ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว อีกหนึ่งซีรีส์ไทยที่ได้รับกระแสค่อนข้างแรง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะเมื่อมีการแตะประเด็นเรื่อง “เซ็กซ์” ทีไร ก็มักจะเรียกร้องความสนใจจากคนหมู่มากได้ดี
ยิ่งเมื่อเป็นซีรีส์ไทยด้วยแล้วก็ยิ่งเป็น Talk of The Town เพราะการเปิดเผยเนื้อหาแบบโจ๋งครึ่มหรือพูดถึงเซ็กซ์แบบตรงไปตรงมานั้นไม่ค่อยมีให้เห็นมากในซีรีส์ไทยเท่าไร
ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว พาเราย้อนกลับไปยังประเทศไทยในยุค 70’s หรือราว ๆ ปี 2521 ที่ซึ่งมีการบรรจุวิชาเพศศึกษาในระบบการศึกษาไทยเป็นครั้งแรก ท่ามกลางสังคมไทยที่ยังไม่เปิดกว้างเรื่องเซ็กซ์นัก

“หมอนัท” (เต๋อ ฉันทวิชช์) พระเอกของเรา เป็นเจ้าของคลินิกรักษาโรคผิวหนังและกามโรค ชีวิตเขาภายนอกดูน่าอิจฉา เป็นชายหนุ่มชาติตระกูลดี มีภรรยาสวย มีหน้าที่การงานเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วหมอนัทรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่ถูกกำหนดโดยวงศ์ตระกูล ลึก ๆ แล้วเขาอยากหลุดออกจากกรอบ อยากเขียนนิยายได้เหมือน “ทองเทียน” (ต๊อบ ชัยวัฒน์) รุ่นพี่ที่เขานับถือ ซึ่งทำงานอยู่ที่หนังสือพิมพ์บางกอกทันข่าว
วันหนึ่ง หมอนัทได้รับจดหมายถามเรื่องเพศจากเด็กสาวคนไข้รายหนึ่ง เมื่อเห็นลีลาการตอบจดหมายของหมอนัท และเห็นว่าสิ่งนี้น่าจะช่วยกอบกู้ยอดขายหนังสือพิมพ์บางกอกทันข่าวได้ ทองเทียนจึงชวนหมอนัทมาเป็นนักเขียน… แต่เป็นนักเขียนตอบคอลัมน์เรื่องเพศภายใต้นามปากกา “ดอกเตอร์ไคลแมกซ์” กับคอลัมน์ “ปุจฉาพาเสียว”
เมื่อคอลัมน์ถือกำเนิด ก็เรียกเสียงฮือฮาจากสังคมได้เป็นอย่างดี ยอดขายพุ่งขึ้นจริงดังคาด ทว่าก็ดึงดูดความสนใจของกลุ่มนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่าง “คุณหมอพรชัย” (บ๊อบบี้ นิมิตร) ด้วยเช่นกัน ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำลายคอลัมน์นี้ พร้อมกระชากหน้ากากของดอกเตอร์ไคลแมกซ์ให้จงได้
พล็อตเท่านี้ยังไม่พอ หมอนัทต้องเผชิญความว้าวุ่นใจเมื่อได้พบกับ “ลินดา” (ก้อย อรัชพร) หญิงสาวทรงเสน่ห์ หัวหน้าฝ่ายศิลป์ของ นสพ. บางกอกทันข่าว ผู้ซึ่งเขาเก็บไปละเมอเพ้อพก แม้ว่าจะมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม นอกจากต้องตามแก้ปัญหาให้คนอื่นแล้ว ดูเหมือนหมอนัทจะมีปัญหาส่วนตัวที่ต้องแก้เองด้วย
เริ่มด้วยการขายขำ ลงท้ายด้วยการขึงขัง

ครึ่งแรกของซีรีส์นั้นเต็มไปด้วยความเมากาว เน้นความตลก ความเล่นใหญ่ ความเบียว ดูแล้วได้ฟีลหนังฝรั่งแนว offbeat comedy อยู่เหมือนกัน ช่วงแรกของหนังจะเน้นไปที่การให้ความรู้ในเรื่องเพศที่หลายคนสงสัย เช่น การช่วยตัวเอง การหลั่ง ฯลฯ ผ่านคอลัมน์ปุจฉาพาเสียว ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี ผสมสาระเข้ากับความบันเทิงได้อย่างลงตัว
แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของซีรีส์ จะสัมผัสได้ว่า ซีรีส์มีความเป็นดราม่า เป็นละครมากขึ้น กับพล็อตที่เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครที่เริ่มยุ่งเหยิง และพัฒนาการของตัวละคร มากกว่าการ educate เรื่องเพศเหมือนอย่างตอนต้นเรื่อง จึงทำให้รสสัมผัสของซีรีส์เปลี่ยนไปอยู่บ้างเหมือนกัน มีความขมปร่ามากขึ้น จากตอนต้นเปรี้ยวปรี๊ดเข็ดฟันมาเลย
กรอบสังคมและอิสรภาพ

เนื่องจากซีรีส์ย้อนกลับไปในสมัยที่ประเทศไทยยังไม่ได้มีอิสรภาพทางความคิดมากนัก หลาย ๆ อย่างยังคงอยู่ในกรอบ
ทั้งหมอนัทที่มีแม่คอยบงการทุกอย่างในชีวิตจนติดอยู่แต่ในกรอบอันจืดชืด, “ตุ๊กตา” (แพรว เฌอมาวีร์) ภรรยาของหมอนัทที่โดนจับคลุมถุงชนมา และได้รับยัดเยียดบทบาทให้เป็นภรรยาทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวเองดี, คุณหมอพรชัย ที่รับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงจนต้องออกมาดิ้นพล่าน, เจ้าของจดหมายฉบับต่าง ๆ ที่ส่งมาหาดอกเตอร์ไคลแมกซ์ หลายคนรู้สึกว่าคนรอบตัวไม่ได้เปิดรับเรื่องเพศมากพอจะรับฟังปัญหาของพวกเขา จึงต้องส่งจดหมายมาหา ดร. แทน
เคสหนึ่งที่ประทับใจมากคือเคสของ “แสงจันทร์” (อัด อวัช) เกย์หนุ่มที่เขียนมาหา ดร. เพื่อปรึกษาว่าควรเปิดเผยตัวเองหรือไม่ ทาง ดร. ก็เชียร์ให้เปิดเผยตัวเอง สร้างความมั่นใจ แสงจันทร์ก็ทำตาม ทว่าผลที่ออกมาคือแสงจันทร์โดนรุมรังแกอย่างหนักจนถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย จุดนี้ก็เป็นอีกส่วนที่ตอกย้ำว่าแม้เราจะจริงใจกับตัวเอง และเลือกทางที่คิดว่าใช่ แต่สภาพสังคมที่ยังไม่พร้อม ก็อาจกลายเป็นอาวุธทำร้ายเราได้เหมือนกัน
ในภาพรวม หลายครั้ง ตัวละครพยายามจะหลุดออกจากกรอบที่ถูกวางเอาไว้ แต่โชคร้ายที่หลายครั้งหมายถึงการทำพลาด และต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบต่อทางเลือกของตัวเอง
อิสรภาพไม่ใช่ข้ออ้างของการทำผิด ขณะเดียวกัน การไม่ได้รับอิสรภาพตั้งแต่ต้น ก็กระตุ้นให้ตัวละครทำผิดได้เหมือนกัน
ใคร ๆ ก็ต้องการความรักที่ดี

แม้ซีรีส์จะโปะหน้าด้วยเซ็กซ์ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเล่าเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์อยู่ดี เพราะเซ็กซ์กับความสัมพันธ์นั้นมีส่วนที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่มาก
หนึ่งในตัวละครที่มีเสน่ห์มาก ๆ อย่าง “ลินดา” เธอเป็นผู้หญิงที่มีหัวคิดสมัยใหม่ กล้าที่จะมีอะไรกับใครก็ได้ แม้จะดูก๋ากั๋นและแข็งกระด้างแต่สุดท้ายแล้วลึก ๆ เธอก็มีความอ่อนแอ และอยากถูกรักถูกดูแลด้วยเหมือนกัน
