รีวิว The Perfection (2019): เมื่อความสมบูรณ์แบบนำพามาซึ่งความเลือดสาด

The Perfection หนังทริลเลอร์เรื่องใหม่จาก Netflix เปลี่ยนเสมือนฟังเพลงที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ

เราเห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้ครั้งแรกก็ชอบแล้ว เราชอบหนังทริลเลอร์ที่มีตัวละครนำเป็นผู้หญิงและมีความวิปริตบางอย่างเกิดขึ้น อย่างในตัวอย่างคือชูฉากตอนที่มีแมลงไต่ยั่วเยี้ยในแขนของผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้หญิงอีกคนก็ชูมีดขึ้นมาให้เธอตัดมือออกซะ… โหดสัสเลยว่ะค่ะ ประทับใจ

The Perfection เล่าถึงเรื่องราวของสองสาวนักดนตรี คนแรกคือชาร์ล็อต (Allison Williams) หญิงสาวอดีตนักเชลโล่มือดีที่ต้องออกจากการศึกษา ณ สถาบันดนตรีบาคอฟกลางคันเพื่อมารักษาแม่ที่ป่วยหนักเป็นเวลาถึง 10 ปี จนตัวเธอเองก็เหมือนจะบ้าไปบ้างแล้ว เพราะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อแม่เธอเสียชีวิต เธอก็คิดจะกลับไปโรงเรียนบ่มเพาะนักเชลโลอีกครั้ง จึงติดต่อแอนทอน (Steven Weber) เจ้าของโรงเรียนควบตำแหน่งครูฝีมือชั้นเยี่ยม ชาร์ล็อตตามมาเจอแอนทอนที่เซี่ยงไฮ้ ที่ซึ่งแอนทอนเปิดเวทีให้อลิซาเบธ หรือลิซซี่ (Logan Browning) นักดนตรีสาวคนที่สองของเรื่องได้ออกแสดง ประกอบการคัดเลือกเด็กจากจีนเข้ารับการศึกษาที่สถาบันบาคอฟ

ชาร์ล็อตได้เจอกับลิซซี่ ตอนแรกเราจะมีความรู้สึกว่าทั้งคู่เขม่นกันรึเปล่า แต่ไปๆ มาๆ สองสาวกลับเข้ากันได้ดีมาก วันต่อมา ลิซซี่ก็ชวนชาร์ล็อตไปเที่ยวทางฝั่งชนบทภาคตะวันตกของจีน แต่เรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อลิซซี่เกิดป่วย และอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเดินทาง หนักขนาดไหน ก็อาเจียนออกมาเป็นหนอน และมีแมลงไต่ยั้วเยี้ยในผิวหนังนั่นแหละ!!

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าใครคิดว่านี่คือพล็อตหลักของหนัง เราขอบอกเลยว่าคิดผิด เพราะนี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของหนังเท่านั้น แท้จริงแล้ว เรื่องนี้มีเนื้อหาที่กว้างใหญ่กว่าการไปป่วยด้วยโรคพิลึกในชนบทจีน ซึ่งถ้าเนื้อหามีอยู่แค่นั้น หนังเรื่องนี้ก็คงเป็นแค่หนังสยองขวัญทริลเลอร์ทั่วไป ที่ตัวเอกต้องหาทางเอาชีวิตให้รอดจากโรคประหลาด

The Perfection แบ่งหนังออกเป็น 4 องค์ เราชอบการนำเสนอแบบนี้นะ เหมือนอ่านหนังสือหรือดูละครเวที และทำให้รู้สึกว่าหนังมีความชัดเจนของประเด็นที่จะเล่าดี ในองค์แรกนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนหนังดราม่าดนตรี ที่ตัวเอกดูเหมือนจะต้องช่วงชิงความเป็นเลิศกัน พอมาองค์สอง ก็เริ่มเป็นการเดินทางของสองสาว กับอาการป่วยของลิซซี่ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ องค์สามจะเริ่มเปิดเผยปมปริศนาหลายๆ อย่าง และมีกลิ่นอายของความแก้แค้นอยู่เต็มเหนี่ยว ส่วนองค์ที่สี่นั้นให้ความรู้สึกหลอนๆ แต่ก็สะใจอย่างบอกไม่ถูก

อย่างที่บอกในตอนแรกว่า หนังเรื่องนี้เหมือนดนตรีที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จากเนือยเนิบเป็นรัวแรงขั้นสุด มีความไม่น่าไว้วางใจเกือบทั้งเรื่อง แต่ละฉากแต่ละตอนชวนให้ลุ้นตลอด กระทั่งช่วงแรกๆ ที่เนิบสุด แต่ก็น่าสนใจตรงที่เราได้ค่อยๆ ทำความรู้จักตัวละครแต่ละคน อีกอย่างคือฉากเล่นเชลโล่ดูเอ็ตคู่กันของชาร์ล็อตและลิซซี่ก็เป็นอะไรที่ตราตรึงมาก เราว่าน่าจะเป็นการแสดงเชลโล่ที่ดีที่สุดแล้วของหนัง

หนังมีการหักมุมอยู่เรื่อยๆ และมีการเฉลยปมด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องย้อนกลับ จริงๆ ถือเป็นเทคนิคที่ง่าย เพราะมันก็คือการเล่าเรื่องไม่ทั้งหมด เพื่อให้คนดูเข้าใจไปทางหนึ่ง แล้วค่อยมาเฉลยทีหลังด้วยการเผยรายละเอียดที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอก

ทางด้านงานภาพ เราชอบช่วงแรกๆ เหมือนกันที่หนังไปถ่ายทำในประเทศจีน ก็ได้เป็นซีนที่แปลกใหม่ดี และยิ่งตอนที่สองสาวออกไปตะลอนในชนบท ก็ยิ่งเป็นฉากที่ดูโหวงเหวง no-where เข้าไปอีก

ส่วนถ้าใครกำลังกลัวๆ ว่าภาพจะโหดมาก สำหรับเราว่าก็ค่อนข้างโหดอยู่นะ คือมีเลือด และมีฉากฆ่าฟันที่เห็นค่อนข้างชัดแม้ว่าหนังจะพยายามทำภาพสะดุดๆ หรือเลี่ยงการถ่ายตรงๆ ก็เถอะ

นั่นจึงเชื่อมมาสู่ความเป็นเหตุเป็นผลของหนัง ตรงนี้เราแอบตะหงิดใจนิดนึง เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกว่าการกระทำของตัวละครบางอย่างก็เว่อร์เกินไป มันจะมีคำถามเกิดขึ้นว่าแบบ ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันรุนแรงมากๆ เลยนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะตัวละครมีจิตที่ไม่ค่อยปกติอยู่แล้ว

ด้านคาแรคเตอร์ สองสาวนักดนตรีก็มีความแตกต่างกันให้เห็นอยู่บ้าง ทางด้านชาร์ล็อตนั้นดูเผินๆ เหมือนจะอ่อนต่อโลก คงเพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเธอทำเพียงเฝ้าแม่ และเข้ารับการรักษา ส่วนลิซซี่จะดูเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวกล้าลุย มีความทะเยอทะยานสูง ถึงแม้ทั้งคู่จะแตกต่างกันแต่ก็มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือความมุ่งมั่นที่จะปกป้องคนที่ตนรัก รวมถึงคนอื่นๆ ที่กำลังถูกรังแก

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือครูแอนทอน ซึ่งลุคโดยรวมดูมีความเป็นนักดนตรีมืออาชีพมากๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่โหยหาความเป๊ะ ความเพอร์เฟ็กต์ ตอนแรกๆ เราก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับคาแรคเตอร์นี้ แต่พอหนังดำเนินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเผยให้เห็นด้านมืดของครู ซึ่งก็เหมือนจะสะท้อนด้านมืดของมนุษย์ ว่าด้วยการมองเห็นแค่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง อะไรที่ไร้ประโยชน์แล้วก็ไม่แยแสอีกต่อไป

ชื่อเรื่องว่า The Perfection นอกจากจะเป็นชื่อของเพลงที่เหล่านักเรียนมุ่งหวังจะได้เล่นแล้ว ยังสะท้อนถึงความเนี้ยบของสถาบันดนตรีบาคอฟด้วย แน่นอนว่าครูแอนทอนไม่ยอมเสียหน้าอย่างเด็ดขาด เขาจึงฝึกลูกศิษย์ของเขาอย่างหนักหน่วง และไร้ศีลธรรม ทางฝั่งเด็กนักเรียนนั้น เมื่อโดนกดดันเยอะๆ เข้า ก็ย่อมต้องรู้สึกแย่ ยิ่งเมื่อทำผิดแล้วโดนลงโทษ ก็ยิ่งกลายเป็นปมเข้าไปอีก หนังจึงเหมือนจะบอกเราเป็นนัยๆ ว่าความเพอร์เฟ็กต์ที่มากเกินไปนั้นก็ไม่ดี และเบื้องหลังความเพอร์เฟ็กต์หลายๆ อย่างที่เราเห็นนั้น เบื้องหลังอาจจะไม่เพอร์เฟ็กต์อย่างที่เราจินตนาการก็ได้

โดยรวมแล้ว The Perfection เป็นหนังทริลเลอร์ความยาว 1.30 ชั่วโมงที่ดูสนุกและลุ้นมากๆ ใครที่กำลังตามหาหนังลุ้นระทึกเลือดสาดหน่อยๆ น่าจะชอบกัน