อยากดู A Cure for Wellness มานานแล้ว แต่ก็หาดูไม่ได้สักที จนกระทั่งล่าสุดเจอหนังเรื่องนี้ในไฟลท์บิน เลยจัดสักหน่อย
เรื่องนี้น้องเราแนะนำมาว่าเป็นหนังที่ภาพสวยมาก พล็อตเรื่องก็จะออกแนวจิตๆ ดาร์กๆ หน่อย เข้าทางเราเลย
A Cure for Wellness เล่าเรื่องราวของล็อกฮาร์ต (Dane DeHaan) ชายหนุ่มนักค้าหุ้นไฟแรงที่ทำงานอยู่ในบริษัทการเงินย่านวอลล์สตรีต เขาได้รับมอบหมายจากบอร์ดบริหารให้ไปนำตัวเพมบรู๊ค (Harry Groener) ซีอีโอของบริษัทกลับมาจากสถานบำบัดที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทำการเซ็นสัญญาการควบรวมกิจการครั้งสำคัญ ล็อกฮาร์ตเดินทางไปไกลถึงสถานบำบัดหน้าตาเหมือนปราสาทใกล้ๆ เทือกเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์ ในวันแรกเขายังไม่ได้เจอกับเพมบรู๊ค เพราะมาไม่ทันเวลาเยี่ยม แต่เขาสามารถกลับมาตอนเย็นได้อีกครั้งเพื่อเจอ ล็อกฮาร์ดจึงกลับก่อน
แต่ระหว่างทางก็เกิดอุบัติเหตุ รถชนกับกวางเข้าให้ ทำให้รถเสียหลักคว่ำลง ล็อกฮาร์ดขาหักจึงต้องพึ่งพาสถานบำบัดให้ช่วยรักษาเขา และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ล็อกฮาร์ตกลายเป็นอีกหนึ่งคนไข้ของสถานบำบัดนี้ไปโดยปริยาย ถึงกระนั้น ล็อกฮาร์ดก็ยังไม่ยอมแพ้ เขายังคงเดินหน้าตามหาเพมบรู๊คเพื่อนำตัวกลับนิวยอร์ก ในขณะเดียวกันเขาก็เจอว่าสถานบำบัดนี้มีอะไรแหม่งๆ ไม่ชอบมาพากล เหมือนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอันดำมืดอยู่ หรือว่าจริงๆ แล้ว สถานบำบัดเป็นเพียงฉากหน้า เบื้องหลังคือขบวนการอะไรสักอย่างรึเปล่า?
หนังเรื่องนี้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง! ตอนเห็นตัวเลขนี้ครั้งแรกก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน ไม่นึกว่าจะยาวขนาดนี้ หวั่นๆ ว่าจะหลับระหว่างทางรึเปล่า
แต่เอาเข้าจริงแล้ว สำหรับเราหนังสนุกมาก เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ไม่มีตรงไหนน่าเบื่อหรือชวนง่วงเลย ทุกฉากทุกตอนดูแล้วชวนติดตามตลอด หนังหย่อนปมปริศนามาเรื่อยๆ ซึ่งเอาเข้าจริงบางปมก็เดาไม่ยาก แต่บางปมก็ทำให้เหวอไปได้เหมือนกัน เพราะไม่นึกว่าจะเฉลยมาแบบนี้
ถึงอย่างนั้น หนังก็เหมือนจะพยายามยืดตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะมีหลายฉากหลายตอนเหมือนกันที่เรารู้สึกว่า เฮ้ย มันต้องจบแล้วแน่ๆ เลย แต่ปรากฏว่า หนังยังไปต่อ และไปต่ออีกหลายนาทีด้วย เล่นเอาสงสัยหลายรอบเหมือนกันว่ามันจะไปจบตรงที่จุดไหน
เรื่องการดำเนินเรื่อง อย่างที่บอกไปว่ามันค่อนข้างดูเพลินสำหรับเรา คือถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชวนลุ้นใจเต้นตึกตักแบบสุดๆ แต่มันก็มีอะไรไหลไปเรื่อยๆ ให้ไม่น่าเบื่อ อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยก็น่าจะเป็นฉาก
เราชอบภาพฉากในเรื่องนี้มากๆ ฉากสวยสุดๆ แต่สวยในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าสวยแบบตระการตา สวยแบบดิสนีย์แลนด์นะ โอเคว่ามันมีฉากสวยๆ พวกนั้นอยู่แหละ อย่างฉากดูภูเขาไรงี้ สวยจริง
แต่ฉากที่เราชอบจะเป็นฉากในสถานบำบัดมากกว่า ที่ดูแล้วรู้สึกว่ามันมีความพิศวง ความบิดเบี้ยว ความไม่ปกติอยู่ในนั้น บางฉากก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเป๊ะๆ จนเกินไป จนดูน่าขนลุก คนที่อยู่ในนั้นก็ดูลอยๆ เหมือนวิญญาณหน้านิ่งๆ
