มาอีกเรื่องกับแนวกู้โลกแตกของ Netflix สำหรับเรื่องนี้คือ Rim of The World ซึ่งมีจุดเด่นตรงนักแสดงนำเด็กทั้ง 4 คน สไตล์ Stranger Things
Rim of The World เล่าเรื่องราวของเด็ก 4 คน 4 สไตล์ที่บังเอิญมาเจอกันในค่ายผจญภัยชื่อ Rim of The World เด็กทั้ง 4 คนประกอบไปด้วย อเล็กซ์ (Jack Gore) เด็กเนิร์ดสายวิทยาศาสตร์ที่เข้าสังคมไม่เป็น, ดาริอุส (Benjamin Flores Jr.) เด็กบ้านรวยที่โดนสปอยล์จนนิสัยเสีย, เกเบรียล (Alessio Scalzotto) เด็กหนุ่มหน้าหล่อที่โตกว่าคนอื่นหน่อย และเซินเซิน (Miya Cech) เด็กหญิงเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มที่นิสัยบู๊เกินชาย จากตอนแรกที่กะมาเข้าแคมป์เฉยๆ กลายเป็นว่าพวกเขาเจอการบุกรุกของเอเลียนกลางคัน เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขายังบังเอิญเจอนักบินอวกาศซึ่งได้มอบกุญแจสำคัญ (แบบ…กุญแจจริงๆ) ต่อการเอาชนะเอเลียนเหล่านี้ให้พวกเขาด้วย เพียงแต่พวกเขาต้องนำมันไปยังจุดหมายซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการที่อยู่ไกลออกไปกว่า 70 ไมลส์! เด็กๆ อย่างพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดและเดินทางไปได้ไกลขนาดนั้นได้หรือไม่?
แม้จะเป็นหนังแนวเอเลียนบุกโลกอีกเรื่อง แต่อย่างที่บอกคือจุดเด่นของเรื่องนี้คือตัวละครหลักซึ่งเป็นเด็กทั้ง 4 คน แน่นอนว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่ ก็คงไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ เท่าไรนัก และเราคงไม่เอาใจช่วยลุ้นมากเท่านี้ พอเป็นเด็ก ทุกอย่างเลยดูซอฟต์ลง…ซะเมื่อไร ขอบอกว่าฉากโหดๆ ก็มีนะ แม้ไม่ได้ขนาดเลือดสาดเข้าหน้า แต่ก็น่ากลัวสำหรับผู้ชมวัยเด็กเหมือนกัน ฉะนั้นเลยขอเตือนไว้ก่อน
โทนของหนังนั้นจะเป็นการผสมผสานระหว่างแอ็กชั่น ผจญภัย coming-of-age และคอมเมดี้ แม้ว่าจะต้องวิ่งหนีเอเลียนกันจะเป็นจะตาย แต่หนังก็ยังใส่ความตลกขบขันเข้ามาช่วยให้สถานการณ์ไม่ตึงเครียดจนเกินไป สีสันที่ขาดไปไม่ได้คงจะเป็นดาริอุส เด็กชายผิวสีที่ขยันบ่นทุกๆ 5 วินาที จะว่าน่ารำคาญก็น่ารำคาญ แต่บางทีการบ่นของน้องแกก็ฮาเหมือนกัน
หนังเรื่องนี้ยังมีมุกตลกที่ล้อหนังเรื่องอื่นๆ เยอะมาก เช่น John Wick, Independence Day, The Gladiator, Hannibal, Star Wars, Star Trek คือเยอะจริงๆ ถ้าใครดูหนังเยอะๆ ก็น่าจะขำตามได้ง่ายๆ แต่ถ้าไม่ ก็อาจจะหลุดได้เหมือนกันเพราะมุกมาไวไปไวมาก
