รีวิว Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba คมดาบที่ว่าแน่ก็ยังแพ้หัวใจที่แข็งแกร่ง

เราคุ้นเคยชื่อ Demon Slayer หรือ “ดาบพิฆาตอสูร” มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ดูสักที ซึ่งคนรอบด้านต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันสนุกมากกกกกกก” “ห้ามพลาดดดดด” พอโดนกล่อมหูบ่อย ๆ ก็เริ่มเคลิ้ม เมื่อประจวบเหมาะกับช่วงที่ดูซีรีส์เรื่องนึงจบ เลยมาต่อที่อนิเมะเรื่องนี้

แล้วก็คิดไม่ผิดจริง ๆ เพราะ “มันสนุกมากกกกกกก” อย่างที่เขาอวยกันจริง ๆ นั่นแหละ เลยอยากมาบันทึกความประทับใจเก็บไว้เผื่ออ่านทวนตอนซีซั่นใหม่มา

Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba สร้างมาจากมังงะ (ที่เรายังไม่ได้อ่าน เลยไม่สามารถเปรียบเทียบได้) เล่าเรื่องของตัวเอกอย่าง “ทันจิโร่” เด็กหนุ่มจิตใจดีที่สู้ชีวิตด้วยการขายถ่านเพื่อเลี้ยงครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งเขากลับมาเจอแม่และน้อง ๆ ถูกอสูรฆ่าอย่างโหดเหี้ยม มีเพียง “เนซึโกะ” น้องสาวคนโตเท่านั้นที่รอดชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นเนซึโกะก็ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นอสูรกระหายเลือดมนุษย์ไปซะแล้ว ด้วยแรงแค้นบวกกับเป้าหมายในการช่วยให้เนซึโกะกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ทันจิโร่จึงตัดสินใจฝึกฝนตัวเองเป็นนักดาบ และเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูร ซึ่งมีหน้าที่กำจัดเหล่าอสูรกระหายเลือดที่กระจายตัวอยู่ทั่วญี่ปุ่น และมีเป้าหมายสูงสุดคือกำจัด “คิบุตสึจิ มุซัน” ประมุกข์ของเหล่าอสูร ผู้มีอำนาจสูงสุด

ภาพรวมของอนิเมะ

เซ็ตติ้งของอนิเมะจะเป็นญี่ปุ่นในยุคไทโช (ช่วงปี ค.ศ. 1912-1926) บรรยากาศก็จะมีความเป็นญี่ปุ่นแบบย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็นฉาก การแต่งตัว ดนตรีประกอบ แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตาของอสูร อาวุธที่ใช้ฆ่าอสูรก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาไปมากกว่าดาบเล่มหนึ่ง (บางคนอาจจะมีสองเล่ม) และการสื่อสารก็ทำด้วยการส่งข้อความผ่านอีกา…ที่พูดได้ (เอาล่ะ เริ่มล้ำ)

โดยช่วงที่เราดูนั้น เราได้ไล่ดูตั้งแต่ Season 1-4 เลย ความสนุกจึงค่อนข้างต่อเนื่อง โดยแต่ละตอนก็จะมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 25 นาที ก็ความยาวปกติของอนิเมะตอนนึงนั่นแหละ ซึ่งด้วยความที่เนื้อเรื่องนั้นกระชับและเข้มข้นมาก จะรู้สึกได้เลยว่าตอนนึงจบไวมาก และมักจะตัดจบตอนที่เข้าด้ายเข้าเข็มสุด ๆ พอดี แบบกำลังจะตวัดดาบหั่นคออสูรงี้ ไม่แปลกใจหากใครจะเผลอกดดูตอนต่อไปเรื่อย ๆ แบบน็อนสต็อป

และแน่นอนว่าเมื่อเป็นอนิเมะสายบู๊ ฉากแอ็กชั่นต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาแบบไม่หยุดหย่อน บางฉากถึงกับดูไม่ทันก็มีเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก 555 และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ “ความเว่อร์” ที่ตัวละครมนุษย์ธรรมดา ๆ ยิ่งดำเนินเรื่องไปก็เริ่มจะมีคุณสมบัติเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นทุกวัน อีกนิดจะบินได้ละ ซึ่งเอาเข้าจริงก็เป็นเรื่องปกติของอนิเมะอยู่แล้ว ไม่ได้ติดอะไร