ทางด้านสถานที่ แม้ว่าในหนังจะบอกว่าอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่หนังถ่ายทำกันที่เยอรมนี โดยตัวปราสาทนั้นคือ Hohenzollern Castle เส่วนอีกมุมของสถานบำบัด และมุมภายใน ก็มีที่มาจากโรงพยาบาลเก่า Beelitz-Heilstätten ซึ่งเคยทำการรักษาอดอล์ฟ ฮิตเลอร์อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทีมงานต้องเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดสะอ้านอยู่หลายเดือน
ทางด้านตัวละคร พระเอกอย่างล็อกฮาร์ต (Dane DeHaan) มีคาแรคเตอร์ที่อึดถึกทนดี พยายามเอาความจริงออกมาแฉ แม้ว่าจะโดนอีกฝ่ายโต้กลับมากี่รอบ ก็ไม่ยอมแพ้ สู้สุดใจขาดไปเลย
ทางด้านตัวละครหญิงเด่นอย่างแฮนนาห์ เด็กสาวลึกลับที่เป็น “เคสพิเศษ” ของสถานบำบัด ก็ได้นักแสดงอย่าง Mia Goth มารับบท คาแรคเตอร์นี้มีความสละสลวยปนหลอนๆ ดี ให้ความรู้สึกเหมือนหญิงสาวในเทพนิยาย
ส่วนฉากที่เธอนอนในดงปลาไหล แม้จะแค่แป๊บเดียว ก็เป็นอีกฉากที่ติดตามาก ทั้งสวยทั้งแหวะ
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือดร.โวลเมอร์ รับบทโดย Jason Isaacs ตอนแรกเราเห็นเขาก็รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ แฮะ ยิ่งบทแบบนี้ยิ่งคุ้น อ๋อ เขาเคยเล่นซีรีส์ The OA ใน Netflix นี่เอง ที่พีคคือได้รับบทนักวิทยาศาสตร์โรคจิตแบบเดียวกันเป๊ะ สงสัยพี่แกจะมาแนวนี้ 555 คาแรคเตอร์นี้มีความร้ายแบบลุ่มลึก ใบหน้าฉาบรอยยิ้มแต่เราไม่สามารถเดาอะไรในใจเขาได้เลย ดูเป็นคนเย็นชาหลบใน และคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น
หนังเหมือนจะมีประเด็นสะท้อนสังคมแทรกเนียนๆ ไว้ เราเองก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกรึเปล่า แต่รู้สึกเหมือนหนังกำลังเหน็บแนมเทรนด์การบำบัดที่อ้างอิงสรรพคุณว่าจะช่วยนู่นช่วยนี่ได้ หลอกล่อให้คนมีเงินมาใช้บริการ ซึ่งจริงๆ แล้วสรรพคุณที่ว่ามันอาจจะไม่ได้มีอยู่จริง หรือมีดีไม่เท่าที่เคลมเอาไว้ก็ได้ บางคนทุ่มเงินทุ่มเวลาไปกับเทรนด์การบำบัดเหล่านี้มากเกินไปจนลืมไปว่าแท้จริงแล้ว สุขภาพที่ดีทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กินอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่เครียด ฯลฯ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการบำบัดซับซ้อนเลย อย่างในหนังจะมีฉากที่ทำให้รู้สึกว่า ทุกคนก็ปกติดี แข็งแรงดี เพียงแต่ถูกสถานบำบัดหลอกว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอะไรสักอย่าง เพื่อที่ว่าสถานบำบัดจะได้ใช้ประโยชน์จากคนเหล่านี้ได้
โดยรวมแล้ว A Cure for Wellness เป็นหนังทริลเลอร์แนวจิตวิทยาที่มีความบิดเบี้ยวทางใจอยู่พอสมควร ซึ่งเราชอบนะ ดูแล้วรู้สึกว่ามันดาร์กดี แต่ถ้าใครที่จิตใจไม่แข็งแรงพออาจจะไม่ชอบ ใครที่ชอบความชัดเจนก็อาจจะไม่ชอบเพราะหนังทิ้งปริศนาไว้เยอะ และบางปริศนาก็ไม่ได้มีคำตอบแบบชัดเจนให้ ต้องมาเดากันหลังไมค์เอาเอง แต่ที่แน่ๆ คือโดยส่วนตัวเราว่าเป็นหนังสนุกอีกเรื่องที่ดูเพลินจนลืมเวลา มีฉากสวยๆ เหมือนงานศิลปะให้เสพ ดนตรีก็เข้ากันกับเนื้อเรื่อง หนังมีความหลอนๆ นิดนึงแต่ไม่มีผี ใครชอบแนวนี้ก็ลองหามาดูกันได้นะ
Leave a Reply