รีวิวหนังสือ Wabi Sabi (2018) แด่ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต

เมื่อเราอายุมากถึงจุดนึง เราจะค้นพบว่าโลกนี้ไม่มีความสมบูรณ์แบบ

แม้กระทั่งคนที่เราคิดว่าเขาดูดี เขาก็ยังคิดว่าตัวเองบกพร่อง หรือคนที่เราคิดว่าเขาเก่ง ตัวเขาเองกลับบอกว่ายังต้องเรียนรู้อีกมาก

มันทำให้เราตระหนักได้ว่า “ความสมบูรณ์แบบ” ที่ใคร ๆ ต่างก็อ้างอิงถึงนั้น มันก็แค่การตัดสินจากสายตาของใครคนใดคนหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ต้องไปยึดติดตาม

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราก็สามารถปล่อยวางหลายสิ่งหลายอย่างที่แสนจะยิบย่อยได้ ปล่อยวางความเครียดที่ไม่จำเป็น

ประสบการณ์ชีวิตจะสอนเราแบบนั้น แต่ถ้าใครยังไม่ถึงจุดนั้น ก็สามารถลองหาอ่านจากหนังสือได้ อย่าง “วะบิ ซะบิ แด่ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต” ของ สนพ. Being เขียนโดยคุณ Beth Kempton นั้นก็เป็นเล่มนึงที่เราได้อ่าน แล้วคิดว่ามันสามารถปลอบประโลมรวมถึงให้แรงบันดาลใจได้ดี

คุณเบทนั้นเคยพำนักและทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นหลายปี จนถือได้ว่าญี่ปุ่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองไปแล้ว ประสบการณ์การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นสอนให้เธอได้เข้าใจวิถีชีวิตที่แสนจะลุ่มลึกและมีความหมาย ทั้งหมดทั้งมวลตกผลึกออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ ที่ซึ่งเธอได้รวบรวมเกร็ดแนวคิด “วะบิ ซะบิ” จากผู้คนที่เธอได้พบเจอ จากสถานที่ที่เธอได้ไปเยือน และจากวันเวลาที่ผันผ่านไป

นิยามของวะบิ ซะบิ

หนังสือพาเราย้อนไปถึงจุดกำเนิดของวะบิ ซะบิ รวมถึงแกะคำนิยามของมันออกมา สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อถามคนญี่ปุ่นว่า วะบิ ซะบิ หมายความว่าอะไร พวกเขามักจะไม่สามารถอธิบายออกมาได้ชัดเจน บอกเพียงว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แอบแฝงอยู่ตามชั่วขณะต่าง ๆ

…ฟังดูแล้ว abstract มาก ยิ่งบอกว่า “ถ้าได้สัมผัสแล้วจะรับรู้เอง” ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนวะบิ ซะบิ เป็นสมาคมลับที่ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าได้

ถ้าอย่างนั้น เราอาจจะลองมาถอดนิยามจากตัวคำศัพท์ของมันเองก่อน

เริ่มจาก “วะบิ” สื่อถึงการมองหาความงามในความเรียบง่าย เป็นความสงบเมื่อเราไม่ยึดติดกับวัตถุทางโลก ส่วน “ซะบิ” คือความงามที่เกี่ยวพันกับกาลเวลาที่ล่วงเลยไป ทุกสิ่งล้วนย่อมต้องเสื่อมสลายเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อนำมารวมกัน “วะบิ ซะบิ” จะหมายถึง “ความงามที่แท้จริง” กล่าวคือ เป็นความงามตามธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ไม่เสแสร้ง ไม่สมบูรณ์แบบ

ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะประสบพบเจอวะบิ ซะบิ ในโมงยามที่ต่างกันออกไป นั่นเพราะแต่ละคนมีประสบการณ์และการรับรู้ที่ต่างกัน ชั่ววูบที่เราเจอวะบิ ซะบิ เพื่อนของเราอาจจะไม่เจอก็ได้

ถ้าให้เราอธิบายในภาษาของเรา เราคิดว่ามันคือชั่วขณะหนึ่งที่เราอยู่กับปัจจุบันโดยแท้จริง ซึมซับมัน รู้สึกอิ่มเอมกับมันอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าชั่วขณะนี้ย่อมต้องผ่านไป

ซึ่งอาจจะเป็นโมเม้นต์ง่าย ๆ อย่างการจิบกาแฟอ่านหนังสือเล่มโปรด การมองดูดาว การชมดอกไม้ การชงชา หรือการใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานก็ได้

เมื่อเราตระหนักรู้ว่าทุกสรรพสิ่งนั้นล้วนไม่เที่ยง ไม่เสร็จสิ้น และไม่สมบูรณ์ เราจะสามารถเปิดใจยอมรับมันได้ง่ายขึ้น ลดความทุกข์ที่เกิดจากการคาดหวัง

