รีวิว Love, Death & Robots (2019): ขอย้ำ นี่ไม่ใช่การ์ตูนเด็ก!

*มีสปอยล์

ที่เลือกดู Love, Death & Robots นี่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอะไรล้ำลึก แค่เพราะเห็นแต่ละตอนมันสั้นๆ ดี ช่างเหมาะยิ่งนักสำหรับคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลา ดูเรื่องนี้ก็หมดข้ออ้างที่ว่าหาเวลาไม่ได้ เพราะตอนที่ยาวที่สุดนั้นแค่ 17 นาทีเอง ยกเว้นแต่ว่าจะดูเพลินจนล่อยาวไปหลายชั่วโมงอะนะ

จะบอกว่าดูแค่เพราะเหตุผลข้างต้นก็กระไรอยู่… อันที่จริงคอนเซ็ปต์ของซีรีส์เรื่องนี้เตะตาเราตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยธีมที่ออกแนวไซไฟสายดาร์ก มีความเป็นวิดีโอเกมล้ำยุค และยิ่งได้ยินว่ามันคือ Black Mirror เวอร์ชั่นไฮเทคสุดๆ ด้วยแล้ว เราก็ยิ่งอยากพิสูจน์ว่าจะสมคำร่ำลือไหม

ซีรีส์มีทั้งหมด 18 ตอน ซึ่งแต่ละตอนก็จะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป บ้างก็ใช้คนแสดง บ้างก็เป็นอนิเมชั่น บางตอนเสียดสีสังคมแบบขำๆ แต่หลายตอนก็ซาดิสต์ไส้แตก ฉะนั้น แม้ว่าจะเป็นการ์ตูนแต่นี่ไม่ใช่อะไรที่เด็กควรดู! เพราะภาพค่อนข้างติดเรตความรุนแรงพอสมควร แต่สำหรับผู้ใหญ่นั้น เอาเป็นว่าดูสนุกเกือบทุกตอน และเนื่องจากไม่อยากลืมตอนไหนเลย เราจึงขอบันทึกเรื่องย่อและความรู้สึกสั้นๆ ของแต่ละตอนไว้ตรงนี้ละกัน

Sonnie’s Edge

01

เล่าเกี่ยวกับโลกอนาคตที่หญิงสาวนามว่าซอนนี่สามารถควบคุมหุ่นยนต์สัตว์ประหลาดได้ ซึ่งเธอต้องบังคับมันให้ต่อสู้กับหุ่นยนต์สัตว์ประหลาดอีกตัวที่อยู่ในสังเวียนเดียวกัน พล็อตทำให้นึกถึงอนิเมะเรื่อง Angelic Layer ที่เคยดูสมัยเด็กๆ ตอนนี้มีฉากรุนแรงชนิดเครื่องในและเลือดทะลักให้เห็นกันพอสมควร มีฉากวาบหวิว 18+ ก่อนจะจบลงด้วยความสะใจ

Three Robots

02

ตอนนี้เป็นอนิเมชั่นที่เล่าถึงหุ่นยนต์สามตัว พวกมันออกมาสำรวจโลกมนุษย์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เหล่าหุ่นยนต์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ ของมนุษย์ เช่น กีฬา อาหาร ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงอย่างแมวที่ตามพวกมันมา ตอนนี้มีความยาวแค่ 11 นาที มีความคลายเครียดแต่ก็แอบตลกร้ายเล็กๆ ตอนสุดท้ายที่เหล่าหุ่นยนต์เจอแมวเป็นโขยง ซึ่งกำลังบอกเราเป็นนัยว่าแมวนี่แหละคือตัวการทำให้มนุษย์สูญพันธุ์

The Witness

03

ตอนนี้เราชอบ surrounding ของฮ่องกงมาก มีความเหนือจริงดี เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมจากห้องตรงข้าม ฆาตกรเห็นว่าเธอหน้าตาเหมือนคนที่เขาเพิ่งฆ่าไปจึงไล่ล่าเธอไปเรื่อยๆ จนตอนสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่เธอฆ่าฆาตกร แต่แล้วเธอก็ดันไปเห็นว่ามีคนหน้าตาเหมือนฆาตกรแอบมองเธอจากอีกฝั่งตึก บอกเป็นนัยๆ ว่าเหตุการณ์นี้จะวนลูปไปเรื่อยๆ

Suits

04

เป็นอนิเมชั่นแนว 3D ที่ภาพสวย เล่าเรื่องของชุมชนชาวนากลุ่มหนึ่งที่ต้องสู้รบกับเหล่าเอเลี่ยน พวกเขาสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาและเข้าไปบังคับในนั้น เหล่าเอเลียนมากันอย่างชุกชุมมากๆ ชวนให้ลุ้นว่ากลุ่มคนจะรอดหรือเปล่า เป็นตอนที่มีความบู๊ระดับหนึ่ง

