รีวิว CAM (2018): เมื่อสาวเว็บแคมโดนคนหน้าเหมือนตัวเองขโมยบัญชีผู้ใช้ไป

เป็นที่รู้กันดีว่าความฉูดฉาดของโลกออนไลน์นั้นมันเย้ายวนใจแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้เสพเองหรือฝ่ายที่หาผลประโยชนจากมัน

CAM ภาพยนตร์จาก Netflix หยิบยกมุมหนึ่งของความน่ากลัวในสังคมออนไลน์มาเล่า โดยผ่านวงการเว็บแคมวาบหวิวที่มีสาวๆ แวะเวียนมาโชว์ของเพื่อแลกกับเงิน ดูเป็นงานสบายๆ ที่ไม่ต้องทุ่มแรงมากมายอะไร แค่ใจกล้าสักหน่อยก็มีแฟนๆ มาติดตาม เททรัพย์ให้อย่างมหาศาลแล้ว

เรื่องราวเล่าถึง “อลิซ” หรือที่รู้จักกันในวงการเว็บแคมว่า “โลล่า” เธอเองก็เป็นหนึ่งในสาวเว็บแคมที่หวังไต่เต้าขึ้นอันดับท็อปๆ ของเว็บไซต์ นอกจากจะโชว์เซ็กซี่แล้ว เธอยังเอาจริงเอาจังกับการคิดโชว์ในทุกๆ วันว่าจะให้มันออกมาในรูปแบบไหน คือไม่ได้แค่โชว์หวิวอย่างเดียวแต่มีความครีเอทีฟด้วยเว้ย ซึ่งแต่ละคืนก็จะมีธีมรูปแบบไม่ซ้ำกันไป เธอมีแฟนคลับผู้ติดตามชมซึ่งเป็นขาประจำอย่างเหนียวแน่น

แต่ถึงอย่างนั้นอลิซก็ไม่นิ่งนอนใจ คิดหากลยุทธ์เรียกยอดวิวยอดเงินเพื่อให้ตัวเองไต่อันดับสูงๆ ขึ้นไป ชีวิตดูเหมือนจะไม่มีอะไรลำบากไปมากกว่าการชิงดีชิงเด่นกันในวงการเว็บแคม จนกระทั่งวันหนึ่งอลิซล็อกอินเข้าระบบเว็บแคมไม่ได้ ก่อนจะค้นพบว่าบัญชีผู้ใช้ของเธอมีคนใช้อยู่ และคนคนนั้นที่กำลังไลฟ์สดอยู่ก็มีรูปลักษณ์เหมือนเธอทุกกระเบียดนิ้ว…

เรื่องนี้มีความน่าสนใจในตัวเองตั้งแต่ตัวอย่างหนังแล้ว ทั้งสีสันความดิบที่หนังนำเสนอ และปริศนาลึกลับที่หนังชูขึ้นมา ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น คนหน้าเหมือนนางเอกคนนั้นคือใคร เมื่อได้มาดูหนังจริงๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะเนื้อเรื่องดำเนินไปได้อย่างสนุก ตื่นเต้น ไม่มีช่วงน่าเบื่อนะสำหรับเรา (คือปกติหนัง Netflix  นี่จะมีหลายเรื่องที่ยานคางชวนหลับ)

ในพาร์ทแรกๆ ของหนังจะเป็นการเล่าถึงชีวิตของอลิซ ซึ่งก็จะชวนให้ตื่นตาตื่นใจหน่อยๆ กับโชว์วาบหวิวของสาวๆ (ขนาดเราเป็นผู้หญิงยังชอบเลย นับประสาอะไรกับผู้ชาย 555) ซึ่งนี่ก็เป็นจุดให้หนังค่อนข้างติดเรตอยู่ เพราะเนื้อหนังมังสามาเต็มจ้า นักแสดงทุ่มเทมากบอกเลย ส่วนพาร์ทที่สองของหนังจะเป็นการไขปริศนาว่าใครคือคนที่ขโมยบัญชีของนางเอกไป ซึ่งตรงนี้ก็ลุ้นจริงๆ ไหนจะมีดราม่าในชีวิตจริงที่เข้ามาประกอบหนังอีก ยิ่งทำให้หนังมีน้ำหนักมากขึ้น

