ก่อนจะดูหนัง เราเห็นกระแสด้านลบของ Swiped อยู่บ้าง บ้างก็ว่าหนังไม่สนุก ไม่ตลก ไม่เป็นเหตุเป็นผล คะแนนในแต่ละเว็บก็ต่ำเตี้ย
แม้ว่าจะมีหน้าหนุ่มฮอตอย่าง Noah Centineo แปะหราบนหน้าพรีวิวบน Netflix แต่เราก็เริ่มหวั่นๆ ว่าหนังจะไม่ดีอย่างที่เค้าว่ากันรึเปล่า มันขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนแรกก็ว่าจะไม่ดู แต่พอไปเห็นตัวอย่างหนังใน YouTube เข้าก็เอ้อ ดูน่าสนใจดี ลองสักหน่อยละกัน
Swiped เล่าเรื่องราวของเจมส์ (Kendall Ryan Sanders) หนุ่มเนิร์ดผู้เป็นอัจฉริยะด้านการเขียนโค้ด ใฝ่ฝันอยากเข้ามหา’ลัยดังๆ อย่าง M.I.T หรือ Princeton ซี่งก็สอบติดนะ แต่ดันไม่มีตังค์เรียน เลยได้เข้าไปเรียนมหา’ลัยธรรมดาๆ และได้เจอกับแก๊งหนุ่มๆ สายปาร์ตี้ นำทีมโดย แลนซ์ (Noah Centineo) ผู้ซึ่งเป็นรูมเมตของเขา ตอนแรกทั้งคู่ก็ไม่ลงรอยกันเท่าไร ไลฟ์สไตล์ก็คนละแบบกันอย่างฟ้ากับเหว แต่แล้ววันหนึ่งแลนซ์กับเพื่อนก็ปิ๊งไอเดียสร้างแอปหาคู่นอนแบบเจอแล้วจาก ไม่มีผูกมัดใดๆ โดยแอปนี้มีชื่อว่า Jungle ซึ่งจะเรียกว่าเป็น Tinder เวอร์ชั่น one night stand only ก็ได้
ไอเดียได้แล้ว ขาดก็เพียงแต่มือเขียนโค้ดที่เก่งๆ แลนซ์จึงมาจ้างเจมส์ โดยล่อเจมส์ด้วยจำนวนเงินที่สามารถส่งเจมส์เรียนมหา’ลัยดังๆ ที่ใฝ่ฝันได้
เจมส์ตกลงรับข้อเสนอพัฒนาแอปให้แลนซ์ แต่เขาไม่ได้อยากมีชื่อเป็นผู้เกี่ยวข้องกับแอปนี้ เขาให้สิทธิ์แลนซ์เป็นเจ้าของโปรเจ็กต์ไปเลย แรกๆ พวกเขาก็ดูแฮปปี้กับผลลัพธ์ดี แลนซ์ใช้ข้ออ้างว่าเขาต้องเทเวลาไปให้การพัฒนาแอป เพื่อจะได้โดดสอบ ส่วนเจมส์นั้นก็แอบคาดหวังว่าแฮนนาห์ (Shelby Wulfert) ผู้หญิงที่เขาชอบ จะเล่นแอป Jungle เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดเธอมากขึ้น
ทว่าเรื่องราวก็เริ่มวุ่นวายขึ้น เมื่อเหล่าผู้หญิงที่เล่นแอปนี้กลับรู้สึกไม่พอใจ เพราะรู้สึกเหมือนโดนทิ้งขว้าง ส่วนเจมส์นั้นก็ต้องกระวนกระวายเมื่อคนในครอบครัวของเขาเล่นแอปนี้ซะเอง
เรื่องนี้เป็นหนังแนวคอมเมดี้เบาสมองที่เน้นดูเพลินๆ สบายๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าดูแบบเอาบันเทิงก็ถือว่าพอได้อยู่ มีหลายมุกที่ทำให้หลุดขำ แต่บางมุกที่ฝืดๆ ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน การดำเนินเรื่องถือว่าไปเรื่อยๆ ดูได้แบบไม่เบื่อ จะมีบางฉากบางตอนที่เรารู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เช่น การที่เจมส์บอกว่าไม่มีตังค์เรียนมหา’ลัย ทั้งๆ ที่บ้านก็ดูออกจะร่ำรวย หรือ ตอนที่เหล่าผู้หญิงต่างเฮิร์ตกับผลลัพธ์ของการออกไปเจอฝ่ายชายหลังจากเล่นแอป ประมาณว่า ผิดหวังที่ผู้ชายคิดแต่จะนอนด้วย ไม่ได้จะเดต ไรงี้ ทั้งๆ ที่แอปก็ประกาศตัวชัดเจนขนาดนั้นว่าเป็นแอปสำหรับหาคู่นอนล้วนๆ (ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคำเตือนของแอปฯ มันไม่โดดเด่นหรือปรากฏช้าไปจนผู้หญิงอ่านไม่หรือยังไง) อีกจุดนึง คือความสัมพันธ์ของตัวละครคู่นึง ที่พัฒนาตอนไหนอะไรยังไงไม่รู้ แต่ตอนท้ายกลับชอบกันเฉย ก็งงๆ เหมือนกันว่าทำไมถึงมาจบท่านี้ได้ มันกะทันหันไปไหม เหมือนหนังอยากให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร แต่โชคร้ายที่ความเปลี่ยนแปลงนี้มันไม่มีที่มาที่ไป แบบนึกอยากจะมาก็มา เลยทำให้ดูแบบ อิหยังวะ