Sucker of Souls

05

อนิเมชั่น 2D ที่ดูตอนแรกแล้วเหมือนการ์ตูนผจญภัยเด็กๆ แต่ขอบอกว่าไม่ใช่เลย เพราะเลือดสาดมาก ถ้าเป็นหนังคนแสดงจริงคงสยอง เล่าถึงกลุ่มนักสำรวจที่เจอสัตว์ประหลาดในถ้ำตามฆ่า แต่สัตว์ประหลาดนั้นมีจุดอ่อนคือมันกลัวแมว! แอบคิดว่าแมวจะมีบทบาทมากกว่านี้ แต่ก็ไม่มี แถมตอนจบยังชวนหดหู่ 555

When the Yogurt Took Over

06

ตอนนี้น่ารักและตลกดี เป็นอนิเมชั่น 3D ที่เล่าถึงโลกมนุษย์เมื่อโยเกิร์ตกลายเป็นผู้ปกครองเมือง (ใช่ โยเกิร์ตที่เรากินนั่นแหละ) เมื่ออยู่มาวันหนึ่งโยเกิร์ตที่ผ่านมือนักวิทยาศาสตร์มานั้นกลายพันธุ์จนสามารถพูดคุยและแก้ไขปัญหาระดับชาติได้ จึงมีทั้งมนุษย์ที่ยอมเชื่อฟังและมนุษย์ที่คัดค้านการปกครองนี้

Beyond the Aquila Rift

07

ตอนนี้เป็นคนแสดงจริง มีความน่าขนลุก ไม่ใช่ที่ด้านภาพ แต่เป็นพล็อตเรื่อง เป็นเรื่องของยานอวกาศที่กำลังจะกลับโลก แต่เกิดเหตุพลิกผันทำให้หลุดไปอยู่อีกแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากโลกหลายพันปีแสง เวลาบนโลกคือผ่านไป 100 ปีแล้ว พระเอกได้เจอกับกิ๊กเก่าที่สุดท้ายก็ช่วยเผยความจริงว่าที่ที่พระเอกอยู่คือดินแดนเอเลียน และเรื่องทั้งหมดคือความฝัน เมื่อพระเอกรับไม่ได้ ก็โดนพาเข้าฝันอีก แค่คิดถึงเนื้อเรื่องก็ขนลุกแล้ว เหมือน black mirror เวอร์ชั่นไซไฟจ๋าๆ

Good Hunting

08

ดูเรื่องนี้แล้วนึกถึงการ์ตูนสมัยเด็ก เป็นอนิเมชั่น 2D แนวจีนๆ เล่าเรื่องของมิตรภาพระหว่างหนุ่มชาวจีนกับปีศาจจิ้งจอกสาว เมื่อจีนตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรวมถึงสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ทำให้เวทมนตร์เก่าๆ เสื่อมสลายลง ปีศาจจิ้งจอกสาวแทบไม่สามารถกลับคืนร่างสมบูรณ์ได้อีกแล้ว ต้องติดอยู่ในร่างมนุษย์ ตอนแรกดูแล้วรู้สึกว่าไม่มีพิษมีภัยแต่ไปๆ มาๆ ตอนท้ายมีความเลือดสาดเหมือนกัน มีการใช้เทคโนโลยีมาทำให้จิ้งจอกสาวกลายร่างเป็นจิ้งจอกได้อีกครั้ง เหมือนจะเป็นเมสเสจบอกว่าเทคโนโลยีได้เทียบเคียงเวทมนตร์ที่เรามองว่าอยู่เหนือธรรมชาติแล้ว

The Dump

09

อนิเมชั่นสามมิติที่เปิดฉากมาก็เลือดพล่านแล้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับลุงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกองขยะ แล้ววันหนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่รัฐมาไล่เขาให้ออกไป เขาเล่าให้เจ้าหน้าที่รัฐฟังเกี่ยวกับออตโต สัตว์เลี้ยงของเขาซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดกองขยะ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐยังดึงดันจะไล่เขาออกไป ลุงก็สั่งให้ออตโตจับเจ้าหน้าที่รัฐกินอย่างโหดเหี้ยม อย่างซาดิสต์เลย

Shape-Shifters

10

ตอนนี้เล่าเกี่ยวกับทหารอเมริกันในอัฟกานิสถาน มีทหารสองคนที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์หมาป่าได้ แม้พวกเขาจะมีพละกำลังเหนือมนุษย์แต่ก็ถูกมนุษย์ดูแคลนอยู่ดี อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนของพระเอกที่เป็นมนุษย์หมาป่าเหมือนกันถูกศัตรูฆ่าตาย พระเอกก็ออกตามหาศัตรูแล้วล้างแค้นได้สำเร็จ ตอนสู้กันนี่ดุเดือดเลือดสาดมากๆ ส่วนตอนพระเอกเห็นศพเพื่อนนี่คือเศร้าจริง