อีกสิ่งที่ต้องเมนชั่นถึงก็คือ “ความโหด” ของภาพ โดยงานภาพของ Demon Slayer ก็ไม่ได้น่ารักเหมือนหน้าตาตัวละคร เพราะภาพมีทั้งความรุนแรงหลากหลายแบบ ตั้งแต่ฉากศพเลือดท่วม ไปจนถึงฉากตัดคอ แทงร่างกันแบบจะ ๆ ฉะนั้นเรื่องนี้อาจจะเหมาะสำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย กับคนที่จิตแข็งรับชมภาพความรุนแรงได้

ตัวละคร

“ทันจิโร่” พระเอกของเราเป็นเด็กหนุ่มที่จิตใจดีมาก และเป็นคนที่ positive สุด ๆ แม้จะกำลังเจอเรื่องแย่ ๆ หรือโดนใครทำตัว asshole ใส่ก็ตาม คือเป็นคนที่แบบอยากได้เป็นเพื่อนเลยอะ

อีกหนึ่งคุณสมบัติของทันจิโร่ที่น่ายกย่องคือความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มเปี่ยม วางเป้าหมายอะไรไว้ก็ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ นั่นทำให้ทันจิโร่ฝึกฝนอย่างแข็งขัน เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกตอนทุกซีซั่น รวมถึงไหวพริบที่เฉียบคมในสถานการณ์คับขัน ทำให้เราเชื่อจริง ๆ ว่ายังไงตัวละครนี้ก็ต้องเอาชนะอุปสรรคที่ยากขึ้นทุกวัน ๆ ได้

ทันจิโร่มักจะปรากฏกายคู่พร้อม “เนซึโกะ” น้องสาวที่กลายร่างเป็นอสูร แต่เป็นอสูรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั่นคือยังสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้กินเลือดมนุษย์ได้ และกลายเป็นพันธมิตรคู่ทันจิโร่ในการปราบอสูรตัวอื่น ๆ จุดแข็งของเนซึโกะมาเติมเต็มจุดด้อยของทันจิโร่ที่เป็นมนุษย์ได้พอดี เพราะพอเนซึโกะเป็นอสูรก็มีความถึกขึ้น วูบไหนที่ทันจิโร่เริ่มจะร่อแร่ เนซึโกะก็จะเข้ามาช่วยได้ทันการณ์ เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเนซึโกะ ทันจิโร่อาจจะม่องเท่งในหลาย ๆ ซีนไปแล้ว

นอกจากเนซึโกะแล้ว ก็มีเพื่อนซี้อีก 2 คนของทันจิโร่ที่มีบุคลิกโดดเด่น คนแรกคือ “เซ็นอิตสึ” เด็กหนุ่มผู้มีผมเหลืองส้มโดดเด่นเตะตา เป็นคนขี้กลัวที่ดูเหมือนจะพึ่งพาไม่ได้และไม่เอาไหน เก่งแต่หลีสาว แต่จริง ๆ ก็คือแอบเก็บซ่อนไม้เด็ดเวลาต่อสู้เอาไว้ อีกคนคือ “อิโนะสุเกะ” เด็กหนุ่มหุ่นกำยำผู้สวมหัวหมูป่าเอาไว้เพื่อปิดบังใบหน้าแสนสวยราวเด็กผู้หญิง เป็นตัวละครที่บ้าพลังและขี้โหวกเหวกโวยวาย ท้าตีท้าต่อยชาวบ้านไปทั่ว สวนทางกับหน้าตาสุด ๆ (คิดถูกมากที่ให้สวมหัวหมูป่า) แวบแรกเรารำคาญนะแต่ดูไปดูมาก็เอ็นดูความซึนและความมั่นใจเกินร้อยของนางจนได้

