รีวิว Striking Vipers (2019): วิดีโอเกมที่ทำให้ชีวิตซับซ้อนขึ้น

สำหรับ Black Mirror ซีซั่น 5 นี้ ได้ Striking Vipers มาเป็นตอนแรกของรายชื่อ

Striking Vipers ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีด้วยวิดีโอเกมแบบ Virtual Reality (VR) ที่เมื่อผู้เล่นติดชิปที่หัวและถือจอยสติ๊กเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถเข้าไปโลดแล่นกลายเป็นตัวละครในเกมได้เสมือนจริง

สำหรับตอนนี้นั้น ช่วงแรกๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร และค่อนข้างจะเฉื่อยๆ แต่พอเรื่องราวดำเนินไปได้สักพัก เราก็ต้องอึ้งไปกับความกล้าท้าทายกฏเกณฑ์ เป็นอีกครั้งที่ Black Mirror ทำให้เราเหวอกับพล็อตที่สุดจะแหวกล้ำ

เตือนก่อนเลยว่า รีวิวนี้มีสปอยล์ เพราะถ้าไม่สปอยล์คงเขียนไม่ได้จริงๆ T^T

Striking Vipers เล่าเรื่องของแดนนี่ (Anthony Mackie) ชายหนุ่มผิวสีที่แต่งงานกับธีโอ (Nicole Beharie) สาวผิวสีที่เจอกันครั้งแรกในบาร์ ทั้งคู่มีชีวิตครอบครัวที่ราบรื่น มีลูก 1 คน ทุกอย่างดูสงบสุขดี จนกระทั่งในวันเกิดปีที่ 37 ของแดนนี่ เขาได้เจอกับคาร์ล (Yahya Abdul-Mateen II) เพื่อนสนิทของเขาอีกครั้ง คาร์ลให้ของขวัญเป็นเกม Striking Vipers X (เป็นเวอร์ชั่นใหม่ของ Striking Vipers ที่พวกเขาเคยเล่นกันเมื่อ 11 ปีก่อน)

Striking Vipers เป็นเกมต่อสู้คล้ายๆ Street Fighter สำหรับเวอร์ชั่น Striking Vipers X นั้นก็คือการใช้ VR เข้ามาช่วยสร้างความสมจริง ไม่ใช่แค่วิดีโอเกมผ่านหน้าจอทีวีอีกต่อไป คืนนั้นแดนนี่ได้ลองเล่นยกแรกกับคาร์ล โดยใช้ตัวละครตัวเดิมที่พวกเขาใช้กันมาตลอด แดนนี่นั้นเล่นเป็นแลนซ์ (Ludi Lin) ชายหนุ่มเอเชีย ส่วนคาร์ลเล่นเป็นร็อกเซ็ตต์ (Pom Klementieff) หญิงสาวเซ็กซี่

การสู้เป็นไปอย่างปกติดี แดนนี่พลาดท่าเล็กน้อยเพราะไม่ได้เล่นนานเลยลืมท่วงท่าไปหลายอย่าง ทว่าจู่ๆ เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาทั้งคู่จูบกัน! ผ่านตัวละครชายหญิงในเกม

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์สวาทสุดแปลกประหลาด ที่จะเรียกว่าชู้รักก็ไม่ใช่ หนังโป๊ก็ไม่เชิง

กล่าวคือ แดนนี่กับคาร์ลเข้ามาเล่นเกมนี้ผ่านตัวละครแลนซ์และร็อกเซ็ตต์เรื่อยๆ เป็นประจำ และทั้งคู่ก็มีเซ็กซ์กันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกครั้ง พวกเขาทั้งคู่รู้สึกสุขสมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นคาร์ลบอกว่านี่คือเซ็กซ์ที่ดีที่สุดในชีวิตเขาเลย

ทางฝั่งคาร์ลนั้นเหมือนจะไม่เดือดร้อนเท่าแดนนี่ เพราะการหนีจากความจริงผ่านวิดีโอเกมนี้ส่งผลให้แดนนี่เริ่มเฉยชากับธีโอซึ่งเป็นภรรยาของเขา เขาไม่ได้ต้องการเธอมากเท่าเดิม ไม่แสดงออกว่ารักใคร่เหมือนเดิม นั่นคงเพราะเขาถูกดึงดูดด้วยความแปลกใหม่และความตื่นเต้นของการได้มีสัมพันธ์กับร็อกเซ็ตต์ เปรียบเสมือนเซ็กซ์แฟนตาซีที่เป็นความจริง

