แค่กินยา แล้วนอนหลับไป ตื่นมาสดใสเป็นคนใหม่ แล้วก็รับไปเลยเงินก้อนโต…
ได้ยินแบบนี้ หลายๆ คนคงจะหูผึ่ง งานอะไรอะดูง่ายจัง รับจ้างให้นอนงั้นเหรอ โอโห เข้าทาง รอมานานแล้ว
ทว่างานนี้ที่นางเอกของเรื่องอย่างลูซี่ (Emily Browning) ใช้เป็นแหล่งทำมาหากินแหล่งหนึ่งนั้น ไม่ใช่แค่นอนธรรมดา แต่เธอต้องกินยานอนหลับแล้วเปลือยกาย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าลูกค้าชายที่เข้ามาใช้บริการนั้นทำอะไรเธอบ้าง
ตอนเห็นพล็อตหนัง Sleeping Beauty ครั้งแรก เราทึ่งกับคอนเซ็ปต์อันแปลกใหม่ปนดำมืด เก็บในลิสต์มาเนิ่นนาน ในที่สุดก็สามารถหาโอกาสดูจนได้
Sleeping Beauty บิดเรื่องราวเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราออกมาเป็นรูปแบบใหม่ที่หม่นขึ้น เล่าเรื่องราวของลูซี่ หญิงสาวสวยใสสะพรั่งมากๆ แต่ดันมีชีวิตที่ตกอับ ในช่วงเวลาว่างจากการเรียน เธอต้องรับทำงานพิเศษมากมายเพื่อหาเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพนักงานถ่ายเอกสาร การเป็นเด็กเสิร์ฟ การเป็นหนูทดลองในห้องแล็บ การเป็นพยาบาลให้ชายที่เป็นโรคติดสุรา หรือแม้กระทั่งการขายตัว ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าฐานะของเธอก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น เธอยังคงค้างค่าเช่าห้อง ยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิมๆ ดูๆ ไปแล้วลูซี่มีชีวิตที่ซังกะตายราวกับเป็นผีดิบที่ทำทุกอย่างซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น

แต่อยู่มาวันหนึ่ง ลูซี่ก็ได้รับรู้ว่ามีงานที่ให้เงินก้อนโตในระยะเวลาอันสั้น เบื้องต้นเธอรับงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่สวมเพียงชุดชั้นในในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง แต่ต่อมาชีวิตเธอก็เริ่มพลิกผันเมื่อคลาร่า มาดามที่เป็นผู้ว่าจ้างเธอนั้นเสนอให้เธอรับงานนอนหลับในสภาพเปลือยเปล่า โดยลูซี่นั้นจะต้องกินยานอนหลับเข้าไปเพื่อให้ไม่ได้สติ เธอจะอยู่ในห้องนอนกับลูกค้าชายกระเป๋าหนัก และถึงแม้ว่าจะมีกฎแน่นหนาว่าห้ามลูกค้ามีเพศสัมพันธ์กับเธอ และห้ามสร้างรอยขีดข่วน แต่ก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับเธอสักเท่าไร แม้จะได้เงินเยอะจนเปลี่ยนชีวิต แต่ลูซี่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าระหว่างที่เธอหลับไป มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

หนังมีความลุ่มลึกในการนำเสนอและดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวา ถึงอย่างนั้นเรากลับรู้สึกติดตามทุกฉากทุกตอน ตามลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ยิ่งนางเอกต้องเผชิญสถานการณ์น่าหวาดเสียวแบบนั้นแล้วด้วย นี่เป็นหนัง 1 ชั่วโมง 40 กว่านาทีที่ดึงความสนใจเราไว้ได้ตลอด แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบหนังนิ่งๆ ก็อาจจะรู้สึกว่าบางช่วงบางตอนนั้นน่าเบื่อได้
ฉากที่ลุ้นและตั้งตารอคอยก็ไม่น่าจะหนีพ้นฉากที่ลูซี่ต้องนอนหลับ แล้วลูกค้าชายแวะเวียนมาหาเธอ เราอดลุ้นไปกับเธอไม่ได้ว่าเธอจะโดนทำมิดีมิร้ายอะไรบ้าง ซึ่งเราก็จะได้เห็นพฤติกรรมต่างๆ ของลูกค้าชาย บางคนก็ดีกับเธอ บางคนก็ระยำกับเธอ บางคนก็รุนแรง ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับปูมหลังและปมของแต่ละคน แสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่แตกต่างกันของคนเราต่อสิ่งๆ หนึ่งที่เหมือนกันเป๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉากที่ลูซี่หลับไม่รู้เรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นภาพของการที่ผู้ชายกดขี่ผู้หญิงในชีวิตจริงโดยไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเซ็กซ์มาเกี่ยวข้อง ในหนัง แม้ผู้ชายเหล่านั้นจะไม่ได้มีอะไรกับเธอ แต่พวกเขาก็แสดงอารมณ์ด้านมืดและความต้องการเอาชนะออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งแทน

