รีวิว Tomorrow and I (2024): เมื่อเทคโนโลยีก้าวไกล แต่อนาคตประเทศไทย…

มีซีรีส์ไทยน่าสนใจเข้า Netflix อีกแล้ว กับ Tomorrow and I ซีรีส์แนวไซไฟกลิ่นอาย Black Mirror ที่ปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยมากขึ้น ตัวเราที่ชอบ Black Mirror อยู่แล้วเห็นแบบนี้ไม่พลาด ดูจบแล้วเลยขอมารีวิวแต่ละตอนเก็บไว้สักหน่อย

ตอนที่ 1: Black Sheep นิราศแกะดำ

เล่าเรื่องของคู่สามีภรรยา “นนท์” (บอย ปกรณ์) กับ “นุ่น” (อิ้งค์ วรันธร) โดยนุ่นนั้นเป็นแพทย์วิจัยเรื่องการ 3D Print อวัยวะ ต้องขึ้นยานไปทำการทดลองบนอวกาศ ทว่าระหว่างทางกลับลงมาบนโลกเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้นุ่นเสียชีวิต นนท์เสียใจมากและเสียดายความสามารถของนุ่นที่จะสามารถช่วยชีวิตคนบนโลกอีกหลายล้านคนได้ จึงร่วมมือกับ “วี” (ปอย ตรีชฎา) เพื่อนของนุ่น แพทย์เจ้าของกิจการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยง ในการโคลนนิ่งนุ่นกลับมาอีกครั้ง แต่จะสำเร็จมั้ย เพราะนี่จะเป็นการโคลนนิ่งมนุษย์ครั้งแรกเลย

สำหรับตอนแรกนี้ มีความผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ากับประเด็นทางสังคมอย่างการเปิดรับความหลากหลายทางเพศ ทำให้แอบรู้สึกว่าซีรีส์สร้างความขัดแย้งว่าแม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปไกลแต่บางครั้งมนุษย์เราก็ไม่ได้ก้าวหน้าตาม ประเด็นเรื่องเพศทำให้บทสรุปออกมาว้าวกว่าที่คาด เป็นบทสรุปที่ออกจะ bittersweet แบบจะแฮปปี้ก็ไม่สุด แต่ก็ไม่ถึงกับเศร้า มันหน่วง ๆ แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดี

ตอนที่ 2: Paradistopia เทคโนโยนี

เรื่องของ “เจสสิก้า” (วี วิโอเลต) สาวแกร่ง CEO บริษัทผลิต Sex Robot ที่พยายามทำให้เรื่องเพศเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเปิดเผยในประเทศไทย แต่ก็ต้องพบเจออุปสรรคมากมายจากสังคมและผู้ใหญ่ไดโนเสาร์ที่ยังไม่พร้อมเปิดรับเรื่องแบบนี้อย่างเสรี ความฝันของเจสสิก้าจะเป็นจริงหรือไม่

แม้จะเป็นเรื่องในอนาคตแต่ Mood & Tone ตอนนี้ออกมาวินเทจย้อนยุคดูจี๊ดจ๊าดสวยดี มีความแซ่บ 18+ เนื้อหามีการแซะประเทศไทย (อีกแล้ว) ถึงความหลับหูหลับตาเรื่องเพศ รวมถึงครอบประเด็นเรื่องทุนนิยมว่าสุดท้ายแล้วธุรกิจหากขาดเงินทุนและคอนเนกชั่นก็ยากจะเกิด ดูแล้วลุ้นไปกับเจสสิก้ามาก ๆ ว่าจะรอดมั้ย กราฟชีวิตขึ้นลงสุด ๆ ตอนจบก็จบได้แบบเจ็บแสบ และชวนตีความต่อไปได้อีก

ตอนที่ 3: Buddha Data ศาสดาต้า

ในโลกอนาคตที่ผู้คนสามารถสะสมแต้มบุญจากการทำบุญได้ผ่าน “อัลตร้า” บริการ AI ด้านพุทธศาสนาที่คนแห่ใช้ทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะแต้มบุญสามารถนำไปแลกซื้อสินค้าบริการได้ “พระอเนก” (เรย์ แมคโดนัลด์) อดีต Developer เล็งเห็นถึงความไม่ถูกต้องที่การทำบุญถูกบิดไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ จึงร่วมมือกับ “อะตอม” (เผือก พงศธร) รุ่นน้องจากที่ทำงานเก่า คิดค้นนวัตกรรม “ไอบุดด้า” ที่จะมาช่วยให้คนเข้าใจพุทธศาสนาอย่างถูกต้องมากขึ้น หารู้ไม่ว่าอาจมีบางเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้

