หลังจากครั้งก่อนที่เรารีวิวงาน Bangkok Art Biennale ในฝั่ง City Route หรือเส้นทางที่มีชิ้นงานตามแนวรถไฟฟ้าไปแล้ว คราวนี้เราจะย้ายโลเกชั่นมาฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยากันบ้าง
เผื่อใครจำไม่ได้ ขอนำโพยเส้นทางของนิทรรศการมาให้ชมกันอีกที

สำหรับ River Route หรือเส้นทางที่มีชิ้นงานตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา เราคิดนานอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีมั้ย เพราะเราไม่คุ้นกับพื้นที่แถบนั้นเลย เคยไปแถบเมืองเก่าล่าสุดก็เมื่อหลายปีมาแล้ว โลเกชั่นแสดงงานจุดต่างๆ ก็ไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคยเหมือนตามห้างฯ แต่พอเห็นว่าสามารถเดินทางด้วย BTS แล้วไปต่อเรือได้ ก็ค่อยดูสะดวกขึ้นมาหน่อย
ตอนแรกเหิมเกริมมาก กะจะจัด River Route ทั้งหมดภายในวันเดียว ซึ่งถามว่าทำได้มั้ย มันก็คงได้แหละ แต่ต้องอึดถึกทนและทำเวลามาก ดูไปดูมาสุดท้ายเราเลยเลือกที่จะแบ่ง River Route ออกเป็น 2 วัน จะได้เดินชิลๆ หน่อย โดยรีวิวนี้จะพูดถึงวันแรก ซึ่งโลเกชั่นก็จะประกอบไปด้วยโรงแรม The Peninsula, โรงแรม Mandarin Oriental, ตึกร้าง East Asiatic และศูนย์การค้า O.P. Place สถานที่ทั้งหมดนี้ดูกระจุกๆ กันอยู่ตรงบริเวณหนึ่ง เราเลยคิดว่าน่าจะเก็บได้ง่ายหน่อย
เหมือนเดิมเลย ใครจะไปล่างานศิลปะ อย่าลืมไกด์บุ๊ก + แอปติดตัวไว้เน้อ เป็นประโยชน์มากๆ กับการเช็กว่าที่ไหนมีชิ้นงานอะไร ว่าแล้วก็ไปเริ่มกัน
สำหรับวันนี้เราออกเดินทางช้ากว่าวันแรกหน่อย ใกล้ๆ 11 โมงเลยแหละ เราขึ้น MRT แล้วต่อ BTS ไปลงสถานีสะพานตากสิน ซึ่งตรงนี้แหละเราสามารถเดินไปที่ท่าเรือสาธร เพื่อเชื่อมต่อไปยังจุดอื่นๆ ริมแม่น้ำได้ เราเลือกที่จะไปโรงแรม The Peninsula ก่อน เพราะเห็นว่าเป็นเพียงจุดเดียวของอีกฝั่งแม่น้ำ น่าเก็บให้จบๆ ไปเลย
ไหนๆ จะไปโรงแรมแล้วก็ขึ้นเรือโดยสารของทางโรงแรมซะ ก็ไปนั่งรอตรงจุดที่เรือโดยสารของโรงแรมมักจะเวียนมา (อยู่ฝั่งขวาของจุดที่เป็นท่าเรือด่วนเจ้าพระยา) คอยเช็กให้ดีว่าของ Peninsula มาถึงรึยัง ดีไซน์เรือของที่นี่จะออกแนวไทยๆ เหมือนศาลาในเวอร์ชั่นเรือ ประมาณนั้นละ
นั่งเรือมาถึง Peninsula ก็เริ่มตาหาชิ้นงานกัน ที่นี่มีไม่เยอะมากเท่าไร แต่เราก็ยังอยากไปดู The Female Angels หุ่นนกหน้าผู้หญิงที่ห้อยลงมาจากเพดานอยู่ดี เดินคลำไปคลำมาสักพักก็ไปจบที่ล็อบบี้โรงแรม ตรงนี้แหละ!! เมื่อขึ้นบันไดจากชั้นแรกขึ้นมาก็จะเจอหุ่นนกห้อยระโยงระยางอยู่ นอกจากนั้นตรงที่นั่งของแขกก็มีการ์ตูนเด็กหญิงมะม่วงฉายอยู่