ทั้งทันจิโร่ เนซึโกะ เซ็ตอิตสึ และอิโนะสุเกะ ถือได้ว่าเป็น dream team ของอนิเมะ ที่สามารถทีมเวิร์กกันได้อย่างดี แต่แม้ว่าจะต้องถูกแยกออกจากกัน แต่ละคนก็สามารถเอาตัวรอดได้

นอกจาก 4 คนนี้ ในแต่ละซีซั่นเราก็จะได้รู้จักกับ “เสาหลัก” แต่ละคนของหน่วยพิฆาตอสูร ซึ่งเสาหลักก็คือกลุ่มนักดาบที่เก่งที่สุดในแต่ละปราณ มาช่วยเสริมกำลังให้กับกลุ่มพระเอกที่จริง ๆ ก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่

ในฝั่งของศัตรู คนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “คิบุตสึจิ” หัวหน้าของเหล่าอสูรทั้งปวง ซึ่งก็มีคาแรคเตอร์ลึกลับ เย็นชา ฆ่าได้แบบเลือดเย็น และด้วยรูปลักษณ์ของตัวละครที่มีความเป็นหนุ่มรูปงามมาดขรึม ไม่ได้ดูน่าเกลียดเหมือนอสูรตัวอื่น ๆ มันก็ยิ่งขับให้อสูรผู้นี้ดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก

ซีซั่น 1-4

เริ่มที่ซีซั่น 1 สำหรับซีซั่นนี้จะมีจำนวนตอนเยอะที่สุด เป็นซีซั่นปฐมบทที่เน้นเล่าเรื่องปมชีวิตและการเติบโตของทันจิโร่ จากตอนแรกเป็นเด็กหนุ่มผู้ยังไม่ประสีประสากับการเป็นนักดาบ แต่ด้วยไหวพริบที่ดีและความสามารถในการจำแนกกลิ่น บวกรวมกับความมุ่งมั่นล้นปรี่ ก็ทำให้ทันจิโร่สามารถเอาชนะอสูรได้หลายตัว หลายซีนอาจจะเว่อร์ไปบ้าง แต่อนิเมะก็ทำให้เราเชื่อได้แหละว่าทันจิโร่มันทำได้จริง ๆ

ต่อที่ซีซั่น 2 เซ็ตติ้งจะอยู่บนรถไฟ แก๊งของทันจิโร่มาเสริมทัพให้ “เร็นโคกุ” ชายหนุ่มสีผมจัดจ้านผู้เป็นเสาหลักเพลิง มีบุคลิกโผงผางกระตือรือร้น คึกเหมือนกินเอ็มร้อยห้าสิบตลอดเวลา ซึ่งซีซั่นนี้เหล่าตัวเอกจะได้ต่อสู้กับหนึ่งในอสูรชั้นเอกอย่าง 12 อสูรจันทราเป็นครั้งแรก เป็นซีซั่นที่ตอนจบอาจจะทำให้น้ำตาซึมได้เลย (ป.ล. ซีซั่นนี้มีเวอร์ชั่นหนังยาวด้วย เผื่อใครอยากดูยาว ๆ ไม่ต้องกดเปลี่ยนตอน)

ซีซั่น 3 เซ็ตติ้งจะย้ายมาอยู่ที่ย่านเริงรมย์ ซึ่งแก๊งทันจิโร่ก็เสริมทัพเสาหลักอีกตามเคย โดยรอบนี้เป็นเสาหลักเสียงอย่าง “อุซุย” นินจาหนุ่มหล่อกล้ามบึ้กที่โปรดปรานความฉูดฉาด ซีซั่นนี้จะได้เห็นหน้าสวย ๆ ของน้องอิโนะสุเกะมากขึ้นเพราะต้องปลอมตัวเป็นหญิง ส่วนศัตรูนั้นฉกาจขึ้นมากเพราะเป็นหนึ่งในอสูรข้างขึ้น ถือเป็นกลุ่มอสูรสุดแกร่งของ 12 อสูรจันทรา การต่อสู้มีความลุ้นดุเดือดขึ้นมากชนิดที่เดาแทบไม่ออกเลยว่าจะเอาชนะอสูรได้ยังไง