Helping Hands

11

ตอนนี้เป็น 10 นาทีสั้นๆ ที่บีบรัดหัวใจมาก เป็นเรื่องของนักอวกาศสาวที่ต้องขึ้นไปซ่อมดาวเทียมคนเดียว แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุทำให้ถังอ็อกซิเจนรั่ว ตัวเธอก็ลอยห่างจากดาวเทียมไปเรื่อยๆ สุดท้ายเธอต้องถอดปลอกแขนด้านซ้ายแล้วโยนทิ้งเพื่อดันให้ตัวเธอกลับไปที่ดาวเทียมได้ แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียแขนข้างซ้ายที่เจอพิษหนาวเหน็บของอวกาศไป ฉากหักแขนเป็นอะไรที่ติดตาติดหูมากจริงๆ

Fish Night

12

 

อนิเมชั่น 2 มิติแบบสั้นๆ แค่ 10 นาที ช่วงแรกดูเหมือนไม่มีอะไร คู่หูเซลส์แมนรถเสียกลางทะเลทราย ชายที่แก่กว่าบอกหนุ่มรุ่นน้องว่าทะเลทรายตรงนี้เคยเป็นพื้นทะเลมาก่อน ตกกลางคืน มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น เพราะพวกเขาเจอวิญญาณปลาว่ายวนอยู่รอบตัว หนุ่มรุ่นน้องตื่นเต้นเลยพุ่งไปว่ายบ้าง ชายที่แก่กว่าก็เตือนตอนที่เห็นวิญญาณปลาฉลามกำลังเล็งชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ทันการณ์เพราะวิญญาณปลาฉลามพุ่งเข้าไปกินชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว จบไปแบบอึ้งๆ

Lucky 13

13

 

นี่น่าจะเป็นหนึ่งในตอนที่ให้ฟีลอบอุ่น ไม่ดาร์ก แม้ว่าฉากหน้าจะเป็นสงครามรบบู๊ก็เถอะ เป็นเรื่องของยานบินหมายเลข 13 ที่เคยมีประวัติว่าลูกเรือเสียชีวิตไป 2 คน ไม่มีใครกล้าขับยานนี้ ยานเลยตกเป็นของหญิงสาวน้องใหม่ ปรากฏว่าภารกิจของเธอสำเร็จลุล่วง ครั้งต่อๆ มาก็เช่นกัน ทำให้ยานลำนี้กลายเป็นตัวนำโชคไปเลย แต่ในภารกิจสุดท้ายเธอก็ต้องพรากจากมัน เป็นตอนที่มีความ emotional

Zima Blue

14

อีกหนึ่งอนิเมชั่นสั้นๆ ที่ไม่ได้มาสายดาร์ก อันนี้เล่าเรื่องของศิลปินหนุ่มผู้เก็บตัว แต่วันหนึ่งก็เชิญนักข่าวสาวให้มาช่วยบันทึกและถ่ายทอดเรื่องราวของเขาก่อนเปิดตัวผลงานชิ้นสุดท้าย งานศิลปะของศิลปินหนุ่มคนนี้มักจะมีพื้นที่สีฟ้าโผล่มาแบบเซอร์เรียลๆ และชิ้นสุดท้ายนี้เขาก็สร้างเป็นสระว่ายน้ำ ก่อนจะเผยว่าจริงๆ แล้วเขาเคยเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำมาก่อน ศิลปินหนุ่มพุ่งตัวลงไปในสระว่ายน้ำแล้วถอดชิ้นส่วนตัวเองที่ถูกแต่งเติมทุกอย่างเพื่อกลับเข้าสู่สภาวะดั้งเดิม สภาวะที่เขาเปรียบว่าเป็นบ้าน

Blindspot

15

เป็นเรื่องของหุ่นยนต์ที่ทำภารกิจแย่งชิงชิป มีความแอ็กชั่นมากๆ แอบทึ่งกับศัตรูที่เป็นหุ่นยนต์ตัวใหญ่ยักษ์ โผล่มาแอ็กแท็กทีนี่เอ็ฟเฟ็กต์หน้าหุ่นยนต์ยับเป็นแถบ เป็นอีกตอนที่ดูเพลินๆ สำหรับเรา ไม่ได้มีจุดที่ลุ้นอะไรมากเท่าไร ตอนจบมีความฮีลลิ่งดี