ในฝั่งของ “ตุ๊กตา” ภรรยาหมอนัท คนนี้ก็น่าสงสารเพราะถูกจับคลุมถุงชนมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เหมือนโดนล้างสมองว่าหน้าที่เธอคือแค่ต้องเป็นภรรยาที่ดี โดยไม่ได้ตั้งคำถามด้วยซ้ำว่าเธอรักสามีรึเปล่า เธอต้องจมอยู่กับความห่างเหินที่หมอนัทมอบให้ และเป็นเวลาพักใหญ่กว่าเธอจะค้นพบความต้องการของตัวเอง
ทางฝั่งหมอนัทเองก็เจอสถานการณ์คล้าย ๆ ตุ๊กตา คือถูกจับแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รักกันนั่นแหละ การแต่งงานกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาหน้าวงศ์ตระกูล ความสัมพันธ์ฉันผัวเมียกลับเหี่ยวเฉา จืดชืดไร้สีสัน ครั้นเมื่อหมอนัทได้เจอกับลินดา ก็เหมือนเจอจุดสปาร์ก หมอนัทค้นพบความต้องการของตัวเองผ่านลินดาเช่นกัน
ฉากเรต
ไม่พูดถึงไม่ได้ ซีรีส์เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว จะไม่มีฉากอย่างว่าได้ยังไงเล่าา
แน่นอนว่าซีรีส์เค้าจัดให้เต็ม ฉากเซ็กซ์แม้ไม่ได้แผ่หรา 100% แต่ว่าค่อนข้างติดเรตกว่าซีรีส์ทั่วไปพอสมควร ถึงอย่างนั้น ด้วยมุมกล้องและโทนของภาพ ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ได้น่าเกลียด มันดูเป็นศิลปะ เป็นงานภาพสวย ๆ มากกว่าความลามกอนาจารนะ
Production & นักแสดง
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากคืองานภาพของหนังที่ดูแล้วเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตจริง ๆ โทนมีความนัว ๆ เก่า ๆ เหมือนหนังอาร์ต ๆ เลย เสื้อผ้าหน้าผมนักแสดงก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะของฝั่งผู้หญิง สะท้อนตัวตนของคาแรคเตอร์ได้ดีมาก
ทางฝั่งนักแสดง ทุกคนถ่ายทอดบทบาทออกมาได้ดีเยี่ยม เริ่มตั้งแต่พี่เต๋อ ที่สลัดมาดตลก ๆ ออก ปรับลุคเป็นมาดชายหนุ่มเจี๋ยมเจี้ยมดูจริงจังกับชีวิต (มีความเด๋อนิดหน่อยแค่ตอนโคฟฯ เป็น ดร. ไคลแมกซ์ แต่ก็ซีนน้อยมาก ๆ)
ทางฝั่งผู้หญิง สูสีกันเลยทั้งคุณแพรว ที่รับบทตุ๊กตา กับคุณก้อย ที่รับบทลินดา สองคาแรคเตอร์นี้เป็นผู้หญิงต่างขั้ว คนนึงเรียบร้อยอยู่ในกรอบ อีกคนพราวเสน่ห์เผ็ดร้อน แต่ทั้งคู่ก็ค่อย ๆ เผยอีกด้านหนึ่งเมื่อซีรีส์ดำเนินไปเรื่อย ๆ ได้เห็นพัฒนาการที่ชัดเจนเลย
อีกคนที่เป็นสีสันให้เรื่องคือ บทของเพิ่มพล แสดงโดยน้องต้นหน เป็นบทที่นำเสนอความร่าเริงของวัยรุ่นได้ดี ช่วงที่หนังดีดตัวละครนี้ก็ดีดตาม แต่ช่วงที่หนังดิ่ง ตัวละครนี้ก็ช่วยพยุงหนังขึ้นมาไม่ให้มันดาร์กเกินไป
สรุป
ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดูสนุก ดูเพลิน มีทั้งหมด 8 ตอน แต่ละตอนใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง ถือเป็นซีรีส์ไทยที่นำเสนออะไรใหม่ ๆ หลุดจากกรอบปกติดี มีหลายรสทั้งความตลกดีด ความเบียวเหมือนหลุดมาจากมังงะ ไปจนถึงดราม่ารสขม พร้อมกันนี้ก็ยังกล้า explore เรื่องเพศแบบตรงไปตรงมาไม่มัวเขินอาย
ใครไม่กลัวฉากติดเรต หรือประเด็นเรื่องเพศที่อาจจะมีพิสดารบ้าง ก็แนะนำให้ลองดูกันได้เลยค่ะ
Leave a comment