ไม่ได้อ่านผลงานของ อ.อิมามุระ อายะ นักเขียนคนโปรดมาพักใหญ่แล้ว ช่วงนี้คิดถึงเลยตั้งเป้าว่าจะหาผลงานใหม่ ๆ ของ อ. มาละเลียดสักหน่อย เลยประเดิมที่ “กุหลาบเลือด” ซึ่งเคยเห็นมาสักพักแล้ว แต่ตอนเห็นครั้งแรกยังไม่รู้สึกดึงดูดเท่าไรเพราะอ่านปกหลังแล้วเฉย ๆ กับพล็อต
โดย “กุหลาบเลือด” ตีพิมพ์ในปี 2012 และตีพิมพ์เวอร์ชั่นแปลในปี 2015 โดย สนพ.ฮัมมิ่งบุ๊คส์ (เป็นเล่มแรกของ สนพ. เลย) ระยะเวลาถือว่าไม่ได้เก่ามาก อ่านแล้วไม่รู้สึกโบราณเหมือนบางเล่ม
“กุหลาบเลือด” เล่าผ่านนางเอกชื่อ “คาริน” หญิงสาววัย 20 ต้น ๆ ที่ถูกดึงดูดโดยสวนกุหลาบของคฤหาสถ์สไตล์ตะวันตก เป็นเหตุให้เธอได้รู้จักกับ “โซโนดะ” ชายหนุ่มวัยกลางคนเจ้าของคฤหาสถ์ ไม่นานนักเธอก็ได้แต่งงานกับเขาและมาอาศัยอยู่ที่นี่ดั่งฝัน
อะไร ๆ ก็ดูสวยงาม ถ้าไม่นับว่า 1) เธอเป็นภรรยาคนที่ 3 ของโซโนดะ โดยที่ภรรยา 2 คนก่อนนั้นต่างกระโดดลงมาจากชั้น 2 ตายทั้งคู่ และ 2) เธอทยอยได้รับจดหมายขู่ฆ่า เหมือนที่ “โยชิเอะ” ภรรยาคนที่ 2 ได้รับเป๊ะ
คารินจึงต้องตามหาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจดหมายนี้ ซึ่งแต่ละตัวละครในคฤหาสถ์ก็มีแต่คนน่าสงสัยเต็มไปหมด มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
ภาพรวมของหนังสือ
เล่มนี้เป็นนิยายขนาดยาว ความหนาระดับกลาง ๆ ไม่บางไม่หนาเกินไป (237 หน้า) สามารถพกอ่านได้สบาย ๆ และอ่านได้เพลิน ๆ แบบรู้ตัวอีกทีก็อ่านไปหลายบทแล้ว เพราะแต่ละบทเขียนแบบสั้น ๆ ด้วย
การใช้ภาษาบรรยายยังคงมีเอกลักษณ์ของ อ. นั่นคือความสละสลวยแฝงไปด้วยกลิ่นอายลึกลับ อ่านแล้วเหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในโลเคชั่นของหนังสือ ยิ่งเรื่องนี้มีโลเคชั่นเป็นสวนกุหลาบด้วยแล้ว ยิ่งแฝงความหอมหวานเข้าไปในความดำมืดอีก เป็นรสสัมผัสที่แปลกใหม่ดี ตรงนี้ถือว่าผู้แปลแปลได้ดีมาก
การบรรยายเป็นแบบบุคคลที่ 1 ซึ่งหลัก ๆ ก็คือตัวนางเอกนี่แหละ เหมือนเราได้ร่วมไขปริศนาไปกับนางเอก เดานู่นเดานี่ไปพร้อม ๆ กัน และหลายครั้งนางเอกก็เดาเหมือนเราเลย แต่ข้อสันนิษฐานก็มักจะโดนหักล้างด้วยหลักฐานอยู่เรื่อย ๆ ตรงนี้ผู้เขียนทำได้ดี ขนาดว่าตัวละครมีอยู่ไม่กี่คนแต่ก็เดาไม่ถูกสักทีว่าใครเป็นคนร้าย
ในฝั่งของเนื้อเรื่อง ชวนให้ติดตามแม้ว่าจะไม่ได้มีจุดพีคอะไรมากมาย ข้อเสียนิดนึงคือบางช่วงบางตอนเนื้อเรื่องเหมือนไม่ได้ไปไหนเท่าไร ทำให้อ่านแล้วรู้สึกง่วง ๆ อยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อเรื่องก็ไม่ปล่อยให้ยืดนาน สรรหาอะไรมาให้แปลกใจได้ต่อเรื่อย ๆ ยิ่งตอนใกล้จบยิ่งไม่อยากวางเลย
