รีวิว Chungking Express (1994): เหงาจนต้องกินสับปะรดหมดอายุ คุยกับสิ่งของ และวิ่งจนร้องไห้ไม่ไหว

ว่ากันว่าเวลาคนเราเหงาหรือเศร้าสุดๆ มักจะลงเอยด้วยการทำอะไรบางอย่างที่ดูตลกในสายตาคนทั่วไป

ชายหนุ่มสองคนที่อกหักใน Chungking Express ผ่านมาแล้วทั้งการกินสับปะรดหมดอายุรวดเดียว 30 กล่อง, พร่ำเพ้อกับข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเสมือนกับว่ามันมีชีวิต, วิ่งให้เหงื่อออกเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายไม่มีน้ำเหลือไปร้องไห้, กินอาหารซ้ำๆ รูปแบบเดิม ร้านเดิมๆ, รอสัญญาณจากเพจเจอร์อย่างเลื่อนลอย, คอยต่อสายดูว่ามีใครฝากข้อความมาหาไหมในทุกๆ วัน ฯลฯ

แน่นอนว่าคนที่ไม่เคยอกหัก ไม่เคยเหงา ไม่เคยเศร้าเพราะความสัมพันธ์ไม่เป็นดังใจนั้นอาจจะไม่อิน ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องขนาดนี้ เว่อร์ไปรึเปล่า แต่เชื่อเถอะว่าในห้วงอารมณ์ที่ลืมความเป็นตัวเองเหล่านั้น ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ

Chungking Express เป็นหนังลำดับที่สามของหว่อง กาไว เจ้าพ่อหนังฮ่องกงที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำหนังรักเหงาๆ ขัดกับหนังฮ่องกงหลายๆ เรื่องที่เน้นไปทางปะฉะดะบู๊มาเฟียซะมากกว่า สำหรับ Chungking Express นั้นได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครที่ใช้ชีวิตวนไปวนมาอยู่ในย่านชุงกิง อันเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดังที่เราจะได้เห็นชาวต่างชาติหลายๆ ชาติไม่ว่าจะเป็นแขกหรือฝรั่งปะปนไปกับชาวเอเชีย อีกทั้งยังเป็นแหล่งมั่วสุมทั้งการค้ายา การเสพของมึนเมา และเซ็กส์

หนังพาเราไปรู้จักกับนายตำรวจท่านหนึ่งก่อน นั่นก็คือ นายตำรวจหมายเลข 223 นามว่า He Qiwu (นำแสดงโดย ทาเคชิ คาเนชิโร่ สมัยหนุ่มๆ โคตรหล่อ ตำรวจอะไรวะอย่างหล่อ) ซึ่งถูกแฟนสาวนามว่าเมย์บอกเลิกในวันที่ 1 เมษายน ตรงกับวันโกหกพอดี เขานึกว่าเธอพูดเล่นและลึกๆ เขายังแอบหวังว่าเมย์จะกลับมา เขาจึงตั้งกฏให้ตัวเองด้วยการตามหาสับปะรดกระป๋อง (ผลไม้โปรดของเมย์) จำนวน 30 กระป๋องที่มีวันหมดอายุวันที่ 1 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันเกิดของเขา และเป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่พวกเขาเลิกกัน หากครบ 30 วันที่เขาเก็บสะสมสับปะรดกระป๋องแล้วเมย์ยังไม่กลับมา เขาจะตีความว่าเมย์หมดรักเขาจริงๆ แล้ว และเขาก็จะเลิกรอเธอ

04
223 ตามกว้านซื้อสับปะรดกระป๋อง

ฟังดูเหมือนเป็นคนที่สามารถบังคับจิตใจตัวเองให้เข้มแข็งได้ แต่เปล่าเลย ระหว่างนั้น 223 เฮิร์ตหนักมาก เขารับมือกับความเศร้าด้วยการไปวิ่งให้เหนื่อยสุดๆ เพื่อที่จะได้เสียเหงื่อ ให้ร่างกายเสียน้ำจนไม่มีน้ำเหลือไปร้องไห้อีก เขารอคอยการติดต่อจากเมย์อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อโทรไปหาเพื่อนสาวแต่ละคนที่อยากให้มานั่งกินดื่มด้วยกัน เขาก็ค้นพบว่าแต่ละคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวมีภาระหน้าที่กันหมดแล้ว เหลือแต่เขาคนเดียวที่ยังเปลี่ยวเหงาอยู่

โชคชะตานำพา 223 ให้ไปเจอกับสาวผมทองที่เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดโดยบังเอิญ ในวันที่เขาจมดิ่งสุดๆ 223 พยายามเข้าไปตีสนิทชิดเชื้อกับสาวผมทองเพราะอยากเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ คืนนั้นจบลงที่หญิงสาวนอนสลบด้วยความเหนื่อยในห้องของโรงแรม ไร้ความสัมพันธ์ทางกายใดๆ กับ 223 ส่วน 223 นั้นต่อมาก็ได้รับข้อความ Happy Birthday จากหญิงสาวคนหนึ่ง เป็นสัญญาณดีๆ ที่บอกว่ายังมีคนที่ให้ความสำคัญกับเขาอยู่ แม้ว่าเขาจะลืมให้ความสำคัญกับตัวเองก็ตาม