โดยส่วนตัว รู้สึกว่าม้ามืดอย่างเจมส์นั้นค่อนข้างโดดเด่นเลย โดดเด่นกว่าแลนซ์อีก ทั้งที่ตอนแรกๆ เรารู้สึกว่าเจมส์จืดชืด แลนซ์น่าจะทำให้เรื่องมีสีสันมากกว่า แต่ผิดคาด เพราะเจมส์มีลูกเล่นซ่อนไว้เยอะทีเดียว ทั้งการถือโอกาสใช้แลนซ์และพรรคพวกเป็นเบ๊คอยบริการตัวเอง หรือ การเผยมุมมองความคิดต่อความสัมพันธ์ การปลุกกำลังใจสาวๆ ให้ออกมายืนหยัดในสิทธิ์การใช้อำนาจของตัวเอง มันทำให้รู้สึกว่าเด็กคนนี้ความคิดหล่อว่ะ และคนแบบนี้แหละที่สมควรจะมีใครสักคนเป็นคนรักจริงๆ ในขณะที่แลนซ์และพรรคพวกนั้นดูกลวงๆ ล่องลอยๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เห็นได้จากการที่แลนซ์พยายามเอาตัวรอดแบบลวกๆ ด้วยการอ้างว่าตัวเองเป็นคนคิดแอป เพื่อจะได้ไม่ต้องสอบ ทั้งที่ความจริงคือตัวเองง่อยวิชานี้มาก คือเป็นความคิดที่แบบ ทำไมมองการณ์สั้นจังวะ โดดสอบวิชานี้แล้วจะไปเรียนวิชาอื่นรู้เรื่องได้ไง ชีวิตมันจะรอดเหรอ (แอบสันนิษฐานไว้ว่า ปีแรกของมหา’ลัยน่าจะให้เรียนแบบเสรี แล้วค่อยไปเลือกสายทีหลัง แลนซ์มันอาจจะไม่ได้อยากมาสาย com-sci อยู่แล้ว แค่เรียนให้ผ่านๆ ไป)
ถ้าจะถามหาประเด็นที่น่าสนใจจากหนังเรื่องนี้ มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่ง ซึ่งหนีไม่พ้นความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงนั่นแหละ เรื่องนี้เน้นชัดมากว่าผู้ชายกับผู้หญิงคิดต่างกัน ผู้ชายนั้นหวังแค่จะมีเซ็กซ์กับผู้หญิง ไม่ได้ต้องการผูกมัดหรือรู้จักใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่ผู้หญิงจะมีเรื่องของจิตใจมาเกี่ยวข้อง อยากรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น อยากใช้เวลาด้วยกัน ไม่ได้แบบอยากจะพุ่งตรงไปที่เตียงทันที และเมื่อมีสัมพันธ์กันแล้ว ผู้หญิงก็ยังอยากให้ผู้ชายมาใส่ใจต่อ โอเคว่านี่อาจจะไม่ได้เป็นกันทุกคน แต่ก็คงถือได้ว่าเป็นภาพรวมๆ แหละนะ
เราชอบตอนที่เจมส์พูดเชียร์อัพผู้หญิง คือผู้หญิงรู้สึกเหมือนถูกทำให้กลายเป็นเพียงเศษเนื้อ ไม่มีค่าใดๆ ในสายตาผู้ชาย ผู้หญิงอยากได้แอป Jungle สำหรับผู้หญิงเองบ้าง เพราะ Jungle นี่โคตรจะชายเป็นใหญ่เลย แต่เจมส์ก็บอกว่า เออ จริงๆ แล้วพวกเธอมีอำนาจอยู่ในมือนะ แค่พวกเธอไม่ไปเล่นแอปหาคู่ก็สิ้นเรื่องแล้วปะ ถ้าไม่มีผู้หญิงอยู่ในแอปหาคู่เลย พวกผู้ชายก็ไม่มีผู้หญิงให้คั่วหรอก สิ่งที่เจมส์กำลังจะบอก ก็คือฝ่ายผู้หญิงควรจะรู้ตัวเอง และใช้อำนาจของตัวเองที่มีอยู่ ขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัด ถ้าไม่ได้อยากได้คู่นอนประเดี๋ยวประด๋าวก็ไม่ต้องไปตามใจผู้ชายเว้ย อย่าไปคาดหวังว่ามอบกายให้เขาแล้วเขาจะรักตอบ เธอเองนั่นแหละจะเสียใจ แต่ถ้ารักสนุกกันทั้งคู่ อันนี้ก็แล้วไป
สรุปแล้ว Swiped เป็นหนังตลกวัยรุ่นที่ดูได้เพลินๆ ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ถึงกับสมเหตุสมผลไปซะทุกเรื่อง อาจจะมีบางฉากที่ทำเราเอ๊ะบ้าง แต่ถ้าดูเอาสนุกก็ปล่อยผ่านๆ ไปละกัน หนังมีทิ้งประเด็นเรื่องมุมมองต่อความสัมพันธ์ของชายหญิงให้เราเอาออกมาถกต่อหลังหนังจบ โดยรวมแล้วถือว่าดีกว่าที่คาดไว้ อย่างน้อยก็ให้ความบันเทิงได้ดี 🙂
ป.ล. เห็นพล็อตหนังเป็นแบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีฉากวาบหวิวติดเรตเลยอะ คารวะ นานๆ ทีจะเจอหนังฝรั่งคลีนๆ
Leave a Reply