ถึงอย่างนั้น เราก็รู้สึกได้ถึงความกระอักกระอ่วนของแดนนี่ เขาต้องเผชิญกับความสับสนว่าเคสนี้นี่ถือว่าเขานอกใจเมียรึเปล่า ฟากคาร์ลก็บอกว่าไม่ใช่สักหน่อย นี่ก็เหมือนนายดูหนังโป๊ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น

แต่แดนนี่ก็ยังไม่สบายใจ ยิ่งเมื่อธีโอเปิดใจว่าเธอเองก็ยอมสละความสุขส่วนตัวเพื่อประคองชีวิตครอบครัวให้มั่นคง ยอมที่จะไม่เล่นกับผู้ชายที่หวังจะเคลมเธอ แดนนี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้เขาหนีความจริงไปมีสัมพันธ์กับร็อกเซ็ตต์ แม้ว่านั่นจะไม่ใช่คนจริงๆ เลยก็ตาม แถมยังเป็นเพื่อนสนิทตัวเองด้วย

นี่เป็นจุดที่แปลกดี รู้สึกสับสนแทนแดนนี่เลย จะเรียกว่าหลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวก็ว่าได้ เพราะเมื่อแดนนี่ลองจูบกับคาร์ลในชีวิตจริงดู ใช่ ในร่างผู้ชายนั่นแหละ ก็ค้นพบว่าพวกเขาไม่สปาร์กกันเลยสักนิด นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่เกย์

พวกเขาเพียงแค่หลงใหลการ Role-Play เพื่อหลุดออกจากความจริงเท่านั้นเอง

ตอนจบนั้น จบได้อย่างเก๋ๆ ด้วยการที่ธีโอรู้ความจริง แต่เธอก็เข้าใจดีพอและยอมให้แดนนี่เล่นเกมนี้กับคาร์ลได้เดือนละครั้ง ส่วนเธอเองก็จะได้แต่งสวยไปเที่ยว ไปแฮงก์เอ้าท์กับชายอื่นเช่นกัน สรุปก็คือแดนนี่และธีโอสามารถหาทางออกร่วมกันได้ ด้วยการพบกันคนละครึ่งทาง

เราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้ของพวกเขาจะยั่งยืนสักเท่าไร ถึงตรงนี้หนังก็ไม่ได้บอกอะไรเราต่อแล้ว และเราก็คงไม่เดาเพราะไม่คิดว่านั่นคือสาระสำคัญ

Striking Vipers ทิ้งความรู้สึกแปลกๆ ไว้ให้เรา ไม่ใช่ความหม่นดาร์กเหมือนตอนอื่นๆ ของ Black Mirror แต่เป็นความซับซ้อนครุ่นคิดในหลายๆ ประเด็นที่หนังทิ้งไว้ โดยเฉพาะเรื่องเพศสภาพและความสัมพันธ์ของผู้คน แค่ทวนประโยคที่ว่า “พระเอกมีเซ็กซ์กับตัวละครหญิงในเกม ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเพื่อนสนิทชายของเขา” ก็ชวนให้รู้สึกแหม่งๆ แล้วว่าทำได้จริงๆ เหรอ ความรู้สึกมันจะเป็นยังไงกัน สิ่งนี้เป็นอะไรที่ล้ำเกินจินตนาการมากๆ

กลับมาที่ประเด็นหลักของ Black Mirror ในแง่เทคโนโลยี เราคิดว่า Striking Vipers กำลังจะสื่อว่าเทคโนโลยีนั้นสามารถช่วยให้เราหลุดพ้นจากความจริงได้ชั่วขณะ แต่ถ้าเราหมกมุ่นเกินไป และยึดถือมันจนกลายเป็นอีกชีวิตของเราแล้ว มันก็อาจจะกระทบชีวิตจริงๆ ของเราก็ได้

เป็นอีกตอนที่ประทับใจ และทึ่งในพล็อตที่แปลกแหวกแนวจริงๆ สำหรับตอนนี้นั้นช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องเอื่อยไปบ้าง เพราะยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นเท่าไร เป็นการบอกเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครให้เราเข้าใจพื้นฐานเฉยๆ แต่พอเริ่มเล่นวิดีโอเกมเท่านั้นแหละ มันส์เลยทีนี้ ร่วมลุ้นไปกับตัวละครว่าความสัมพันธ์ลับๆ นี้จะรอดไหม จะถูกเมียจับได้รึเปล่า แล้วจะลงเอยอย่างไร

ฉากในเกมสวยงาม มีความ surreal รู้สึกเหมือนดูเกมอยู่จริงๆ ไม่ใช่ฟีลแบบฉากหนัง มีฉากเรตนิดหน่อย แต่ไม่มาก ดูพอกรุ้มกริ่มเนอะ 😛