รีวิว Frozen 2 (2019): ราชินีน้ำแข็งปะทะป่าต้องมนตร์ ค้นพบความจริงที่ถูกลืม

Frozen ภาค 2 นี้น่าจะเป็นภาคต่อที่หลายคนรอคอย จาก 6 ปีที่แล้ว (โหเร็วเนอะ) ที่อนิเมชั่น Frozen ภาคแรกฮิตถล่มทลายไปทั่วเมือง พร้อมกับเพลง Let It Go ที่ติดหูไปนาน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอนิเมชั่น Disney ที่ประสบความสำเร็จมากๆ มาภาคนี้ก็ไม่แปลกที่หลายคนจะคาดหวัง

Frozen 2 เริ่มด้วยการเล่าย้อนไปสมัยเอลซ่า (Idina Menzel) กับอันนา (Kristen Bell) ยังเป็นเด็ก พวกเขาได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าต้องมนตร์จากพ่อแม่ ตัดมาปัจจุบัน ชีวิตทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่นหลังเอลซ่าเป็นราชินีแห่งเมืองเอเรนเดลล์ จนกระทั่งเอลซ่าได้ยินเสียงเพรียกปริศนา เธอพยายามตามหาเสียงนั้นจนเผลอไปปลุกจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติทั้งสี่ ทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในเมืองเอเรนเดลล์ ทางเดียวที่จะหยุดยั้งเรื่องร้ายๆ ได้เห็นทีจะต้องไปยังป่าต้องมนตร์ ที่ที่เธอจะได้ค้นพบความจริงของปริศนาหลายๆ อย่าง รวมถึงต้นกำเนิดของเธอเองด้วย

01.jpg

โดยรวมแล้ว ภาคนี้ก็ยังถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ในทุกแง่ ทั้งงานวิชวล 3D เนียนกริบที่ละเอียดมาก หลายๆ อย่างดูเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ผืนน้ำ ใบไม้ เสื้อผ้า ฉากบรรยากาศก็ยังคงความสวยงามไว้ได้ดี อีกสิ่งที่เราชอบคือเป็นพิเศษคือเรื่องราวที่เข้มข้นกว่าเดิม มีผจญภัยมากขึ้น บู๊มากขึ้น และเล่นกับปมปริศนามากขึ้น หลายๆ อย่างที่เราเคยสงสัยในภาคแรก ก็มาเฉลยในภาคนี้แหละ เช่น ทำไมเอลซ่าถึงมีพลังวิเศษ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของทั้งคู่กันแน่? เราชอบเส้นเรื่องการผจญภัยของภาคนี้มาก ชวนลุ้นตลอด ต่างจากภาคแรกที่จะเน้นเรื่องความสัมพันธ์และปมดราม่ามากกว่า จากภาคที่แล้วที่เอลซ่าและอันนาอาจจะไม่ค่อยมีซีนสู้ร่วมกันเท่าไร แต่ภาคนี้เราจะได้เห็นสองพี่น้องร่วมฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันแน่นอน

06.jpg

ภาคนี้เอลซ่าบู๊ขึ้นมากๆ เหมือนเก็บกดมาจากภาคที่แล้วที่ใช้เวทมนตร์ได้ไม่เต็มที่ 555 รอบนี้นางแช่แข็งมันทุกอย่าง ตั้งแต่ไฟป่าไปจนถึงคลื่นทะเล ฉากที่เราชอบมากคือตอนที่เอลซ่าโต้กับทะเลมืด เป็นอะไรยากและโหดจริง เข้าใจเลยว่าทำไมงานนี้เอลซ่าต้องลุยเดี่ยว เพราะเป็นการเดินทางที่ถ้าไม่มีพลังวิเศษคงยากแน่ๆ

04.jpg

ทางฝั่งอันนานั้นภาคนี้เหมือนจะเด่นน้อยลงจากภาคก่อน คงเพราะเอลซ่ามีบทมากขึ้นด้วยแหละ ภารกิจหลักๆ เลยตกเป็นของเอลซ่าซะมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าอันนาจะจางไปเลย เพราะอันนายังคงบทบาทน้องสาวผู้ห่วงใยพี่สาว ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้แน่นแฟ้นขึ้นไปอีก นี่ยังไม่นับซีนเกือบจะหวานกับคริสตอฟ (Jonathan Groff) ซึ่งเป็นแฟนของเธอด้วย เป็นการเบรกความเข้มข้นของหนังได้ดี

อีกคนที่บทมากขึ้นคือมนุษย์หิมะโอลาฟ (Josh Gad) ที่รอบนี้ปล่อยมุกฮามาได้ตลอดทั้งเรื่อง อันที่เราชอบสุดคืออันที่ล้อเลียนภาคก่อนนี่แหละ รั่วไปอีก นอกเหนือไปจากซีนขำๆ ก็มีซีนซึ้งๆ ด้วย

ที่ขาดไม่ได้ของทีมตัวละครเด่นก็คือหนุ่มคริสตอฟและเรนเดียร์คู่ใจอย่างสเวน ที่รอบนี้แม้บทบาทจะไม่ได้เยอะมากมายแต่ก็ตราตรึงด้วยฉากแอบฮาอย่างซีนที่ร้องเพลง Lost in The Woods ซึ่งทำออกมาเลียนแบบเอ็มวีบอยแบนด์ยุค 80-90’s เรียกได้ว่าเป็นฉากที่ควรจะเศร้าแต่กลับกลายเป็นฮาไปซะงั้น นี่คงเป็นความตั้งใจของผู้สร้างแหละ

10.jpg

พูดถึง Frozen ไม่พูดถึงเพลงประกอบก็คงไม่ได้ สำหรับภาคนี้ก็มีเพลงเปิดตัวอย่าง Into The Unknown ซึ่งได้นักร้องโปรดของเราอย่าง Brendon Urie หรือ Panic! at The Disco มาร้องด้วย เซอร์ไพรส์มากไม่นึกว่าจะเจอพี่แกในหนังดิสนีย์ 555 แต่เสียงของเบรนดอนกับเพลงนี้มันเป็นอะไรที่ว้าวมากจริงๆ ใช้พลังมาก ฟังแล้วขนลุกเลย ส่วนเวอร์ชั่นที่เอลซ่าร้องนั้นก็ทำได้ดีมากสมความคาดหวัง แม้จะไม่ได้ติดตรึงตราเท่า Let It Go แต่เราก็ว่าคงมาตรฐานไว้ได้ดี เพลงอื่นๆ ก็เพราะและซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้ เช่น Some Things Never Change ที่ตอกย้ำว่าหลายสิ่งหลายอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่นความรักและอ้อมกอดอุ่นๆ ที่มีให้กัน  หรือ When I’m Older ที่โอลาฟตั้งคำถามถึงความเข้าใจชีวิตได้อย่างน่าเอ็นดู รวมถึงเพลงที่ช่วยบอกเล่าประกอบเรื่องราวได้ดีอย่าง All is Found และ Show Yourself ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน

09.jpg

หนังแอบซ่อนประเด็นที่น่าสนใจ ภาคนี้ตัวละครเจออุปสรรคหลายอย่าง และหลายๆ ครั้งก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง ประโยคเด็ดของหนังคือ Do The Next Right Thing หรือทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นขั้นต่อไป เป็นประโยคที่ดึงสติได้ดีนะเราว่า ในเวลาที่รู้สึกหลงทางและไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ก็ให้ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว และถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไรก่อน ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อน เป็นการอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนั่นละ

โดยรวมแล้ว Frozen 2 เป็นภาคต่อที่ถือว่าไม่น่าผิดหวังสำหรับใครที่เป็นแฟนภาคแรก ก็น่าสมควรมาดูภาค 2 ต่อด้วย เพราะเราจะได้เห็นเอลซ่า อันนา และผองเพื่อนในบริบทที่ต่างออกไปจากภาคแรกมากๆ ระหว่างที่ดูก็อาจจะมีน้ำตาซึมๆ บ้าง อย่างน้อยก็มีเราคนนึงแหละ ไม่ใช่เพราะความเศร้า แต่มันซึ้งและอิ่มใจมากกว่า เชื่อว่าถ้าใครได้ดูก็น่าจะได้ความรู้สึกดีๆ ติดตัวกลับไป

ป.ล. หนังมี end credit 1 ตัว นั่งฟังเพลงเพราะๆ รอไปจ้า

2 thoughts on “รีวิว Frozen 2 (2019): ราชินีน้ำแข็งปะทะป่าต้องมนตร์ ค้นพบความจริงที่ถูกลืม

Add yours

    1. อันนี้พยายามไม่สปอยล์ปมหลัก หวังว่าจะไม่เผลอหลุดเนื้อหาสำคัญๆ ;_;

      Like

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