และอันที่จริง ตรงสนามหญ้าของทางโรงแรม ก่อนหน้านี้จะมีประติมากรรมดอกไม้ของ Choi Jeong Hwa อยู่ด้วย แต่พอไปถึงก็เหลือแค่โครงแล้วจ้า ดอกไม้หายไปแล้ว T-T ช้าไปสินะ คาดว่าเค้าคงนำไปจัดแสดงที่อื่นแล้วละ (ใช่ที่ One Bangkok รึเปล่าหว่า) ลืมบอกไปว่าชิ้นงานศิลปะอาจจะไม่ได้อยู่ตามแผนที่เป๊ะๆ นะ อาจมีการเปลี่ยนแปลง ย้ายไปนู่นมานี่ อันนี้ถ้าไม่อยากเสียเที่ยวก็อาจจะต้องลองเช็กกับสถานที่ก่อน
โอเค จบจาก Peninsula เราก็เดินทางต่อ โชคดีที่เรือของ Peninsula มารับพอดี และกำลังจะไปท่าเรือโอเรียนเต็ล อันเป็นจุดหมายถัดไปของเราด้วย จุดนี้แหละแหล่งชุมของโลเกชั่นที่เรามาร์กไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม Mandarin Oriental, ตึก East Asiatic และศูนย์การค้า O.P.Place ทุกอย่างอยู่ตรงนี้!


เมื่อเรือมาถึงท่าโอเรียนเต็ล สิ่งแรกที่เราเห็นเลยก็คือประติมากรรมเลขศูนย์ ซึ่งทำมาจากขอบของสระว่ายน้ำ ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ โดยมีแบ็กกราวด์ข้างหลังเป็นตึกเก่าสุดคลาสสิกอย่างตึก East Asiatic เมื่อลงจากเรือเราก็มาถ่ายรูปตรงนี้ก่อนเลย


แต่ช้าก่อน หลายคนมาตรงนี้อาจจะงงๆ ว่าแล้วจะเข้าตึกยังไง เพราะเขาคาดที่กั้นไว้ตรงบันได แสดงว่าเข้าทางนี้ไม่ได้ งั้นมันต้องมีทางเข้าอื่นละ เพราะตึกร้างนี้เค้าเปิดให้เข้าชมสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ (ถ้ามาช่วงเวลาอื่นเข้าไม่ได้นะ ขอบคุณงานนี้จริงๆ) เราเลยเดินเลียบตึกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เจอป้ายเขียวอันคุ้นเคย โล่งใจไปที แต่เดี๋ยวๆ อย่าลืมหันมองทางซ้าย เพราะทางซ้ายคือโรงแรม Mandarin Oriental !!
ตรงข้ามกับทางเข้าตึก East Asiatic เราก็เจอกับน้องหมาสีทองที่หลงทาง หรือประติมากรรม Lost Dog น่ะเอง ตัวใหญ่มากไม่พลาดแน่นอน สำหรับโรงแรม Mandarin Oriental ก็มีแค่ชิ้นงานเดียวคือชิ้นนี้แหละ

ถ่ายรูปเสร็จ ก็ถึงเวลาเข้าไปเยี่ยมชมตึก East Asiatic ซึ่งแค่ทางเข้าก็รู้สึกขลังๆ แล้ว เดินขึ้นบันไดแล้วจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็ได้ เพราะจะไปสิ้นสุดที่ชั้นบนเหมือนกัน เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนแล้ว เราก็ได้แต่มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้น เพราะมันเต็มไปด้วยชิ้นงานที่เราอยากดูเป็นพิเศษ