แน่นอนว่าพล็อตหนังเป็นอย่างนี้ จึงหลีกเลี่ยงฉากโป๊เปลือยไม่ได้เลย และ Emily Browning ก็โคตรกล้าหาญที่ยอมปลดเปลื้องทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า เข้าซีนปะทะกับผู้ชายที่ปฏิบัติต่อเธอแตกต่างกันไป นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่หินทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้น แม้เรื่องนี้จะมีฉากเปลือยของนางเอกเยอะมากกกกก แต่ภาพรวมของหนังเรากลับรู้สึกว่ามันไม่ได้เน้นความอีโรติก ดูเผินๆ แล้วเหมือนงานศิลปะมากกว่า ซึ่งบางทีนั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ตัวละครในหนังกำลังวาดภาพให้เธอ ลูซี่เปรียบเสมือนสินค้าสวยงามที่คนขายก็อยากขายในสภาพที่ดีที่สุด เห็นได้จากการตรวจร่างกายเธอว่ามีรอยตำหนิอะไรไหม ส่วนคนซื้อก็สามารถปฏิบัติกับเธอต่างกันไป อย่างที่เราบอกเมื่อกี้ ยิ่งตอกย้ำชนชั้นและสิทธิ์การเสพสุขของคนในสังคม คนที่อยู่เบื้องล่าง (ลูซี่) ย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด แม้ว่าจะต้องใช้ร่างกายตัวเองเป็นสินค้าก็ตาม ส่วนคนที่อยู่เบื้องบน (ลูกค้า) ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเสพสุขตามแต่กำลังทรัพย์จะเอื้อ

ฝั่งลูซี่นั้น พบกับความไม่แน่ไม่นอนมาตลอดตามประสาหญิงสู้ชีวิต ตั้งแต่โดนเพื่อนร่วมบ้านเฉดหัว ได้เงินก้อนโตแบบไม่คาดคิด โดนไล่ออกจากงาน จนไปถึงการตายของคนใกล้ตัว สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจชีวิต จุดประกายความคิดที่ว่า “เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหลับกันแน่” ซึ่งนั่นนำมาซึ่งภารกิจสอดแนมแบบลับๆ ของเธอ และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเธออีกจุดหนึ่งเมื่อเธอตื่นเข้ามาพบเรื่องน่าสลดบางอย่าง เตือนให้เธอฉุกคิดว่างานนี้ที่เธอทำนั้นอาจจะสุดโต่งเกินไป และชีวิตที่เหมือนจะกำลังรุ่งขึ้นเพราะได้เงินนั้นอาจจะพบเจออะไรที่ไม่คาดฝันอีกก็เป็นได้

ยอมรับเลยว่านี่ไม่ใช่หนังที่ดูง่ายเท่าไร ดูจบแล้วยังต้องมานั่งครุ่นคิดว่าหนังต้องการจะสื่ออะไร คิดไปคิดมาก็แอบรู้สึกว่าหนังอาจจะตั้งใจเปิดปลายให้คนไปคิดต่อเองมากกว่า เราเองก็ไม่รู้ว่าที่เขียนไปนี่ผิดถูกแค่ไหน 555 เป็นเพียงความคิดที่ผุดขึ้นมาของเราเอง ถ้าใครอยากลองของยากก็ไปหา Sleeping Beauty มาดูกันได้ (ใบ้ให้ว่าเราเสิร์ชๆ เอาจากในกูเกิ้ลนี่ละ แล้วก็ไปลงเอยในยูทูป) ใครที่ชอบหนังออกติสต์ๆ ปรัชญาๆ ไม่บอกอะไรชัดเจน และมีภาพสวยประณีตก็น่าจะชอบกัน
Leave a Reply