ดูไปดูมาแล้ว วะบิ ซะบิ ก็มีความเชื่อมโยงกับหลักคำสอนของศาสนาพุทธ อันว่าด้วยความไม่จีรังยั่งยืนของทุกสิ่งอยู่เหมือนกัน

วะบิ ซะบิ กับแง่มุมต่าง ๆ ในชีวิต

หนังสือพาเราผจญภัยในโลกของวะบิ ซะบิ ตามแกนต่าง ๆ ของชีวิต เช่น การจัดบ้าน การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ การทำงาน การรักษาความสัมพันธ์

วะบิ ซะบิ สามารถแฝงเข้าไปในชีวิตประจำวันของเราได้ เมื่อเราเห็นความเรียบง่ายเป็นของขวัญจากชีวิต เห็นความไม่สมบูรณ์แบบเป็นเรื่องธรรมชาติ เห็นกาลเวลาที่ล่วงผ่านเป็นสิ่งจริงแท้

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา การโหยหาอดีตไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น สิ่งสำคัญคือปัจจุบันที่จะกำหนดช่วงเวลาต่อจากนี้

วะบิ ซะบิ สอนให้เรายอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ความสุขจะมีได้เมื่อเราพอใจในสิ่งที่เรามี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ทะเยอทะยาน หรือใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยอมแพ้นะ เพียงแต่ว่าเราต้องรู้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ไม่ใช่ทำเพราะความคาดหวังจากคนอื่น และไม่ได้หมายความว่าให้เราปล่อยชีวิตไปตามมีตามเกิด แต่ให้เรายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริง แล้วนำมาพิจารณาว่าเราจะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่มัวแต่จมจ่อมและฟูมฟาย

ในแง่ของการงาน วะบิ ซะบิ ก็ให้แง่คิดว่า แทนที่เราจะมัวไล่ตามหางานที่เพอร์เฟ็กต์ (ซึ่งไม่มีอยู่จริง) จะดีกว่ามั้ยถ้าเราค่อย ๆ ลองนู่นลองนี่ที่อยากทำ ค่อย ๆ เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ดื่มด่ำกับการเติบโตระหว่างทาง ดีกว่าไปรอเส้นชัยที่ไม่รู้ว่าจะมีความสุขจริง ๆ รึเปล่า ให้เราระลึกไว้ว่าแม้เราจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เรา “สมบูรณ์พร้อม” ที่จะเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ

ความสมบูรณ์แบบและความสมบูรณ์พร้อมนั้นต่างกัน ความสมบูรณ์แบบคือสภาวะที่ทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์ ไม่มีจุดตำหนิ หรือก็คือสภาวะหยุดนิ่ง (เพราะถ้าเพอร์เฟ็กต์แล้วก็คงไม่ต้องเปลี่ยนอะไร) แต่ความสมบูรณ์พร้อมคือการตระหนักรู้ว่าเออเราไม่สมบูรณ์แบบนะ แต่เรามีทุกสิ่งที่เราจำเป็นในการจะทำสิ่งต่าง ๆ แล้ว

ในแง่ของความสัมพันธ์ วะบิ ซะบิ ช่วยทะนุถนอมด้วยการให้เราตระหนักถึงความไม่สมบูรณ์แบบของแต่ละคน ไม่มีใครที่สามารถทำทุกอย่างได้ถูกใจเรา 100% หรอก และเมื่อเราลดความคาดหวังนั้น เราก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ลดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นลง

ภาพรวมของหนังสือ

“วะบิ ซะบิ แด่ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต” ในแต่ละบท คุณเบทจะพาเราไปสัมผัสเศษเสี้ยวประสบการณ์ที่เธอได้พบโดยตรง เสมือนเราได้ไปเดินเคียงข้างเธอด้วย ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับภาษาสละสลวยและบทบรรยายที่ทำให้เห็นภาพ (ภาษาแปลโดยคุณวุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ) เป็นอีกหนึ่งความรื่นรมย์จากหนังสือเล่มนี้เลย

บทแรก ๆ ของหนังสืออาจจะเคี้ยวยากหน่อย เพราะมีความ abstract และเน้นเป็นเชิงแนวคิดมากกว่าปฏิบัติจริง รวมถึงเรื่องแต่งบ้านที่เราไม่ค่อยอินเท่าไร แต่พอบทหลัง ๆ เริ่มชอบแล้วเพราะรู้สึกว่าเชื่อมโยงกับหนังสือหลายเล่มที่เคยอ่าน และเริ่มเห็นว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ยังไง

สำหรับใครที่รู้สึกเครียดกับชีวิตที่ไม่เป็นไปดังใจ อยากหาความสุขแบบง่าย ๆ บ้าง วะบิ ซะบิ ก็เป็นอีกหนึ่งปรัชญาที่แนะนำให้ลองมาทำความรู้จักกันค่ะ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