01
เมื่อ 223 เจอสาวผมทอง

เรื่องของ 223 นั้นกินเวลาไม่นาน สักพักหนังก็พาเราไปรู้จักกับอีกเรื่องราวหนึ่งของนายตำรวจหมายเลข 663 ผู้ซึ่งเป็นลูกค้าเจ้าประจำของร้าน Midnight Express (ร้านที่ 223 ก็มาบ่อยเช่นกัน) นาย 663 นี่ก็โดนแฟนสาวแอร์โฮสเตสทิ้งมาเหมือนกัน แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะคอยเอาอกเอาใจเธอด้วยการซื้อสลัดจาก Midnight Express ไปให้เธอทุกวันก็ตามที แต่อยู่มาวันหนึ่ง ลุงเจ้าของร้านก็ยุให้ 663 ลองซื้อฟิชแอนด์ชิปไปให้เธอลองเลือกดูบ้างว่าอยากกินอันไหนมากกว่ากัน ความตลกร้ายอยู่ตรงที่ว่าหลังจากนั้นเธอก็ทิ้งเขา พร้อมกับความจริงที่ว่าเธอไม่เคยชอบกินสลัดเลย ราวกับว่าการยื่นอาหารใหม่ๆ ให้เธอนั้นเป็นการเปิดทางให้เธอไปหาชายอื่นที่เร้าใจกว่าชายจำเจอย่าง 663

แน่นอนว่า 663 ก็เฮิร์ตเหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเขาดูจะเศร้าไปซะหมด ความเหงาเศร้าทำให้เขาเริ่มพูดคุยปลอบประโลมกับสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน ในขณะเดียวกัน ที่ร้าน Midnight Express ก็มีพนักงานสาวคนใหม่นามว่าเฟย์ สาวผมสั้นมาดทอมบอยที่แอบชอบ 663 อยู่ เมื่อมีโอกาสรู้ที่อยู่ของ 663 เธอก็แอบเข้าไปจัดการทำความสะอาด ตกแต่งห้องของ 663 ให้เรียบร้อยอยู่เสมอ เมื่อ 663 รู้เข้าก็ประทับใจ นัดเฟย์มาเดต แต่เฟย์กลับไม่มาซะอย่างนั้น เธอได้หนีไปเป็นแอร์โฮสเตสเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะกลับมาเจอ 663 ที่ยังรอคอยเธออีกครั้ง

02
เฟย์แอบ 663 ไม่ให้เขารู้ว่าเธอแอบเข้ามาในห้อง

นี่เป็นหนังที่เน้นบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ โดยเฉพาะด้านที่อ่อนแอของผู้ชายซึ่งถูกคนรักทิ้งไป ความไปไม่เป็น ความหลงทาง ความพร่ำเพ้อเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของมนุษย์เรายามที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ยามเมื่อความรักไม่เป็นดังหวัง สำหรับคนที่ไม่เคยเผชิญอารมณ์เช่นนี้อาจจะไม่เข้าใจนัก แต่สำหรับใครที่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้น่าจะรู้สึก relate กับตัวละครในหนังได้ดี

หนังมีแง่มุมและจุดชวนคิดหลายจุดมาก เอามาเล่าในนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเล่าครบมั้ย จุดนึงที่สะดุดตาเราตั้งแต่แรกคือการเล่นกับโมเม้นต์การปะทะกันของตัวละคร ทำให้เห็นว่าคนที่เราพบเจอเพียงแค่เสี้ยวนาที ยังไม่ทันเห็นหน้าด้วยซ้ำ บางทีอาจจะกลายมาเป็นคนที่เข้ามาในชีวิตเราต่อจากนี้ก็เป็นได้ คนบางคนอยู่ในชีวิตเราตลอด แต่เราอาจจะไม่เคยใส่ใจเขา หรือไม่เคยเปิดใจให้เขา หนังเหมือนกำลังจะสื่อกับเราว่า เพียงแค่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องไปปิดกั้น ไม่ต้องไปบังคับ เราก็มีโอกาสเจอคนมากมาย ที่อาจจะเข้ามาอยู่หรือไม่อยู่ในชีวิตเราต่อจากนี้ก็ได้ ส่วนหนึ่งก็คือเรามีสิทธิ์เป็นคนกำหนดเอง

