รีวิว Mortal Engines (2018): เมืองจักรกลที่ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณมนุษย์

แค่รู้ว่า หนังเรื่องนี้ได้ Peter Jackson เป็นผู้อำนวยการสร้าง ก็ชวนให้ว้าวระดับนึงแล้ว ใครล่ะจะไม่เข้าใจถึงอานุภาพของ The Lord of The Rings และ The Hobbit ว่ามันอลังการขนาดไหน

กับเรื่องนี้เราเลยค่อนข้างคาดหวังโปรดักชั่นระดับนึงเลยว่ามันจะต้องฟู่ฟ่าสวยงามแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ

Mortal Engines เป็นหนังแนว Dystopia แต่ไม่ได้อนาคตจ๋า ยานอวกาศเหาะทั่วท้องฟ้าแบบนั้นนะ เรื่องนี้จะเป็นแนว Steampunk คือเป็นการผสมกันระหว่างเทคโนโลยีอนาคตกับอดีตในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่มีจุดเด่นเป็นพวกเครื่องจักรไอน้ำ เรือเหาะ อะไรเทือกนั้น เรื่องราวเล่าถึงอนาคตในอีกเป็นพันๆ ปีข้างหน้า หลังจากโลกเกิดสงครามที่ทำให้ฉิบหายวายวอดกันไปแล้วรอบหนึ่ง พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนล้มตาย ผู้ที่มีชีวิตรอดเหลืออยู่ก็เกาะกลุ่มกันสร้างเมืองกระจายกันไป บ้างก็เป็นเมืองที่ตั้งรกรากบนดิน บ้างก็ลอยน้ำ บ้างก็ลอยบนอากาศ แต่ที่โฉดสุดคือเมืองเคลื่อนที่เหมือนรถถัง ซึ่งในเรื่องนี้มีเมือง “ลอนดอน” เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่รุกรานเมืองเล็กไปทั่ว เพื่อเอาเศษซากเมืองเล็กเหล่านั้นมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนเมืองตัวเอง และเกณฑ์คนจากเมืองเชลยมาเป็นทาส

นื้อเรื่องจะโฟกัสไปที่นางเอกอย่างเฮสเตอร์ ชอว์ หญิงสาวที่มีรอยบากบนใบหน้า เธอมีจุดมุ่งหมายคือต้องการฆ่าแธดดิอุส วาเลนไทน์ นักประวัติศาสตร์ที่เป็นผู้ปกครองชั้นสูงของเมืองลอนดอน เพราะเขาเคยฆ่าแม่ของเธอ เมื่อเฮสเตอร์รู้ข่าวว่าเมืองลอนดอนกำลังใกล้เข้ามา เธอก็บุกเข้าไปโจมตีแต่กลับถูกทอม แนสเวอร์ตี้ หนุ่มติ๋มผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์และเทิดทูนวาเลนไทน์มาขัดขวางซะก่อน ทั้งคู่โรมรันพันตูกันอยู่นานจนสุดท้ายก็พลาดหลุดกระเด็นออกจากเมืองลอนดอน เฮสเตอร์กับทอมจึงต้องร่วมผจญภัยไปท่ามกลางโลกที่เหือดแห้ง คอยหลบหนีจากศัตรู และหาทางกลับไปจัดการกับความชั่วร้ายของวาเลนไทน์ให้ได้

อย่างที่กล่าวข้างต้น เรื่องนี้คาดหวังงานโปรดักชั่นได้เลย ภาพและซีจีคืออลังการเด็ดดวงมาก รายละเอียดประณีตและตระการตาสุดๆ ฉากที่สวยสมจริงทำให้รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในเรื่อง และอินไปกับเรื่องราวในหนังได้โดยง่าย เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองลอนดอนที่ยังมีความเก่าแก่และแลนด์มาร์กดังๆ หลงเหลืออยู่บ้าง นอกจากนี้ก็ยังมีเมืองอื่นๆ ที่มีรายละเอียดรูปลักษณ์แตกต่างกันไปอีก ฉากแอ็กชั่นก็มีพลังมาก บอกเลยว่าแค่ไปดูฉากก็คุ้มแล้วอะ

ทางด้านเนื้อเรื่อง เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่พล็อตแปลกใหม่ นางเอกตามล้างแค้นให้แม่ที่ถูกฆ่า ขณะเดียวกันก็ต้องหยุดยั้งตัวร้ายไม่ให้ครองโลกด้วยการสร้างอาวุธชั่ว แค่นั้นจริงๆ เอาเข้าจริงพล็อตเมืองล่าเมืองนี่ไม่ค่อยถูกเน้นเท่าไร หนังไปเน้นเส้นเรื่องของตัวละครที่ต้องไล่ล่ากันมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูสนุกนะสำหรับเรา คือดูเพลินๆ สองชั่วโมงไม่มีง่วงเลย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะซีจีสวย อีกส่วนอาจจะเป็นเพราะตัวละคร หลายเสียงบอกว่าตัวละครไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าไร แต่เราชอบนะ โดยเฉพาะคู่พระนางอย่างทอมและเฮสเตอร์ ที่มีความสลับเพศหน่อยๆ ตรงที่เฮสเตอร์จะห้าวหาญ บู๊เก่ง (ชอบลุคนางตอนสวมผ้าพันคอสีแดงปิดปาก มีความหลัวมาก) ในขณะที่ทอมจะอ่อนโยน ดูเหมือนช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ก็จิตใจดี เราชอบส่วนผสมพระนางแบบนี้ นานๆ จะเจอที ส่วนตัวละครเสริมที่เราชอบอีกตัวคือเจ๊แอนนา แฟง แกนนำผู้ต่อต้านเมืองเคลื่อนที่ เจ๊เท่มาก เกิดมาเพื่อเป็นลูกพี่เฮสเตอร์ชัดๆ แต่เสียดายที่บทไม่เด่นเท่าที่คาดไว้แฮะ