เป็นตอนที่ได้กลิ่นอายคล้าย ๆ ซีรีส็เรื่อง “สาธุ” คือมีความท้าทายพุทธศาสนาในหลาย ๆ มุม ขณะเดียวกันก็งัดข้อฝั่ง AI เหมือนกันว่าจะสามารถแทนที่มนุษย์ได้ 100% จริงมั้ย ในเมื่อมนุษย์เราก็ยังมีมุมที่อยากพึ่งพามนุษย์ด้วยกันเองอยู่ ด้านงานภาพก็สวยงามจากการเบลนด์วัดไทย ๆ กับเมืองล้ำ ๆ เข้าด้วยกัน ฝั่งนักแสดง นอกจากคุณเรย์และคุณเผือกที่เล่นเข้าขากันได้ดี คุณเอม ภูมิภัทรในบทบาทของ “นีโอ” CEO เจ้าของธุรกิจอัลตร้า ก็เล่นได้ดูมีความเป็นศาสดาที่ทั้งน่าเลื่อมใสและแกมโกงไปพร้อม ๆ กันได้ดีมาก

ตอนที่ 4: Octopus Girl เด็กหญิงปลาหมึก

ในโลกอนาคตที่ทั่วโลกเกิดภาวะฝนตกติดต่อกันยาวนานหลายปีอันเป็นผลจากภาวะโลกร้อน กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือคนจนซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่รัฐไม่เหลียวแล จนกระทั่ง “กัลปังหา” (มินนา วณิชชยา) เด็กหญิงจากชุมชมนี้ไปประกวดร้องเพลงจนกลายเป็นคลิปไวรัลทำให้สังคมและคนใหญ่คนโตหันมาเห็นชุมชนนี้

ตอนนี้ดำเนินเรื่องเหมือนจะเอาฮาซะเยอะ แต่ตอนจบดาร์กมาก เมสเสจของหนังโคตรชัด จิกกัดและด่ากันตรง ๆ เลย เอาเข้าจริงบริบทของตอนนี้ก็คล้าย ๆ กับตอนโควิด เลียนแบบมาเลยก็ว่าได้ ภาพมันเลยชัดมาก แต่เล่นประเด็นโลกร้อนแทนซึ่งก็ได้ใช้เสียงของเด็กเป็นตัวเรียกร้องความตระหนักรู้ ด้านนักแสดง สองเด็กหญิงทั้งกัลปังหาและ “มุก” (แตงกวา ชนัญธิชา) เข้าคู่กันดีมาก เป็นความต่างที่ลงตัว คนนึงนิ่ง ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ขาดความมั่นใจ อีกคนร่าเริงสนุกสนาน คอยซัพพอร์ตเพื่อน

ภาพรวม

เมื่อดูจบทั้ง 4 ตอนแล้ว เราจะเห็นความเชื่อมโยงอย่างหนึ่ง คือในทุก ๆ ตอนนั้นมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าก้าวไกล มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ อำนวยความสะดวก แต่สิ่งที่เหมือนจะไม่ได้พัฒนาตามกันไปก็คือ Mindset ของมนุษย์ที่หลาย ๆ คนในเรื่องยังคงเหมือนเดิมไม่ไปไหน สวนทางกับความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ

ในภาพรวม เราชอบมาก ๆๆๆ ทุกตอนมีไอเดียที่แปลกใหม่ จิกกัดสังคมและประเทศไทยแบบแสบ ๆ คัน ๆ ต่างมุมกันไป คือถึงแวบแรกจะมีความแบบเอ๊ะก๊อป Black Mirror รึเปล่า แต่สุดท้ายพอดูแล้วเออมันมีลายเซ็นต์แบบประเทศไทยอยู่ เป็นการเบลนด์ระหว่างเทคโนโลยีกับบริบทของประเทศไทยได้อย่างกลมกลืน ออกมาเป็นมิติใหม่ ๆ ที่ถ้าไม่ใช่คนไทยสร้างก็คงไม่ได้เอกลักษณ์แบบนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะสร้างความประทับใจไม่ได้เลยถ้า CG ไม่เลิศ ขออวยเลยว่า CG ทำถึงมาก ทำออกมาดีมากกกก ยกมาตรฐานซีรีส์ไทยสุด ๆ

ใครที่กลัวว่าจะเป็นไซไฟแล้วดูไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงเลย เพราะหนังไม่ซับซ้อน ความไซไฟมันเป็นแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ แต่ตัวหนังนั้นมีความเป็นดราม่ามากกว่า ไม่ได้หลุดโลกจ๋า ใคร ๆ ก็ดูได้ค่ะ

อยากให้มีตอนเพิ่มอีก เชียร์สุดใจ

สุดท้ายแล้วขอแปะสปอยล์เก็บไว้ จะลากแถบขาวใครอยากอ่านลากแถบดำเอานะคะ

V

V

V

เริ่ม

จบ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