Ice Age

16

ตอนนี้เตะตาเราตั้งแต่ภาพ thumbnail แล้ว พล็อตเรื่องแปลกมาก คู่รักย้ายเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ใหม่แล้วเจอตู้เย็นโบราณ เมื่อเปิดช่องฟรีซ ก็เจอซากแมมมอธขนาดจิ๋วแช่แข็งอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือในบริเวณช่องฟรีซพวกเขาเจออารยธรรมมนุษย์พัฒนามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงยุคกลาง ไล่ไปปฏิวัติอุตสาหกรรม จนกระทั่งถึงปัจจุบัน แต่ไม่นานนักเมืองก็เจอระเบิดนิวเคลียร์ ทำเอาหน้าฝ่ายชายไหม้ซะแดงเถือก ตอนแรกก็คิดว่าคนในตู้เย็นคงไม่รอดแล้วละ แต่พอมาเช็กอีกที อ้าว พัฒนาไปโลกอนาคตแล้ว แต่แล้วก็เกิดแรงอัดของพลังงาน ทำให้ทุกอย่างหายไป วันต่อมาพอเช็กอีกที พื้นที่ตรงนั้นก็ย้อนกลับไปยุคสมัยโบราณตั้งแต่มนุษย์ยังเป็นวานรที่ต้องเผชิญกับไดโนเสาร์ เป็นอีกตอนที่ดูสนุก อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไปเรื่อยๆ

Alternate History

17

น่าจะเป็นตอนที่เกรียนแตกที่สุดแล้ว เล่าถึงโปรแกรม Multiversity เป็นโปรแกรมจำลองประวัติศาสตร์ที่สามารถแสดงความเป็นไปได้ต่างๆ ของเหตุการณ์ อย่างในตอนนี้โปรแกรมโชว์ 6 หนทางการตายของฮิตเลอร์ ว่าตายแต่ละแบบจะส่งผลต่อหน้าประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง ซึ่งแต่ละอันก็จะมีผลต่อเหตุการณ์สำคัญๆ อย่างสงครามโลกครั้งที่ 1,2 หรือแม้กระทั่งว่าใครเป็นคนแรกที่ได้ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ เป็นตอนที่เมากาวมาก แต่ก็เป็นตอนที่ฮาที่สุดเช่นกัน

The Secret War

18

เป็นตอนที่งานภาพมีความก้ำกึ่งระหว่างอนิเมชั่นกับคนจริงมาก เล่าเรื่องของกลุ่มทหารรัสเซียที่ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในอดีตของกองทัพ ดูแล้วลุ้นเหมือนกันโดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทำได้ดี ดิบเถื่อนเลือดสาด จำนวนสัตว์ประหลาดก็เยอะมากจนหวั่นใจแทน แต่สุดท้ายกลุ่มทหารก็เอาชนะได้ เพียงแต่ต้องเสียสละไปเยอะพอสมควร

ก็จบไปแล้วกับ Love, Death & Robots โดยรวมเราชอบนะ พล็อตของหลายๆ ตอนมีความมืดหม่นดี ถ้าไม่มืดหม่นก็ออกแนวจิกกัดไปเลย งานภาพคือดีมากกกก ภาพสวยทุกตอน ตอนไหนที่โหดเหี้ยมภาพก็จะแดงเถือกเป็นพิเศษ เห็นหนังหน้าเป็นอนิเมชั่นแบบนี้แต่นี่ไม่ใช่ซีรีส์สำหรับเด็กเลยแม้แต่นิด 555 สำหรับผู้ใหญ่ที่ดูซีรีส์นี้ บางตอนอาจจะให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปดูการ์ตูนสมัยเด็กอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ nostalgic ดีเหมือนกัน ได้ข่าวว่าจะทำภาค 2 ต่อด้วย รอติดตามกันได้เลย

ป.ล. รีวิวนี้เรียงลำดับตอนตามแบบที่ Netflix จัดมาให้เลย เราก็ไล่ดูตามนั้น แต่ไปอ่านเจอมาว่า Netflix มีการ A/B Test ทดลองสับเปลี่ยนลำดับตอนที่จะปรากฏให้แต่ละคนเห็นด้วย ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดถึง 4 รูปแบบ! ใครเจอลำดับตอนที่ไม่เหมือนเราก็มาแชร์กันได้นะ 555

2 thoughts on “รีวิว Love, Death & Robots (2019): ขอย้ำ นี่ไม่ใช่การ์ตูนเด็ก!

Add yours

  1. Three Robots น่ารักดี
    Beyond Rift หลอน
    ส่วน Helping Hand… เหนือคำบรรยายมากครับ ให้อารมณ์เหมือนหนัง James France เรื่องนึง

    Like

    1. เกือบทุกตอนดูแล้วหน่วงๆ ดีค่ะ บางตอนดูจบแล้วยังมาคิดหลอนต่อ

      Like

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Blog at WordPress.com.

Up ↑