหาในหนังสือดูมีสีสันมากขึ้น ไม่ได้เล่าแค่ format เดิมๆ ทั้งเล่ม ให้อารมณ์เหมือนเข้าไปอ่านบล็อก ที่พออ่านเรื่องนี้จบ ก็มีเรื่องอื่นมาแทรกเรื่อยๆ สนุกดี

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนทำงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งงานไหน เราว่าทุกคนต้องรู้สึกเชื่อมโยงกับมัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแหละ สำหรับการใช้งาน ใครที่เป็นลูกน้องก็อาจจะประยุกต์ไปใช้สำหรับการพรีเซ้นต์ตัวเอง หรือการเอาตัวรอด ส่วนเจ้านายก็ใช้สำหรับจับผิดลูกน้อง ไว้ใช้ดูคน ก็สู้กันไป 555

นอกจากสาระแล้ว สิ่งที่แน่นอนว่าจะได้คือความบันเทิง ถือเป็นหนังสือคลายเครียดเล่มหนึ่งที่แนะนำเลย เพราะมันดันเป็นอะไรที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงด้วยนี่สิ ได้ทั้งสาระบันเทิง ตัวเนื้อหาอ่านเพลินมากๆ พลิกหน้าไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็จบแล้ว เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ จำนวน 175 หน้าเท่านั้น

ส่วนใครที่อ่านจบแล้วยังไม่จุใจ เราขอแนะนำให้ไปติดตามบล็อกของผู้เขียน ได้ที่ The Cooper Review เราเข้าไปตามบ้างแล้ว นางเขียนบล็อกกวนๆ ไว้หลายโพสมาก