สุดท้าย ซีซั่น 4 ซึ่งยังไม่ใช่ซีซั่นสุดท้ายนะ ซีซั่นนี้โลเคชั่นจะไปอยู่ที่หมู่บ้านช่างตีดาบ สถานที่ที่ทันจิโร่ไปรับดาบใหม่ ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลับเพราะต้องกันไม่ให้อสูรรู้ แต่สุดท้ายอสูรข้างขึ้นก็หาเจอจนได้และยังขนมาพร้อมกันถึง 2 ตัว ในซีซั่นนี้ทันจิโร่ฉายเดี่ยวโดยไม่มีอิโนะสุเกะกับเซ็นอิตสึ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะมีเสาหลัก 2 คนมาช่วยเสริมกำลัง นั่นคือ “มุอิจิโร่” เด็กหนุ่มผมยาวมาดนิ่ง ผู้เป็นเสาหลักหมอก กับ “คันโรจิ” สาวสวยผมชมพูเขียว สเป็กหนุ่มทั่วอาณาจักร ผู้เป็นเสาหลักความรัก ซึ่งซีซั่นนี้ก็เข้มข้นขึ้นอีกเพราะศัตรูโหดขึ้นอีกมาก แต่ตอนจบก็มีความฟีลกู๊ด และเซอร์ไพรส์ทั่วกันเมื่อเนซึโกะรอดชีวิตจากการอาบแสงอาทิตย์ที่เป็นพิษต่ออสูร แถมยังกลับมาพูดได้ด้วยแม้จะอ้อแอ้ ๆ พอคิบุตสึจิรู้เช่นนี้ จึงมีเป้าหมายจะตามล่าเนซึโกะ โดยหวังว่าตัวเขาเองจะได้มีชีวิตที่อมตะ ไม่ตายจากการโดนแสงอาทิตย์ เป็นการปูทางถึงซีซั่นถัดไป

พลังใจสำคัญไม่แพ้พลังกาย

ถ้าถามถึง message หลักของอนิเมะเรื่องนี้ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของพลัง นอกจากพลังกายที่เหล่านักดาบมีมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือพลังใจที่ไม่หมดหวัง ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าอุปสรรคตรงหน้าจะฟ้าถล่มดินทลายเหลือเกิน

หลายครั้งเราจะเห็นว่าเหล่านักดาบต้องสู้จนร่างกายแทบจะเหลวแหลก สภาพเหมือนใกล้จะตายอยู่รอมร่อ แต่ด้วยแรงอึดแรงใจ ความอยากเอาชนะที่พรั่งพรูนั้น ก็ทำให้เหล่านักดาบสามารถฮึบพลังแล้วสู้กลับได้ทุกครั้งไป ซึ่งถ้านักดาบยอมแพ้ หมดใจที่จะสู้ ก็คงไม่พ้นโดนอสูรงาบแน่นอน

โอเคว่ามันก็เว่อร์แหละ บางเคสนิ้วหัก แขนขาด ขากะเผลก ยังจะสู้ได้เหมือนร่างกายปกติเพิ่งตื่นนอน โคตรขี้โม้ 555 แต่เราคิดว่า ก็ไม่ควรมองข้ามเมสเสจที่แฝงอยู่ในซีนเหล่านี้ ซึ่งก็เป็นอะไรที่เราสามารถหยิบมาเป็นข้อคิดปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ แม้ว่าอุปสรรคในชีวิตเราจะไม่ได้เว่อร์วังเหมือนในอนิเมะก็ตาม

โดยสรุป

แนะนำเลยสำหรับใครที่ชอบอนิเมะสาย action/fantasy อยากดูอะไรที่สนุก ดำเนินเรื่องเร็ว เข้มข้น เราคิดว่าตอบโจทย์นะ ดูแล้วอาจจะเกิดความฮึกเหิมอยากฝึกอยากพัฒนาสกิลตัวเองให้สุดเหมือนตัวละครในเรื่องเลย : )

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