ทางด้านขวา คือ โซนประติมากรรมเทปชื่อ Diluvium ที่ทำออกมาได้ surreal มาก เข้าไปเดินได้ด้วยนะ (แต่เดินเบาๆ) เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปได้คูลมาก อย่าลืมเข้าไปดูในตรอกเล็กๆ ใกล้ๆ กันด้วยนะ มีชิ้นงานเหล่าสัตว์น้ำอยู่ด้วย







ออกมาจาก Diluvium ก็จะเจอจอโปรเจ็กเตอร์กำลังฉายวิดีโอที่แบ่งเป็น 2 หน้าจอ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตึกนี้ด้วย ตรงนี้ก็เห็นมีคนมาถ่ายรูปโดยไปยืนตรงกลางเหมือนกัน รูปน่าจะออกมาเท่ดี

จากนั้นทางด้านซ้ายมือก็จะมีงานศิลปะมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นนกหน้าผู้หญิงเหมือนที่ The Peninsula, วิดีโอและฉากการแสดงที่ถ้าใครมาตามตารางการแสดงก็จะได้ดูการแสดงสด, เสาไม้ที่ดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของตึก สุดทางเดินออกไปนอกตัวตึกก็มีประติมากรรมมือหัวใจ นอกจากนี้ก็มีภาพวาดต่างๆ เดินเวียนชมกันให้สะใจไปเลย









ป.ล. ตึกนี้ไม่มีแอร์นะ มันตึกร้างอะ ก็จะเหงื่อๆ หน่อย (อันที่จริงก็เหงื่อตั้งแต่ลงจาก BTS)
เสร็จจากตึก East Asiatic เราก็เดินไป O.P. Place กันต่อ เดินมาตามทางเดินแป๊บนึงก็จะเจอป้ายให้เลี้ยวซ้าย เราก็เลี้ยวตามมาเลย สักพักก็จะเจอทางเข้า



เมื่อเข้าไปในตัวตึก ก็ขึ้นบันไดไปก่อนเลย จากนั้นจะเลือกขึ้นบันไดต่อไปทางซ้ายหรือขวาก่อนก็ได้ มันแยกออกเป็น 2 โซน เราเลือกขึ้นไปทางฝั่งซ้ายก่อน ก็จะเจอชิ้นงานที่อยากดูอย่างสโนว์ไวท์หลอน และชิ้นงานอื่นๆ อย่างหนังสั้น และผงเงินที่ลอกจากธนบัตร








เสร็จจากฝั่งซ้าย เราก็ย้อนกลับมาทางเดิมและมาขึ้นบันไดฝั่งขวาบ้าง ฝั่งนี้มีงานค่อนข้างเยอะ ทั้งภาพวาด วิดีโอ และวัตถุจัดแสดง








จบจากตึกนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณบ่าย 3 แล้ว สำหรับวันนี้เราก็หยุดไว้แค่นี้ก่อน ถึงเวลาหาข้าวกินสักที ตอนแรกว่าจะไปร้านแถวๆ นั้นแต่ดันปิด เราเลยขึ้นเรือข้ามฟากไปไอคอนสยามแทน ซึ่งจากท่าเรือโอเรียนเต็ลก็ไปได้นะ เพียงแต่จะไปจอดที่ท่าเรือวัดสุวรรณ (ค่าบริการ 4 บาท) และเราต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5-7 นาที ถึงจะถึงหน้าไอคอนสยามฝั่งติดถนน
สำหรับรีวิวนี้ก็จบแต่เพียงเท่านี้ก่อน รอบหน้าจะมารีวิวเส้นทางริมแม่น้ำ ในส่วนของวัดบ้างนะ

ข้อมูลสถานที่:
The Peninsula Bangkok
เปิด: จันทร์ – อาทิตย์
Mandarin Oriental Bangkok
เปิด: จันทร์ – อาทิตย์
The East Asiatic Building
เปิด: จันทร์ – อาทิตย์ 10:00 – 19:00
O.P. Place
เปิด: จันทร์ – อาทิตย์ 10:00 – 19:00
หมายเหตุ: งาน Bangkok Art Biennale จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2018 – 3 กุมภาพันธ์ 2019