รีวิว The Spy Who Dumped Me (2018): เมื่อแฟนขอเลิก แถมยังฝากภารกิจกู้โลกไว้ให้

หมัดแรก—โดนแฟนขอเลิก

หมัดที่สอง—แฟนโดนยิงตายไปต่อหน้าต่อตา

หมัดที่สาม—ก่อนตาย แฟนบอกให้ช่วยนำสิ่งๆ หนึ่งในไปให้คนที่ต่างประเทศ ซึ่งถ้าไม่สำเร็จ คนจะต้องตายเป็นเบือ

ผู้หญิงคนหนึ่งกับเพื่อนของเธอ ที่วันๆ ใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนผู้หญิงทั่วไป กลับต้องมาผจญภัยเอาชีวิตตัวเองให้รอด จะไหวมั้ย?

แค่ดูตัวอย่าง The Spy Who Dumped Me ก็รู้แล้วว่าหนังเรื่องนี้ต้องฮา แล้วเราก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะนี่คือหนังตลกที่ตลกตั้งแต่ต้นเรื่อง กลางเรื่อง ยันท้ายเรื่อง นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่จับพลัดจับผลูต้องช่วยกันทำภารกิจกอบกู้โลก ซึ่งต้องเผชิญกับศัตรูโหดๆ มากมาย ถ้าเป็นหนังแอ็กชั่นทั่วไป สองสาวก็คงตายไปแล้ว แต่นี่คือหนังตลก ฉะนั้น เปลี่ยนโหมด!

ว่ากันที่เนื้อเรื่องคร่าวๆ ก่อน หนังเปิดฉากด้วยเหตุการณ์บู๊ของดรูว์ แฟนหนุ่มของออเดรย์ ผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่ไม่รู้ว่าแฟนเป็นสปายของ CIA อยู่มาวันหนึ่ง เธอก็ได้รับข้อความจากดรูว์ว่า “เลิกกันเถอะ” มีหรือที่จะไม่หัวเสีย เท่านั้นยังไม่พอ จู่ๆ ก็มีบุรุษลึกลับคู่หนึ่งบุกมาหาเธอ แล้วบอกความจริงกับเธอว่าดรูว์เป็นสายลับ ซึ่งเธอก็เทใจเชื่อไปกว่าครึ่งแล้วเพราะเห็นหลักฐานรูปภาพต่างๆ

ไม่นานนัก ดรูว์ก็กลับมาพร้อมศัตรูที่ไล่ล่าเขา เมื่อเขาถูกยิง ดรูว์ก็สั่งเสียให้ออเดรย์ช่วยทำภารกิจต่อ โดยภารกิจนั้นคือการนำไอเท็มสำคัญชิ้นหนึ่งไปให้คนที่ออสเตรีย ไม่อย่างนั้นคนทั้งโลกจะตกอยู่ในอันตราย ออเดรย์และมอร์แกน เพื่อนสาวสุดซี้ของเธอ จึงต้องร่วมกันเดินทางไปยุโรปเพื่อทำภารกิจนี้ซะ

พล็อตสปายในหนังตลกนั้นไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เมื่อเอามาเล่นทีไรก็ทำให้ขำได้เรื่อยๆ เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน อย่างที่บอกไปข้างต้น คือมีมุกตลกทั้งเรื่อง พูดได้เกือบเต็มปากเลยว่าแทบไม่มีช่วงไหนที่อารมณ์มันเปลี่ยน จะบู๊ก็ตลก จะดราม่าก็ตลก พอมันมีความตลก (ที่ไม่แป้ก) มาคั่นเรื่อยๆ จึงทำให้เรารู้สึกว่าหนังไม่น่าเบื่อ ดูสนุกตลอดทั้งเรื่อง อันนี้ต้องยกเครดิตส่วนหนึ่งในเพื่อนนางเอกอย่างมอร์แกน ผู้หญิงล้นๆ ที่มีความบ้าพลังและความเยอะในตัวสูงมาก ความมั่นใจเกิน 100 และความฉลาดแบบฟลุ๊กๆ ของเธอทำให้เธอเป็นตัวละครที่น่าสนใจที่สุดในหนังเรื่องนี้แล้วละมั้ง เผลอๆ จะเด่นกว่านางเอกอย่างออเดรย์ซะอีก

สำหรับตัวเนื้อเรื่อง เราขอเตือนว่าอย่าไปคาดหวังอะไรมาก อย่าไปคิดว่าพอเป็นหนังบู๊ หนังสปาย แล้วพล็อตจะต้องเป๊ะ ต้องเฉียบคม ต้องมีความสมเหตุสมผล เพราะแม้ว่าเรื่องนี้ดูเผินๆ จะเป็นหนังบู๊ แต่อันที่จริงคือหนังตลกดีๆ นี่เอง ส่วนความบู๊นั้นถูกใส่มาเป็น context ของหนังเฉยๆ ตัวหนังขายความตลกโปกฮา ความบ้า ความบังเอิญ ความเหลือเชื่อมากกว่าความเป็นเหตุเป็นผลและความพลิกล็อกหักมุมเหมือนหนังสายลับทั่วๆ ไป ถ้าใครดูแล้วคิดเยอะ เราว่าคงไม่สนุกแน่นอน แนะนำให้ไปดูด้วยจุดประสงค์ที่อยากผ่อนคลาย อยากเบาสมองดีกว่า

The Spy Who Dumped Me เล่นกับประเด็นนิดๆ หน่อยๆ เรื่องการออกไปใช้ชีวิต เนื่องจากก่อนหน้าภารกิจ ออเดรย์และมอร์แกนเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา มีชีวิตน่าเบื่อๆ ทั่วไป แต่พอต้องมาทำภารกิจเสี่ยงตายข้ามทวีปแบบนี้ มันทำให้พวกเธอรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้มากกว่าเดิม รู้สึกว่าชีวิตมีมุมตื่นเต้น  รู้สึกว่าตัวเองได้มี “ชีวิต” จริงๆ แม้จะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงถึงชีวิตก็ตามเถอะ

ก็อาจจะจริงอย่างที่เค้าว่า บางทีเราอาจจะต้องเผชิญเรื่องราวใหม่ๆ และความเสี่ยงบ้าง เพื่อให้ชีวิตมีสีสันยิ่งขึ้นแหละนะ