สำหรับบางคนนั้น อาจจะมีความคล้ายคลึงกับนายตำรวจ 223 ตรงที่เป็นพวกชอบสร้างกฏเกณฑ์ข้อจำกัดบางอย่างให้ตัวเอง เห็นได้จากเงื่อนไขสับปะรดกระป๋องที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนั่นละ เขาใช้สับปะรดกระป๋องเป็นตัวชี้วัดว่าความรักของเมย์หมดอายุหรือยัง ใช่…เขาเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกล้วนมีวันหมดอายุทั้งสิ้น แม้กระทั่งความรักความสัมพันธ์ก็ตาม นอกจากนั้นเขายังตั้งกติกาไว้อีกว่าถ้าเมย์ไม่กลับมาหาเขา เขาจะไม่ขอมีแฟนเป็นคนชื่อเมย์อีก คงเพราะล่าสุดเขาก็พลาดโอกาสเจอกับผู้หญิงนามว่าเมย์อีกคนซึ่งเป็นพนักงานร้าน Midnight Express ซึ่งเจ้าของร้านเป็นคนแนะนำให้

06
223 กับสับปะรดกระป๋อง ในห้องของตัวเอง

ในขณะที่บางคนนั้น อาจจะมีความคล้ายคลึงกับนายตำรวจ 663 ตรงที่ไม่ได้ตั้งกฏเกณฑ์อะไรให้กับชีวิตเหมือน 223 แต่ปล่อยทุกอย่างให้ไหลไปตามธรรมชาติ ให้เวลานำพามาเอง โดยที่ตัวเองก็ใช้ชีวิตปกติดังเดิมต่อไป เพิ่มเติมคือการกลับไปพร่ำเพ้อถึงคนรักเก่าต่อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องของตัวเอง ตรงนี้เป็นอะไรที่ดูตลกแต่ก็ดูเหงาสุดๆ เช่นกัน ลองคิดดูเล่นๆ คนปกติที่ไม่ได้เผชิญเรื่องราวเจ็บช้ำอะไรคงไม่มานั่งปลอบใจเครื่องใช้ในบ้านราวกับว่าพวกมันมีชีวิตหรอก

05
663 พูดคุยกับตุ๊กตา

นอกจากความเหงาเพราะความรักที่ไม่สมหวังแล้ว Chungking Express ยังแสดงให้เห็นถึงความเหงาของคนในเมืองใหญ่ที่แม้จะมีผู้คนพลุกพล่านมากมาย แต่ลึกๆ แล้วในจิตใจกลับว่างเปล่า ขาดความสัมพันธ์ทั้งกับเพื่อนและคนรัก ตัวละครมักจะใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในห้องส่วนตัว หรือไม่ก็ใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียว กล้องมักจะจับภาพผู้คนเบลอๆ เคลื่อนไหวกล้องไปมาให้ภาพเบลอๆ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้คนที่รายล้อมรอบตัวเรา เราไม่รู้จักใครเลย เราไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย ทุกคนล้วนเป็นคนแปลกหน้าในเมืองใหญ่ที่คับคั่งไปด้วยการสัญจรมากมาย

03
ฉากนี้ที่ 663 นั่งอยู่ในร้านก็ดูเหงาดี

ตัวละครใน Chungking Express ต่างล้วนต้องการเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ อย่างเฟย์และนายตำรวจ 663 ที่พยายามเชื่อมโยงถึงกันแม้จะต้องห่างกันเป็นปีก็ตาม หรือกระทั่งนักค้ายาสาวผมทองที่สร้างกำแพงหนาแน่นให้ตัวเองก็ยังรู้สึกเหงาและลึกๆ ก็ต้องการใครสักคนมาดูแลในยามที่ตัวเองอ่อนแอ การพบเจอกันของสาวผมทองกับนายตำรวจ 223 ซึ่งแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่คืนเดียว แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้จูนเข้าหากัน ได้แชร์ความเหงาร่วมกัน และสร้างค่ำคืนหนึ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจอันเจ็บปวด แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

Chungking Express เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ยืนยันกับเราว่าความเหงาเปล่าเปลี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมายนั้นเป็นเรื่องปกติ ความเศร้าโศกเสียใจและความอ่อนไหวต่อความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นดังหวังก็เป็นเรื่องปกติ ชีวิตเรายังต้องเจอผู้คนอีกมากมาย ย่อมมีทั้งคนที่ผ่านเข้ามาสร้างความสุขและคนที่จากไปโดยทิ้งความทุกข์เอาไว้ สิ่งสำคัญที่เราพอจะทำได้ก็คือการใส่ใจผู้คนรอบข้างให้ดีที่สุด และถ้าเขายังจะไปมันก็เป็นการตัดสินใจของเขา เราทำดีที่สุดแล้ว

เพราะอย่างน้อย การที่เคยได้เชื่อมโยงกับใครคนหนึ่งท่ามกลางผู้คนแปลกหน้ามากมาย ก็ยังดีกว่าการไม่เคยเชื่อมโยงกับใครเลย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: