“I’m certain I was never meant to marry. I’m a confirmed bachelor.”
นี่คือหนึ่งในประโยคแรกๆ จากตัวอย่างหนังที่ Netflix ตัดมา ที่เราได้ยินจาก “เรย์โนลด์” พระเอกของเรื่อง
สำหรับคนที่ไม่คิดจะแต่งงานอย่างเราแล้ว เรารู้สึกเชื่อมต่อกับตัวละครนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มดูหนังด้วยซ้ำ นั่นทำให้เราเริ่มสนใจอยากดูเนื้อหนังเต็มๆ อยากรู้ว่า หนังรักปนดราม่าอย่าง Phantom Thread จะเล่นกับประเด็นและตัวละครนี้ยังไง
มีสปอยล์
Phantom Thread เล่าเรื่องในช่วงปี 1950 พระเอกคือเรย์โนลด์ (Daniel Day-Lewis) ชายสูงวัยผู้เป็นช่างตัดเสื้อของห้องเสื้อสุดหรูนามว่า Woodcock ที่ซึ่งมีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นมาใช้บริการ เขาเป็นคนทุ่มเทกับการทำงานมากจนแทบจะตัดขาดความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ มีเพียงพี่สาวอย่างซีริล (Lesley Manville) เท่านั้นที่เป็นเสมือนผู้จัดการที่ช่วยดูแลธุรกิจอีกที
วันหนึ่ง เรย์โนลด์เจออัลมา (Vicky Krieps) หญิงสาวแรกรุ่นซึ่งทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ เขาถูกใจรูปร่างหน้าตาของเธอ จึงดึงเธอเข้ามาในความสัมพันธ์อันแสนจะคลุมเครือ เริ่มต้นด้วยการให้อัลมาเป็นแบบให้กับชุดเดรสของเขา คอยประกบเขาในการเข้างานสังคมต่างๆ ทางด้านอัลมาเอง จากผู้หญิงธรรมดาๆ ได้มาอยู่ในแวดวงไฮโซ มีเสื้อผ้าหรูหรา และได้รับความใกล้ชิดจากเรย์โนลด์ เธอก็ตกหลุมรักเขา อยากดูแล แต่ดูเหมือนว่าเรย์โนลด์จะไม่ตอบรับรักของเธอมากเท่าที่ควร เขายังคงยึดตัวเองและงานเป็นที่มั่น จนกระทั่งสุดท้ายอัลมาต้องงัดไม้เด็ดที่ชวนให้ตะลึง เป็นทีเด็ดที่จะทำให้เรย์โนลด์อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
หรือแท้จริงแล้ว เขาจะเหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่า?
อย่างที่บอกไปข้างต้น เรารู้สึกเชื่อมโยงกับเรย์โนลด์ในหลายๆ ด้าน เรื่องแรกเลยคือการที่เขายึดมั่นว่าไม่อยากแต่งงาน
ตอนแรกๆ เราก็ยังไม่ได้รู้สึกว่า เขาเป็นคนที่มีบุคลิกส่งให้กับการอยู่คนเดียว แวบแรกก็ยังรู้สึกว่าเป็นเพียงชายแก่สุดเนี้ยบที่รักความมีระเบียบ ความเป็นกิจวัตร และทุ่มเทให้กับงานมากๆ อาจจะแค่บอกว่า “ไม่อยากแต่งงาน” ก็เพื่อความเท่ เพื่อให้ดูแข็งแกร่ง
เปล่าเลย… เมื่อได้รู้จักกันไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มได้เห็นนิสัยของเรย์โนลด์มากขึ้น เขาไม่ชอบให้มีการขัดจังหวะมื้อเช้าของเขา ไม่ชอบให้ใครมายุ่งระหว่างการตั้งสมาธิทำงาน ไม่ชอบการตามใจคนอื่น พูดจาไม่รักษาน้ำใจ และไม่รับฟังความคิดเห็นของใครหน้าไหนทั้งสิ้น
เรย์โนลด์เป็นคนที่ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Self-Centered) อย่างแท้จริง เขาสนใจแค่ว่าตัวเขาจะได้อะไร และต้องการให้คนอื่นๆ มอบสิ่งนั้นแก่เขา สังเกตได้ว่าเขาจะชื่นชมอัลมาก็ต่อเมื่อเธอทำอะไรที่ให้ผลประโยชน์กับเขาเท่านั้น
ในขณะที่ตัวเรย์โนลด์เอง ไม่อยากจะแชร์ช่วงเวลาของตัวเองกับใคร ไม่อยากที่จะยอมเสียสละนิดหน่อยเพื่อให้คนอื่นมีความสุข ราวกับว่าทุกๆ อย่างต้องโคจรอยู่รอบตัวเขาเท่านั้น แม้กระทั่งตอนที่เขาใช้ชีวิตกับอัลมาแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมตามใจเธอด้วยการไปเต้นรำด้วยกัน ซีนนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเขาช่างไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตคู่ซะเลย
มีเพียงช่วงเวลาเดียวที่เขายอมลดปราการลง นั่นก็คือตอนที่เขาป่วย เรย์โนลด์จะอ่อนไหวเป็นพิเศษ และจะรู้สึกเป็นพิเศษกับใครก็ตามที่ดูแลเขาในช่วงนี้ ซึ่งอัลมา นางเอกของเรารู้ทัน จึงใช้จุดนี้เล่นงานเรย์โนลด์ซะ ทำให้ป่วยบ่อยๆ จะได้พึ่งพาเธอบ่อยๆ
อ่านแบบนี้แล้ว ก็จะรู้สึกว่าเรย์โนลด์ไม่ใช่ตัวละครที่น่าอภิรมย์นัก น่าจะเป็นพวกที่ทำให้เราดูไปด่าไป ซึ่งก็จริงตามนั้น เพราะหลายๆ ช่วงของหนังเราก็หัวเสียกับตัวละครนี้เหมือนกัน แล้วทำไมเราถึงบอกว่าเรารู้สึกเข้าถึงตัวละครนี้?
จะว่าเข้าถึงทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะเรย์โนลด์เข้าขั้น Extreme เราเพียงแค่เข้าใจเศษเสี้ยวความรู้สึกของเขา เราเข้าใจการรักตัวเอง การไม่อยากยอมสูญเสียเวลาของตัวเองเพื่อไปเอนเตอร์เทนใคร อีกทั้งไม่อยากจะไปคอยพยุงหรือคอยแคร์ความรู้สึกคนอื่นว่าเขาจะรู้สึกยังไง ต้องคอยตามปลอบตามอ้อนตามเอาใจหรือเปล่า คิดแค่นี้คนรักตัวเองอย่างเราก็เหนื่อยแล้ว เราไม่อยากจะเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบนั้น ถ้าเราอยากอยู่บ้านแล้วเขาอยากไปเที่ยว เราก็ควรมีสิทธิ์ได้อยู่บ้าน เราควรได้ทำสิ่งที่อยากทำสิ
ถามว่าการคิดแบบนี้มันผิดมั้ย อันที่จริงมันก็ไม่ผิด และมันก็เป็นเรื่องดีที่เราจะรักตัวเอง แต่เราคิดว่า ในบริบทของการใช้ชีวิตคู่ มันเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะชีวิตคู่ก็ตามชื่อของมัน คือมีกันเป็นคู่ ฉะนั้นบางทีมันก็ต้องยอมลดปราการของตัวเอง ได้อย่างเสียอย่างกันบ้าง เพื่อให้ความสุของค์รวมของทั้งคู่เพิ่มพูนขึ้น ถ้าคิดจะใช้ชีวิตคู่ ก็ต้องยอมรับว่าเราอาจจะไม่สามารถตามใจตัวเองได้เสมอไป และไม่ใช่ว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายได้รับความรักอยู่เพียงคนเดียว เราเองต้องเป็นฝ่ายมอบให้ด้วยเช่นกัน
จนถึงกระทั่งตอนท้าย เราว่าเรย์โนลด์ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งนี้ เขาแค่อยากได้คนดูแลเอาใจใส่ คนที่จะอยู่ในการควบคุมของเขา ถึงแม้ตอนสุดท้ายเขาจะเสียท่าให้กับอัลมาบ้าง แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะพบเจอความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดที่สามารถพยุงชีวิตคู่ต่อไปด้วยกันได้
และสุดท้ายเราก็ยังยืนยันว่าเรย์โนลด์ไม่ใช่คนที่เหมาะจะใช้ชีวิตคู่ ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สมควรมีคนที่คอยรักคอยเอาใจใส่เขา เราว่าลึกๆ แล้วเรย์โนลด์ก็ต้องการคนรัก เพียงแต่เขาแค่ไม่ต้องการเป็นฝ่ายให้ ก็เท่านั้น
หรือแท้จริงแล้ว เขาไม่ใช่คนบงการ แต่เป็นเธอ?