ตอนคลายปม รู้สึกว่าตัวละครเล่นใหญ่ไปหน่อย แบบคนอะไรจะตะบี้ตะบันลงทุนทำถึงขนาดนี้ 555 แต่ก็นั่นแหละ เป็นการเฉลยที่คาดไม่ถึงอยู่เหมือนกันแม้จะพยายามเดาไปพร้อม ๆ นางเอกก็ตาม ส่วนตอนจบนั้นก็ยังคงสไตล์อิมามุระ อายะไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม คือเหมือนจะแฮปปี้แล้ว แต่ก็ทิ้งท้ายไว้แบบหลอน ๆ ให้ไปคิดกันต่อเอาเอง (แล้วส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีซะด้วย)
สรุป
“กุหลาบเลือด” เป็นอีกเล่มที่ชวนให้อ่านต่อได้เรื่อย ๆ แบบวางไม่ลง แม้ว่าจะมีบางจุดรู้สึกยืด ๆ บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะหนังสือขับเคลื่อนด้วยปริศนาที่ว่า “ใครส่งจดหมาย” ทำให้รู้ตัวอีกทีก็พลิกไปจะจบเล่มแล้ว ใครที่ชอบงานสืบสวนผสมกลิ่นอายลึกลับสยองขวัญของ อ.อิมามุระ อายะ เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่น่าตามเก็บค่ะ
สุดท้ายแล้ว ขอสปอยล์เนื้อเรื่องเก็บไว้
จะพาดขาวไว้ถ้าใครอยากอ่านพาดดำเอานะคะ
.
.
.
.
เริ่ม
1) ยูคิโกะไม่มีตัวตนตั้งแต่แรก เป็นเพียงจินตนาการที่โซโนดะกับอากิระสร้างขึ้น เป็นตัวละครที่ทั้งคู่ผูกพันเสมือนเป็นคนจริง ๆ
2) โซโนดะและอากิระตัดสินใจสร้างเรื่องฆ่ายูคิโกะ เพื่อที่ยูคิโกะจะได้เป็นสาวอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์ ไม่แก่ไปตามกาลเวลา
3) โยชิเอะเป็นคนเขียนจดหมายให้คาริน ส่วนยูมิเป็นคนเอาจดหมายไปให้คาริน
4) นั่นเพราะโยชิเอะต้องการให้นายหญิงคนต่อไปของโซโนดะพบเจอแต่ความทุกข์ เธอแค้นที่คารินกำลังจะมาแทนที่เธอ
5) โยชิเอะที่ฟั่นเฟือน วางแผนทุกอย่าง ทั้งทำสมุดบันทึก 2 เวอร์ชั่น เล่มปลอมกับเล่มจริง เอาเล่มปลอมทิ้งไว้ให้คารินอ่านจะได้ไซโคเธอได้ ทั้งเขียนจดหมายไว้ล่วงหน้าและฝากให้ยูมิส่งให้คารินในภายหลัง
6) โยชิเอะกระโดดตกลงมาจากหน้าต่างเอง เพราะเชื่อว่าการทำแบบนั้นเธอจะสามารถกลายเป็นยูคิโกะได้
7) จดหมายที่โยชิเอะบอกว่าได้รับนั้นไม่มีอยู่จริง เป็นการสร้างเรื่องหลอกลวงให้คารินเชื่อว่าสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว
8) ตอนจบ เฉลยว่าอากิระรู้เรื่องจดหมายจากยูมิมาก่อนแล้ว และไม่ได้เตือนคารินเพราะมองว่าเป็นเรื่องแกล้งกันเฉย ๆ
9) ตอนจบ ทิ้งท้ายให้คิดไปกันเองว่า ยูมิจะผลักคารินที่ท้องแก่ตกจากหน้าต่างชั้น 2 ห้องยูคิโกะ
จบ
Leave a comment