“หากได้พร 3 ประการ จะขออะไร”
คุ้นเคยกับคำถามนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อลาดินเป็นการ์ตูนที่เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ได้ดูเมื่อนานมากกกกกแล้ว
พอได้เห็นว่าจะมีหนังเวอร์ชั่นที่ใช้คนแสดงนำ ก็อยากดูขึ้นมาทันที อยากรู้ว่ามันจะอลังการงานสร้างขนาดไหน และยิ่งเห็นว่าความยาวของหนังนั้นปาไป 2 ชั่วโมงกว่า ก็ยิ่งทำให้สงสัยว่าเนื้อหาจะเป็นยังไง
Aladdin ในเวอร์ชั่นนี้ ก็ยังเล่าถึงเรื่องราวของอลาดิน (Mena Massoud) หัวขโมยหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งเมืองอากราบาห์ ได้บังเอิญเจอเจ้าหญิงจัสมิน (Naomi Scott) ในตลาด ทั้งคู่ทำความรู้จักกันและตกหลุมรักซึ่งกันและกัน
แต่ทั้งนี้จัสมินก็ต้องแต่งงานกับเจ้าชายต่างเมือง ฝั่งอลาดินก็พยายามจะมาหาจัสมินถึงวัง แต่สกิลการเอาตัวรอดที่โดดเด่นก็ไปเตะตาจาฟาร์ เสนาบดีตัวร้ายของสุลต่านเข้าจนได้
จาฟาร์มีเป้าหมายคือต้องการยึดอำนาจสุลต่าน เขาจึงมัดมือชกอลาดินให้เข้าไปในถ้ำเพื่อนำตะเกียงวิเศษออกมา ทว่าเกิดอุบัติเหตุทำให้อลาดินต้องเป็นคนถูตะเกียงแทน จึงได้เจอกับยักษ์จีนี่ (Will Smith) ที่เสนอว่าจะให้พร 3 ประการ อลาดินจึงขอพรให้ตัวเองกลายเป็นเจ้าชายนามว่าอาลี เพื่อที่จะได้มีโอกาสครองรักกับเจ้าหญิงจัสมิน แต่เรื่องราวจะราบรื่นอย่างนั้นจริงๆ รึเปล่า?
นี่เป็นหนัง 2 ชั่วโมงกว่าที่ดูสนุกและเพลินอีกแล้ว เนื้อเรื่องดำเนินไปได้อย่างไหลลื่น แทรกด้วยเพลงเพราะๆ กึ่งมิวสิคัลที่นักแสดงก็ขับร้องออกมาได้ดีมาก ที่ชอบเป็นพิเศษคือเพลง Speechless ที่จัสมินร้อง เป็นเพลงที่ทรงพลังและแสดงจุดยืนของความเป็นหญิงสตรองได้ชัดเจนมาก ฟังแล้วขนลุกเลย จัสมินเวอร์ชั่นนี้จะมีความกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าที่จะเสนอตัวเองเป็นผู้ปกครองประชาชน และกล้าที่จะปฏิเสธการจับคลุมถุงชนเพื่อความปรองดองของสองเมือง เรียกได้ว่าแกร่งขึ้นสมกับยุค 2019 มากๆ
ในขณะเดียวกัน เพลงที่เราแอบคาดหวังอย่าง A Whole New World นั้นแอบไม่ปังอย่างที่เราคิด โอเคว่าโดยรวมดูดีแหละ แต่ด้วยความที่อลาดินและจัสมินล่องพรมตอนกลางคืนแบบมัวๆ สลัวๆ ด้วยมั้ง มันเลยดูไม่สว่างไสว ดูไม่ไบรท์เท่าที่อยากเห็นเท่าไร แต่ก็ยังถือเป็นอีกฉากหนึ่งที่ดีและสำคัญตรงที่ทำให้อลาดินและจัสมินได้ใกล้ชิดกันอีกหนึ่งสเต็ป
งานภาพและเสียงก็ขอให้บอก ดิสนีย์ซะอย่าง อลังการอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะจัดเต็มทั้งพร็อพทั้งเครื่องแต่งกายและฉากสวยๆ ของเมือง เราชอบความเล่นใหญ่ของฉากที่เปิดตัวอลาดินในฐานะเจ้าชาย ยิ่งใหญ่มากๆ เหมือนดูมิวสิคัลอลังการๆ ฉากนึง เต้นระบำทำเพลงกันแบบไม่ยั้ง เรียกได้ว่าแทบจะขนคนทั้งหมู่บ้านมาเปิดตัวงานนี้โดยเฉพาะ
ทางด้านนักแสดง ที่โดดเด่นมากๆ และไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Will Smith ในบทยักษ์จีนี่ ที่เล่นได้ทะเล้นและเพี้ยนมากกก ตลกมากกก น่าเอ็นดูมากๆ โผล่มาแต่ละฉากคือต้องขำ เล่นได้ดีดจนอยากจะถามว่าโดนตัวไหนมา บทบาทจีนี่นี่ถือเป็นสีสันหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่มีนะ หนังดร็อปแน่นอน เวลาที่จีนี่โผล่มา หนังจะมีความเป็นการ์ตูนๆ ขึ้นมาทันที ถ้านึกภาพไม่ออกก็จำพวกร้องเพลงแล้วตัวละครมโนว่าได้ทำนู่นทำนี่ ไปนู่นมานี่ทั้งๆ ที่ยังอยู่ที่เดิม หรือการที่จีนี่ใช้เวทมนตร์เสกนู่นนี่นั่นได้อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูการ์ตูนเลย คือมันแนบเนียนไปกับหนังที่ใช้คนแสดงได้อย่างเหลือเชื่อ ชอบมากๆ
ฟากพระเอกนางเอก Mena ในบทอลาดินนั้นตอนแรกๆ ยังดูเหมือนธรรมดา แต่ก็เริ่มมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแสดงให้เห็นท่าทีทะเล้นแต่ก็จริงใจ และมีความเป็นคนดีเนื้อแท้อยู่ในตัวเสมอ ส่วน Naomi ในบทจัสมินนั้นสวยมากกกก สวยแบบชวนตะลึงจริงๆ ละ เป็นบทบาทนางเอกที่ดูฉลาดและมีไหวพริบ ดูแพงมากจริงๆ
ยิ่งมาพร้อมเสือนะ แกเอ๊ยยย ควีนมาก
ฝั่งตัวร้ายอย่างจาฟาร์ (Marwan Kenzari) ก็ร้ายได้สมบทบาทจริงๆ ตอนแรกยังดูร้ายแบบสุขุมนุ่มลึก แต่หลังๆ ก็เริ่มร้ายแบบออกนอกหน้ามากขึ้นจนอดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่ขาดไม่ได้อีกกลุ่มคือเหล่าตัวละครที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างนกแก้วคู่หูจาฟาร์ ที่เจ้าเล่ห์และร้ายได้แบบกวนๆ จะเกลียดก็เกลียดไม่ลง, อาบู ลิงเพื่อนซี้ของอลาดิน ที่ซนไปบ้างแต่ก็ฉลาดหลักแหลมมากๆ สามารถเป็นที่พึ่งพาได้ยามยากเย็นจริงๆ ส่วนเจ้าพรมวิเศษนี่ก็แย่งซีนไปได้เยอะเหมือนกัน สร้างวีรกรรมฮาๆ และช่วยเหลืออลาดินไว้เยอะอยู่
เห็นเป็นหนังคลายเครียดเบาสมอง แต่ Aladdin ก็มีประเด็นน่าสนใจแฝงไว้เหมือนกัน เช่นเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่ว่าเราจะพยายามแต่งภายนอกให้ดูเหมือนคนอื่นเท่าไร แต่สุดท้ายแล้ว เนื้อแท้ภายในของเราต่างหากที่สำคัญที่สุด และจะเป็นตัวบ่งบอกเองว่าแท้จริงแล้วเราเป็นใคร, เรื่องความโลภและหลงใหลในอำนาจจนเกินไป ที่สุดท้ายแล้วก็จะส่งผลร้ายกับตัวเอง, เรื่องความสำคัญของมิตรภาพและการเป็นอิสระ ซึ่งจะเห็นได้ว่าอลาดินนั้นมีมิตรสหายที่พร้อมช่วยเหลือตน ทำให้รอดพ้นภัยร้ายมาได้หลายครั้ง ส่วนจีนี่นั้น แม้จะมีอำนาจมากมายแต่ก็โดนขังไว้อยู่ในตะเกียงใบเล็กๆ แถมยังต้องรับใช้เจ้านายแม้ไม่อยากทำ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญต่อจีนี่มากที่สุดไม่ใช่อำนาจแต่เป็นอิสรภาพต่างหาก
โดยรวมแล้ว Aladdin เวอร์ชั่นคนแสดงปี 2019 นั้นควรค่าแก่การไปดูมากๆ องค์ประกอบทุกอย่างลงตัว ภาพสวย เพลงดี นักแสดงเล่นได้สมบทบาท เนื้อเรื่องยังคงความสนุกสนานและเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆ ไว้ว่างๆ จะหาเวอร์ชั่นการ์ตูนกลับมาดูอีกรอบ 🙂
Leave a Reply