เรย์โนลด์เป็นผู้ชายที่ไม่ชอบการเซอร์ไพรส์ ไม่ชอบอะไรที่คาดเดาไม่ได้ เขาต้องการให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือความสัมพันธ์
ในการทำงาน เขาเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าที่สวยงาม ผู้หญิงแทบทุกคนใฝ่ฝันอยากจะสวมใส่เสื้อผ้าของ Woodcock ดูสักครั้ง กระทั่งเชื้อพระวงศ์ยังมาใช้บริการ ทำให้เห็นเลยว่าการงานของเขารุ่งเรืองแค่ไหน ก็คงไม่แปลกที่เขาจะมีอีโก้สูงติดเพดานขนาดนี้
ในฟากฝั่งของความสัมพันธ์ เขาก็ต้องการเป็นฝ่ายควบคุม เขาดึงอัลมาเข้ามาเป็นแบบลองเสื้อ ปฏิบัติราวกับเธอเป็นเพียงวัตถุไร้จิตใจ คิดจะทิ้งจะขว้างยังไงก็ได้ ไม่ได้สนใจความรู้สึกอีกฝ่าย เขาคิดแค่ว่าคนอื่นจะให้ผลประโยชน์กับเขายังไงบ้าง ไม่ใช่แค่อัลมาเท่านั้น แต่ลูกจ้างคนอื่นๆ ก็โดนเขาทรีตแบบไม่ค่อยจะดีเท่าไร เห็นจะมีเพียงซีริล พี่สาวของเขาเท่านั้นที่เอาเขาอยู่หมัด
แต่แล้วเรื่องก็พลิกผัน เมื่ออัลมาค้นพบว่าเวลาป่วย เรย์โนลด์จะอ่อนโยนและเปิดใจมากเป็นพิเศษ ชีวิตติดสปีดของเขาจะเริ่มช้าลง ให้เธอพอตามทัน ให้เธอพอมีเวลาเอาอกเอาใจดูแลเขาได้ ด้วยเหตุนี้ อัลมาจึงใช้กลวิธี นำเห็ดพิษผสมเข้าไปในอาหาร วางยาเรย์โนลด์ให้ป่วยบ้างเป็นบางเวลา เพื่อที่เธอจะได้เข้าถึงตัวเขา ไม่ใช่เป็นเพียงตัวประกอบในชีวิตเขาที่กลืนไปกับคนอื่นๆ
เวลาที่ป่วย เรย์โนลด์จึงรู้สึกว่ามีเพียงอัลมาเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขา เป็นคนเดียวที่เข้าใจเขา เขาจึงหลงรักเธอไปโดยปริยาย และแม้ว่าสุดท้ายเขาเหมือนจะรู้เท่าทัน แต่เขาก็ยอม น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขายอมทำอะไรสักอย่างเพื่อแลกกับความรัก
หากเป็นหญิงสาวคนอื่นๆ เจอความร้ายกาจไม่แคร์โลกของเรย์โนลด์เข้าไป ก็คงสะบัดบ๊อบหนีไปแล้ว แต่อัลมานั้นเธออึดถึกทน เธอรักเขามากพอที่จะฝ่าทะลุกำแพงที่แน่นหนาที่สุดของเรย์โนลด์ไป จับจุดอ่อนของเขาแล้วงัดมันขึ้นมาควบคุมเขาซะเอง สุดท้ายแล้ว เรย์โนลด์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวที่ดูไม่ประสีประสา แต่ซ่อนความดาร์กไว้ในจิตใจ
หรือแท้จริงแล้ว เขาก็โดดเดี่ยวและน่าสงสาร?