อีกโทนหนึ่งของหนังที่เสริมเข้ามาให้มีสีสันคือความ coming-of-age ของตัวละคร แต่ละคนนั้นมีปมต่างกันไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางบ้านทั้งสิ้น ถึงอย่างนั้น สถานการณ์ต่างๆ ในหนังก็เหมือนจะทดสอบพวกเขา ให้พวกเขาเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง ให้ได้พิสูจน์ตัวเอง เพื่อการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม ที่สำคัญ พวกเขาก็ได้เรียนรู้ว่า “แม้จะเลือกครอบครัวเกิดไม่ได้ แต่ก็เลือกได้ว่าครอบครัวใหม่จะเป็นอย่างไร” ครอบครัวใหม่ที่ว่าก็คือเพื่อนๆ อีก 3 คนของพวกเขานั่นเอง
ป.ล. มีฉากกุ๊กกิ๊กๆ ด้วยนะ เป็นคู่ที่เราว่าเคมีเข้ากันดี หนุ่มติ๋มกับสาวห้าวไรงี้ ฮ่าๆ
ตัวหนังกินเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งก็ถือว่ากำลังดีไม่มากไม่น้อยไป หนังมีหยอดสถานการณ์ชวนติดตามเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ดูได้เพลินๆ แต่ถามว่าลุ้นตัวโก่งไหม ก็ยังไม่ขนาดนั้นแฮะ หลายๆ ฉากหลายๆ ตอนเราก็เดาได้ว่ามันจะไปทางไหน เนื้อเรื่องค่อนข้างไหลลื่นไม่มีหักมุมให้สะดุ้ง จะถือว่าเพราะเป็นหนังเด็กก็ได้ แต่พอนึกภาพฉากน่ากลัวๆ ของเอเลียนที่ฆ่าคน ก็ชักไม่แน่ใจว่ากลุ่มเป้าหมายคือเด็กแน่ดิ?
มาพูดถึงตัวละครสักหน่อย เราชอบที่ตัวละครแต่ละคนมีบุคลิกที่ชัดเจนมากๆ อย่างอเล็กซ์ก็จะดูเป็นเด็กติ๋มๆ ไม่ค่อยมีทักษะนู่นนี่ ยกเว้นก็อย่างเดียวคือความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และหนังแนวไซไฟ ที่พอเอาเข้าจริงก็เป็นประโยชน์ต่อการเอาตัวรอดของพวกเขามากๆ ทางฝั่งดาริอุสนี่ก็แหงอยู่แล้ว คือเป็นตัวพูดมากของเรื่อง มีความสปอยล์ แต่ลึกๆ ก็ยังมีปมด้อยอยู่ดี
ทางด้านเกเบรียล คนนี้มีจุดเด่นตรงความหล่อกับความเท่ แค่ปรากฏกายออกมาฉากแรกก็เท่แล้ว เป็นคนหนึ่งที่เหมือนหัวหน้าใหญ่ของทีม แต่…แต่…คงจะได้เป็นแหละถ้าไม่มีเซินเซิน เด็กหญิงชาวจีนผู้ซึ่งมีคาแรคเตอร์ดาวเด่นมากในสายตาเรา ตอนแรกๆ เธอทำตัวแปลกด้วยการไม่พูดอะไรเลย แต่จู่ๆ เธอก็กลายเป็นคนพูดเก่ง (แบบฉลาด) ขึ้นมาทันที และกลายเป็นหัวหน้าทีมที่พึ่งพาได้สุดๆ ตัวละครเซินเซินนี่ติดอย่างเดียวคือเธอเปลี่ยนบุคลิกแบบฉับพลันเกินไป หนังก็ไม่ได้เฉลยชัดเจนว่าเพราะอะไร (มีคนบอกว่าเพราะเผลอกินเหล้า) เลยทำให้ดูแปลกๆ ไปหน่อย จากตอนแรกที่ไม่พูดอะไรเลยงี้ กลายเป็นหัวโจกขึ้นมาได้
โดยสรุปแล้ว Rim of The World เป็นหนังแนวแอ็กชั่นผจญภัยที่ดูได้เพลินๆ สนุกๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็จะได้ความบันเทิงไปแบบเต็มๆ พล็อตอาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรแต่ที่ชอบคือเสน่ห์ของนักแสดงเด็กๆ ที่ท่วมล้น ทำให้หนังมีสีสันขึ้นมากๆ ใครชอบหนังผจญภัยที่มีเด็กเป็นตัวแสดงนำ รับรองว่าถูกใจ
Leave a Reply