ตัวหนังสะท้อนให้เห็นความน่ากลัวของโลกออนไลน์ผ่านอลิซตัวปลอมที่มาขโมยบัญชีของอลิซตัวจริง ดูๆ ไปก็คล้ายกับการที่บริษัทตามบันทึกข้อมูลบนโลกออนไลน์ของเราเพื่อเก็บเอาไปวิเคราะห์ว่าเรามีพฤติกรรมยังไง ประวัติเป็นแบบไหน เขียนตรงนี้แล้วก็นึกไปถึงตอนหนึ่งในซีรีส์ Black Mirror ชื่อ Be Right Back ที่สร้างตัวตนคนที่ตายไปแล้วจากข้อมูลออนไลน์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ตอกย้ำเตือนให้เราไม่ลืมว่าทุกๆ การกระทำบนโลกออนไลน์น่ะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้เสมอ

ความหมกมุ่นขั้นสุดเกี่ยวกับความนิยมในโลกออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่หนังนำเสนอ ดังที่เราจะเห็นได้จากอลิซที่ดูหมกมุ่นกับตำแหน่งของเธอมาก (มากยิ่งกว่าเงินที่จะได้รับซะอีก) เธอจะต้องเปิดโชว์ทุกคืน และจะกังวลใจเวลาตัวเองออฟไลน์ในขณะที่สาวอื่นๆ ยังออนไลน์อยู่ เธอกลัวว่าคะแนนนิยมจะถูกเทไปให้คนอื่น และนั่นจึงทำให้เธอต้องกล้าบ้าบิ่นให้สุดเพื่อเรียกเรตติ้งตัวเอง มองๆ ไปแล้วก็เหมือนผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนที่ให้ความสำคัญกับตัวตนบนโลกออนไลน์มากเกินไปจนส่งผลกระทบกับชีวิตจริง วันๆ ไม่เป็นอันทำอะไร คอยตามแต่เช็กคนอื่นว่าเค้าทำอะไร มีความสุขกับชีวิตยังไง ในขณะที่ตัวเองก็ต้องหาเรื่องมาทำเหมือนว่าตัวเองมีความสุข เพื่อเอาไปอวดคนอื่นๆ เรียกคะแนนนิยม ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ล้วนแต่เป็นความสุขจอมปลอมทั้งสิ้น ตอนจบของหนังยังเป็นอะไรที่กระแทกใจไปอีกด้วยการแสดงให้เห็นถึงความไม่เข็ดของคนเราแม้จะเห็นว่ามันส่งผลเสียยังไง

หนังยังพูดถึงผลกระทบเชิงสังคมในแง่ของครอบครัว แน่นอนว่าอลิซปิดเรื่องที่ตัวเองเล่นเว็บแคมไม่ให้แม่รู้เพราะกลัวแม่จะผิดหวัง อย่างน้อยก็ขอให้ตัวเองไต่ระดับสูงๆ ก่อนถึงค่อยบอกแม่ ส่วนกับน้องชายนั้นเธอเปิดเผยให้รู้ ซึ่งน้องชายก็ดูเหมือนจะติดขัดอะไร ค่อนไปทางเชียร์ด้วยซ้ำ จนกระทั่งเรื่องไปถึงหูตาของเพื่อนๆ น้องชายเท่านั้นแหละ เขาก็เริ่มอายที่พี่สาวตัวเองทำงานแบบนั้น ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงว่าคนเราให้ความสำคัญกับสังคมที่มองมาแค่ไหน ตอกย้ำว่ายังไงก็แล้วแต่ มนุษย์ย่อมอยากเป็นที่ถูกยอมรับในสังคมกันทั้งนั้น

CAM จึงไม่ใช่แค่หนังโชว์นมหรา หรือหนังภาพดิบสไตล์เว็บแคมที่ให้ความรู้สึกเถื่อนๆ เหมือนดูหนังใต้ดิน แต่เป็นหนังที่สะท้อนลักษณะทางสังคมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ได้ดี ด้วยอันที่จริงระบบเว็บแคมในหนังก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับโซเชียลมีเดียชนิดอื่นๆ ที่ผู้คนติดกันงอมแงมและหวังจะได้รับคะแนนความนิยมจากสังคม หนังดำเนินเรื่องสนุก กระชับ ไม่ยืดเยื้อ เป็นผู้หญิงก็ดูได้ 55