รีวิว Arrival (2016): สื่อสารอย่างไรให้รู้เรื่อง เมื่อเอเลียนมาเยือนโลก

Arrival เป็นหนังที่ตอนแรกเห็นรีวิวแล้วก็ไม่แน่ใจว่าดูดีไหม ในรีวิวบอกว่าการดำเนินเรื่องช้า แต่เห็นว่าจะออก netflix ในวันที่ 8 มกราคม 2020 แล้ว บวกกับตัวทีเซอร์หนังค่อนข้างน่าติดตาม เลยตัดสินใจดู

Arrival เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นที่ตีพิมพ์ในปี 1998 เรื่อง Story of Your Life เขียนโดย Ted Chiang เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อมียานบินลึกลับจากนอกโลก 12 ลำมาเยือนโลก กระจายไปตามประเทศต่างๆ ทีนี้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ เลยทาบทาม ดร. หลุยส์ แบงส์ (Amy Adams) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ให้ไปสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในยานบินที่ลอยอยู่เหนือรัฐมอนทานา เพื่อหาคำตอบว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม หลุยส์ต้องร่วมมือกับเอียน (Jeremy Renner) นักฟิสิกส์ที่มาร่วมทำภารกิจนี้ โดยพวกเขาเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ภาษาที่เอเลียนใช้สื่อสาร หารู้ไม่ว่าภาษาใหม่นี้จะทำให้หลุยส์ได้รู้อะไรมากขึ้นกว่าเดิม

04.jpg

หนังดำเนินเรื่องแบบที่รีวิวบอกไว้เลย คือเชื่องช้า นิ่ง ราบเรียบ ภาพก็ออกหม่นมัว ถ้าใครง่วงๆ อยู่อาจจะหลับได้จริงๆ นั่นละ และถ้าใครคาดหวังว่าจะมีฉากแอ็กชั่นตระการตา ซีจีกระจุยกระจายนะ เลิกหวังไปได้เลยเพราะไม่มีให้ดูจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นหนังไซไฟที่นิ่งมาก

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนุกเลย พอดูจริงๆ แล้วเราว่าก็เพลินนะ มันช้าจริงแหละ แต่ก็ลุ้น แม้ว่าหนังจะเนิบมาก นิ่งมาก แต่ก็กดดันมากเช่นกัน โดยเฉพาะฉากที่เหล่าตัวเอกเข้าไปในยานแล้วพูดคุยกับเอเลียน ตัวเอเลียนซึ่งอยู่อีกฝั่งกระจกก็มีรูปร่างหน้าตาประหลาดๆ น่ากลัวๆ ใช้วิธีพ่นหมึกเป็นการสื่อสาร เป็นฉากนิ่งๆ ที่น่าติดตาม ลุ้นแต่ละครั้งว่าพวกเขาจะได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ กลับมาไหม แล้วเอเลียนจะเปลี่ยนท่าทีจากนิ่งๆ เป็นโจมตีรึเปล่า

เรื่องภาษาเอเลียนนี่ก็น่าสนใจ หนังมีการตีแผ่ทฤษฎีด้านภาษาศาสตร์ออกมาเพื่อทำความเข้าใจภาษาต่างถิ่น ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนด้านนี้อย่างเรา อีกทั้งยังขยายความว่าภาษาที่ต่างกันไปนั้นส่งผลต่อมุมมองความคิดของเรา อย่างในหนังมีการเอ่ยอ้างถึงชาตินึงที่คุยกับเอเลียนด้วยภาษาเกมหมากรุก ในขณะที่ทีมของตัวเอกใช้ภาษาอังกฤษพื้นฐานเข้าสื่อสาร เราก็พอจะเดาได้ว่าภาษาหมากรุกน่าจะเต็มไปด้วยนัยที่สื่อถึงสงคราม การต่อสู้ แพ้ชนะ ในขณะที่ภาษาอังกฤษพื้นฐานนั้นจะเน้นไปที่การสื่ออารมณ์และความคิดมากกว่า

07.jpeg

อันที่จริงแล้ว สิ่งที่พีคของหนัง ไม่ใช่ความไซไฟ แต่เป็นสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อมากกว่า เหมือนหนังเอาความไซไฟมาเป็นตัวประกอบเพื่อเล่าเรื่อง แต่แก่นแท้ของเรื่องนั้นไปไกลกว่าฉากหน้าที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำ เขียนตรงนี้ก็กลัวจะสปอยล์ไป เอาเป็นว่ามันมีการแตะปรัชญาชีวิตในแง่ของการปล่อยวาง และซึมซาบชีวิตให้เต็มที่ พอหนังเฉลยแล้วทำให้รู้สึกว้าวมาก ไม่นึกว่าหนังจะเบนเข็มมาเล่นประเด็นนี้ มีจุดหักมุมที่เกี่ยวข้องกันด้วย ซึ่งแนะนำว่าต้องไปดูเองจริงๆ

การมาเยือนของเอเลียนในหนัง ที่มาพร้อมกันหลายๆ ลำ กระจายตัวไปทั่วโลกนี่ ก็ทำให้แต่ละประเทศต่างตื่นตระหนก เร่งหาวิธีของตัวเองเพื่อรับมือกับสิ่งแปลกใหม่นี้ ซึ่งตรงนี้มีจุดน่าสนใจหลายอย่างที่แสดงออกมาให้เห็น มันสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของการสื่อสารระหว่างประเทศ ความไม่ปรองดองกัน เอะอะใช้กำลัง ไม่แชร์ข้อมูลที่สำคัญให้กัน พอแต่ละประเทศไม่พูดคุยกันแบบนี้ ก็ยากที่จะรับมือกับปัญหาระดับโลกได้

05.jpg

โดยรวมแล้ว Arrival เป็นหนังไซไฟที่ทำให้เกิดการตกตะกอนทางความคิดได้ดี แม้จะไม่ได้มีฉากอลังการมากมายแต่สิ่งที่เราได้นั้นมันคุ้มเวลายิ่งกว่านั้นอีก อีกไม่นานหนังจะออก netflix แล้ว รีบไปดูกัน

2 thoughts on “รีวิว Arrival (2016): สื่อสารอย่างไรให้รู้เรื่อง เมื่อเอเลียนมาเยือนโลก

Add yours

  1. เป็นหนังที่ดึงเอา linguistic determinism ไปสุดกู่มากครับ (ไม่ได้แปลว่าเป็นข้อเสียนะครับ หมายถึงแนวคิดของหนัง)

    Like

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