หนังเฉลยปมได้เคลียร์มาก คือทุกๆ ปริศนาที่สงสัยในเรื่องได้รับการตอบหมด หมดจนพอหนังจบก็ไม่มีอะไรคาใจละ ทำให้สงสัยเหมือนกันนะว่าภาคต่อจะเป็นยังไง เพราะปกติหนังภาคแรกจะทิ้งปมไว้หน่อยๆ ให้ค้างคาใจเล่น แต่เรื่องนี้คือไม่มีเลย เหมือนจบบริบูรณ์แล้วยังไงยังงั้น (หมายเหตุ: หนังเรื่องนี้เคยเป็นนิยายมาก่อน มีหลายเล่มด้วย)

แน่นอนว่าหนังประเภทเอาตัวรอดแบบนี้ย่อมหนีไม่พ้นการสะท้อนสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ ที่เห็นได้ชัดคือแนวคิดของชาร์ลส์ ดาร์วินส์ เรื่อง Survival of The Fittest หรือใครแกร่งกว่าก็รอด นี่น่าจะเป็นความคิดฝังหัวชาวลอนดอนส่วนหนึ่งไปแล้ว เพราะเป็นเมืองใหญ่ที่แข็งแกร่งเลยรุกรานเมืองเล็กกว่า กวาดกว้านเขาไปทั่ว พอตีเมืองสำเร็จชาวเมืองลอนดอนก็โห่ร้องดีใจ เกาะสนามเชียร์กันอย่างกับดูแข่งกีฬา ซึ่งเป็นความน่าเศร้าอย่างหนึ่งที่ต้องเห็นมนุษย์ทำร้ายกันอย่างหน้าตาเฉย ดีใจที่คนอ่อนแอกว่าตกเป็นเบี้ยล่าง

ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่กับเมืองอื่นหรอก ขนาดในเมืองลอนดอนกันเองก็ยังมีการแบ่งชนชั้นอย่างเห็นได้ชัด พวกที่ชนชั้นสูงๆ แต่งตัวดีๆ ก็เสพความสำราญเชิดหน้าชูตา ส่วนคนอยู่ชนชั้นล่างก็โดนกดขี่จากพวกชนชั้นสูง ต้องทำงานใช้แรงงานในส่วนล่างของเมือง ดูแลเรื่องการหาเชื้อเพลิงขับเคลื่อนเมือง อะไรอย่างงี้ ดูๆ ไปก็เหมือนหลายๆ ประเทศที่ชนชั้นล่างต้องทำงานปลูกผักปลูกข้าวเพื่อเลี้ยงดูคนทั้งประเทศอะนะ

เฮสเตอร์ ชอว์ เองก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและไม่ไว้ใจใครอันเนื่องมาจากปมในอดีต ช่วงแรกๆ เราก็จะเห็นว่าเธอเน้นเอาตัวรอดและไม่ค่อยสนใจทอม (ที่ดูเหมือนตัวถ่วง) แต่สุดท้ายแล้วพอทั้งคู่ได้ผจญเวรผจญกรรมไปด้วยกัน พอทอมแสดงน้ำใจช่วยเหลือและไม่ทิ้งเฮสเตอร์อยู่หลายครั้ง มันก็ทำให้ความสัมพันธ์และมิตรภาพของทั้งคู่แข็งแกร่งขึ้น แสดงให้เห็นว่ารวมกันเราอยู่จริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าเกิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทิ้งกันไปก่อน สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนไปหรือแย่ลงเลยก็ได้

สรุปแล้ว Mortal Engines เป็นหนังแนวไซไฟดิสโทเปียนที่ภาพสวยสมคำร่ำลือ ใครที่ต้องการไปเสพซีจีอลังๆ รับรองว่าไม่ผิดหวัง ทางด้านเนื้อเรื่อง แม้ว่าพล็อตจะไม่ได้แปลกใหม่แต่การดำเนินเรื่องคือสนุกและลุ้นตามไปกับตัวละครได้ง่ายๆ มีหลายฉากหลายมุมที่ขยี้ความตื่นเต้นได้ดี ถ้าใครกำลังหาหนังดูสนุกๆ ภาพสวยๆ ก็ลองไปดูกันได้นะ 🙂

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: