แค่เห็นตัวอย่างหนัง Hell Fest ครั้งแรกเราก็หมายมั่นปั้นมือว่าต้องมาดูแน่นอน หนึ่ง…เพราะมันเป็นหนังทริลเลอร์ สอง…เพราะโลเกชั่นเป็นสวนสนุก และสาม…เพราะตัวละครเป็นวัยรุ่น ฉากแต่ละฉากที่นำเสนอในเทรลเลอร์ก็ชวนลุ้นจนเหนื่อยแล้ว
ซึ่งพอได้มาดูจริงๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังนะ หนังทำเราลุ้นตลอด 90 กว่านาที ลุ้นจนเหนื่อย ตื่นเต้นและกลัวไปกับตัวละครราวกับเราไปอยู่ในสวนสนุกซะเอง
เนื้อเรื่องกล่าวถึงกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไปเที่ยวงาน Hell Fest ซึ่งเป็นสวนสนุกที่จัดขึ้นมาฉลองวันฮาโลวีนโดยเฉพาะ กับธีมผีๆ ที่เล่นใหญ่มาก มีบ้านผีสิงมากมาย มีสตาฟฟ์แต่งตัวเป็นผีคอยหลอกผู้เข้างาน มีบูธเล่นเกม อารมณ์คล้ายๆ งานวัดของฝรั่งแหละ ช่วงแรกๆ ตัวละครก็ยังคงสนุกสนานกับเทศกาลนี้ คนดูอย่างเราก็ตื่นตาตื่นใจไปกับฉากต่างๆ แต่และแล้วฆาตกรก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางผู้คนที่คิดว่าคนหน้าผีทุกคนในงานเป็นเพียงสตาฟฟ์ ฆาตกรเริ่มเล็งเหยื่อเป็นรายคนแล้วสะกดรอยตาม ซึ่งเหยื่อผู้โชคร้ายก็คือนาตาลี หญิงสาวในกลุ่มเด็กวัยรุ่นนั่นเอง
ขออวยฉากก่อนเลย ฉากสวนสนุกทำได้ตระการตามากกก เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าแค่เข้าไปดูฉากสวนสนุกก็คุ้มละ ทำให้รู้สึกว่างานมีอาณาเขตกว้างใหญ่ มีหลายโซนให้เข้าไปเล่น บ้านผีสิงแต่ละฉากก็มีความหลอนแตกต่างกันไป ยิ่งประกอบกับซาวด์เสียงที่จัดเต็มแล้ว บรรยากาศความน่ากลัวปนตื่นเต้นยิ่งทวีคูณ แอบอยากให้มีงานแบบนี้จัดขึ้นในชีวิตจริงเหมือนกัน แต่ถ้าจัดจริงไอ้เราก็คงไม่กล้าไปอยู่ดี เพราะงานในหนังมันดิบเถื่อนจริง สตาฟฟ์เล่นกันแรง ไม่มีอ่อนข้อให้ผู้มาเยือน ถ้าเป็นโรคหัวใจคงตายไปหลายๆ รอบแล้ว
การดำเนินเรื่องทำได้ดี สนุก ลุ้น ฉับไว ซีนตื่นเต้นก็ขยี้กันสุดๆ จนถึงขั้นบางซีนไม่กล้าดูเต็มๆ ตา ฉากตุ้งแช่ก็มีเยอะ โดยเฉพาะในบ้านผีสิงที่ผี pop-up กันแบบไม่เหน็ดเหนื่อย เรียกได้ว่าไม่มีช่วงไหนง่วงนอนเลย ถือว่าสอบผ่านในการทำให้เราตาค้างเพราะปกติถ้าหนังโรงไม่เจ๋งจริงมันจะมีช่วงที่เราอยากหลับ ฮ่าๆๆ คอยลุ้นคอยเอาใจช่วยตัวละครตลอดราวกับไปอยู่ตรงนั้นซะเอง ทางด้านตัวละคร ชอบที่หลายๆ คนในกลุ่มวัยรุ่นดูบ้าๆ บอๆ ดี คือเป็นสีสันให้เรื่องราวได้เลย แต่ถ้าถามว่ามีจุดที่ตัวละครทำเรื่องงี่เง่ามั้ย มันก็มีอะ ตามฉบับหนังทริลเลอร์ฆ่าคน ต้องมีฉากที่ทำตัวกล้าหาญแบบไร้สติ เดินตามฆาตกรไปงี้ แยกกันเดินงี้ พูดจาอวดเก่งปากดีทั้งที่เงียบๆ ก็ได้ ไรงี้ ความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นตัวหนังไม่ได้เน้นเท่าไร เข้าใจว่าแค่หนีฆาตกรก็เหนื่อยแล้ว เลยไม่มีเวลาไปเน้นเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ตัวละครมากนัก ซึ่งจริงๆ ตรงนี้ไม่ซีเรียสหรอก เพราะไหนๆ ตัวละครส่วนใหญ่ก็เป็นแฟนกันอยู่ละ คอมพลีตอยู่แล้ว มีแค่ตัวคู่หลักที่ยังอึกๆ อักๆ อยู่ ซึ่งตรงนี้เราก็ลุ้นๆ ไปด้วยนิดนึง แต่ยังไงก็สู้ลุ้นหนีฆาตกรไม่ได้หรอก
ตัวฆาตกรนี่ก็เป็นอีกตัวละครนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ พี่แกมาแบบนิ่งๆ หลอนๆ ใช้ความช้าเนิบเข้าข่มขวัญเหยื่อ ซึ่งเราว่ามันน่ากลัวจริงๆ ยิ่งพี่แกไม่พูดไม่จา เอะอะฆ่าฟันอย่างเดียว มันเลยทำให้รู้สึกเข้าถึงยากขึ้นไปอีก รู้สึกว่าไอ้นี่มันชั่วจริงๆ พูดอะไรไปด้วยก็คงไม่รู้เรื่อง หนีเหอะ ความถึกของพี่อีกอย่างคือการสามารถ stalk คนไปได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งๆ ที่สวนสนุกออกจะใหญ่ขนาดนั้น คนก็เยอะขนาดนั้น ทำไมตามเจอเหยื่อตลอดอย่างกับติด gps ไว้อย่างงั้นฟะ หลายๆ ฉากเลยแอบทำให้เรารู้สึกรำคาญๆ นางเหมือนกัน อารมณ์แบบ…มาอีกแล้วเรอะ เห็นหน้ากากนางแล้วเหม็นเบื่อขึ้นมาทันที
เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือการเล่นกับความรู้สึกไม่ปลอดภัย ฆาตกรแฝงตัวอยู่ในสวนสนุกธีมผีที่มีเหล่าทีมงานมากมายที่แต่งตัวผีๆ เหมือนกัน เรียกได้ว่านี่คือโอกาสทองของฆาตกรเลย ซึ่งพอมาคิดๆ ดูแล้วมันก็น่ากลัวนะ พวกงานที่ให้ผู้คนแต่งตัวผีๆ มารวมกันเนี่ย เราไม่มีทางรู้เลยว่ามีใครที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อจุดประสงค์มุ่งร้ายรึเปล่า เราเลยคิดว่าถ้าจะไปงานพวกนั้น กลับต้องรู้สึกกังวลมากกว่าสนุกซะอีก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตัวละครในหนังรู้สึกกัน (พวกนางเอาสนุกอย่างเดียว ฮา)
สรุปแล้ว เราเชียร์ให้ไปดู Hell Fest มาก สำหรับใครที่ชอบดูหนังทริลเลอร์ชวนลุ้น ชวนตื่นเต้น ชวนให้หายใจไม่ออก ฉากโหดนั้นมีไม่เยอะแต่พอมีทีก็จัดเต็มเอาซะไม่กล้ามองจอ คำเตือนอันนึงที่อยากฝากไว้คืออย่าไปหาเหตุผลกับหนัง 555 เป็นอีกครั้งที่หนังทริลเลอร์ไม่ได้หาเหตุผลมารองรับนู่นนี่นั่นมากนัก ทำให้หลายๆ จุดดูไม่ make sense แต่ถ้าตัดประเด็นตรงนี้ออกไป Hell Fest ถือเป็นหนังที่สนุกจริง 🙂
Leave a Reply