จริงๆ เรย์โนลด์มีชีวิตที่ค่อนข้างสุดโต่งในทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง ต้อนรับแขกเหรื่อไม่เว้นวัน มีชื่อเสียงโด่งดัง ใครๆ ก็ให้ความนับถือ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาคือชายแก่ที่แทบไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขาเลยนอกจากพี่สาว และต่อมาก็คืออัลมา เวลามีแฟชั่นโชว์เขาก็ทำได้เพียงมองความสำเร็จของตัวเองอยู่ห่างๆ เวลานอกงานเขาก็แทบจะไม่มีเพื่อนจริงๆ ให้พบปะสังสรรค์ ส่วนใหญ่ก็มีแต่งานสังคมที่เขาไม่ชอบ
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเขาทำตัวเอง เขาปิดกั้นความเอาใจใส่ต่างๆ ที่ถูกมอบให้ แม้ว่ามันจะมาจากคนที่เขารักก็ตาม ถ้าใครเจอคนตั้งกำแพงใส่บ่อยๆ ก็คงไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยเท่าไรใช่มั้ยล่ะ อีกทั้งบุคลิกท่าทางของเรย์โนลด์ก็ไม่ได้มีความชวนให้อยากพูดคุยด้วย เพราะเดี๋ยวปู่แกก็หงุดหงิดเหวี่ยงเป็นว่าเล่น เดี๋ยวก็มองโลกในแง่ร้าย ถ้าไม่รักจริงก็คงไม่อยากจะปฏิสัมพันธ์ด้วยแน่นอน
สาเหตุหนึ่งที่ปู่แกมีความเหวี่ยงวีนน่าเตะขนาดนี้ อาจจะเพราะต้องการเก็บซ่อนความอ่อนแอลึกๆ ในจิตใจไว้ อย่างที่เราทราบกันในหนัง บางคืนเรย์โนลด์จะฝันเห็นแม่ตัวเองที่ตายไปแล้ว เขาโหยหาอยากเจอเธอ ความสูญเสียนี้น่าจะเป็นความอ่อนแอใหญ่หลวงของเขา เขาพยายามกลบความโหยหาความรักด้วยการทำตัวให้แข็งแกร่ง เพราะเชื่อว่ามันจะบดบังหรือเยียวยาความอ่อนแอนี้ได้
หากมองแบบนี้ ก็นับว่าเรย์โนลด์เป็นอีกคนหนึ่งที่น่าสงสาร ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ได้อยากใช้ชีวิตจอมปลอมไร้ความสุขแบบนี้ แต่เขาเองก็คงไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่าตัวเองเผลอมีอุปนิสัยแบบนี้ออกมา และคิดว่าตัวเองนั้นปกติดี
Phantom Thread เป็นหนังรักจุกๆ ที่เผยด้านมืดของความรักออกมา
ในขณะที่คนโสดอาจจะดูแล้วเข้าถึงเรย์โนลด์ พร้อมกับบ่นว่าแหมแล้วตอนสุดท้ายก็แต่งงานจนได้ คนมีคู่ดูแล้วอาจจะสะดุ้งไปกับความสัมพันธ์สุดแปลกของพระนาง ที่จะว่ากึ่งๆ ซาดิสต์-มาโซคิสม์ ก็ไม่ผิดนัก แค่ไม่ได้เลือดสาด แต่เล่นกับความอ่อนแอทางจิตใจและร่างกายซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้ความสัมพันธ์คงอยู่
จะว่า Phantom Thread จำลองอำนาจการบงการระหว่างชายหญิง ก็อาจเป็นได้ เบื้องต้นของความสัมพันธ์ ผู้ชายอาจจะรู้สึกว่าตัวเองควบคุมฝ่ายหญิงได้หมด แต่หารู้ไม่ว่า ฝ่ายหญิงเขาละเอียดมากพอจึงทำการบ้านมาดี และสุดท้ายก็รู้ว่าควรจัดการผู้ชายด้วยวิธีไหนถึงจะอยู่หมัด ทำให้ความสัมพันธ์ฉันคู่รักดำเนินต่อไปได้ไม่จืดจาง
แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ สำหรับคู่เรย์โนลด์-อัลมา ที่ครองคู่กันมาได้ แต่ตอนจบของหนังก็ทำให้รู้สึกได้ว่า คนคู่นี้น่าจะยังครองรักกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายจากกันไปนั่นละ
ส่วนจะตายเพราะโรคภัยตามธรรมชาติหรือตายเพราะอัลมาวางยา…อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
Leave a Reply